BANGKOK RECORDER


BANGKOK RECORDER

V.o.l1 เล่ม ๑ บางกอก เดือน หก ขึ้น เจ็ด ค่ำ จุลศักราช ๑๒๒๗ March 1st 1865. คริศศักราช ๑๘๖๕ ใบ ๑ No. 1.

หนังสือ หลวง

๏ ชื่อ วัด, ชื่อ บ้าน, ชื่อ เมือง, ที่ มี อยู่ ใน แผ่น ดิน ไทย.
[.]าง แห่ง ก็เปน คำ ไทย แท้, ลาง แห่ง ก็ เปน คำ สังสกฤฎ แท้,
[.]าง แห่ง ก็ เปน คำ เขมร. ก็ คำ ราษฎร เรียก ทั่วๆ ไป นั้น, มัก
[.]ยก ตาม คำ คน มาก, แล สั้น ๆ ง่าย ๆ. แต่ ใน ราชการ คือ
หนังสือ ท้อง บัด ใบ ตรา มัก เรียก ยาว ๆ. แล เปน คำ สังสกฤฎ
โดย มาก. ถึง คำ สังสกฤฎ ก็ เรียก เต็ม. ฝ่าย ราษฎร แม้น
[.]คำสังสกฤต, ก็เรียกผิด ๆ ไป. ๚ะ

๏ เมือง หนึ่ง มี ชื่อ สอง อย่าง สาม อย่าอ, ฤา วัด หนึ่ง มี ชื่อ
สอง อย่าง สาม อย่าง, ตาม คำ หลวง แล คำ ราษฎร, แล คำ
เก่า คำ ใหม่, เมือง ที่ เปน เมือง หลวง เมือง ไทย บัด นี้, แต่
เดิม เปน หัว เมือง ชื่อ ธนบุรี, เปน ภาษา สังสกฤฎ. เขียน ตาม
ครู ที่ เขา แปลง สังสกฤฎ เปน หนังสือ โรม ดัง นี้. Dhanapuri.
จะ เขียน อย่าง เสียง ไทย อ่าน ไม่ ได้. แต่ คำ นี้ ใช้ ใน หนังสือ
ราชการ, แต่ คำ ตลาด เรียก เมือง บางกอก ทั้ง นั้น, ฤา ลาง คำ
เรียก สั้น ๆ, ว่า เมือง ธน, คู่ กับ เมือง นน. ก็ เมือง นน นั้น.
ตาม ราชการ เรียก ว่า นนทบุรี, เขียน เป็น สังสกฤฎ อย่าง ที่ ครู
เขา แปลง เป็น หนังสือ โรม, เขา เขียน ดัง นี้, Nandapuri:
ศรี มหาสมุท เขียน ตาม สังสกฤฎ, ตาม ครู ที่ เขา แปลง เปน
หนังสือ โรม, เขา เขียน ดัง นี้, Sri Maha Samudd. แต่ ถ้า
คน ทั้ง บ้าน ทั้ง เมือง, เมือง นน ก็เรียก ว่า ตลาด ขวัญ, เมือง
ธน ก็เรียก ว่า บางกอก. ต่อ ผู้ ที่ ขึ้น มา น้อย, จึง เรียก ว่า เมือง
นน เมือง ธน. ที่ เรียก เต็ม, เขียน เต็ม. คำสังสกฤต อย่าง ว่า
นั้น, มี แต่ คำ กราบทูล ใน หลวง อย่าง หนึ่ง, เขียน ใน ท้อง บัด
ใบ ตรา อย่าง หนึ่ง, คำ เรียก ไม่ ใคร่ มี.๚ะ

๏ ก็ ที่ เรียก บางกอก นั้น, คือ แต่ เดิม ลำ น้ำ ใหญ่, แต่
วัง น่า ลง มา จน ถึง วัง กรมหลวง วงษา ไม่ มี, เปน แผ่น ดิน. แม่
น้ำ เข้าไป ตรง น่า วัง น่า, แล้ว ไป เลี้ยว ลง วัด ขี เหล็ก ตลิง
ชัน, แล้ว เลี้ยว มา ถึง ป้อม วัง กรมหลวง วงษา. เรือ กะเชียง
เรือ แจว มา แต่ วัง น่า, ถึง วัง กรมหลวง วงษา, ทาง แต่ เช้า จน
เย็น, เวลา เข้า หุง เช้า อยู่ น่า วัง น่า ลืม หม้อ ไห ไว้, ล่อง เรือ มา
ถึง น่า วัง กรมหลวง วงษา, จะ หุง เช้า เยน กิน, นัก ได้ ว่า ลืม
หม้อ ไว้, จอด เรือ เข้า เดิน บก ไป, เอา ม่อ มา หุง เข้า เยน กิน
ทัน ได้. ที่ ริม ป้อม วัง กรมหลวง วงษา นั้น, มี คลอง หนึ่ง ปาก
คลอง เข้า ไป ข้าง เหนือ, แล้ว คด เคี้ยว ไป ใน สวน วน เวียน อยู่,
แล้ว ปลาย คลอง ไป ทะลุ ออก ที่ น่า วัง หลัง. ก้ ปาก คลอง ข้าง
ล่าง นั้น ชื่อ บางกอกใหญ่, ข้าง บน ชื่อ บางกอก น้อย. บาง นั้น
แปล ว่า คลอง, คลอง บน กับ คลอง ล่าง เรียก บางกอก เหมือน
กัน. ถ้า จะ เปรียบ เดี๋ยว นี้, เหมือน กับ ปาก ลัด แล บาง
กรวย, ปาก ลัด ก็ เรียก ว่า ปาก ลัด บน, ปาก ลัด ล่าง. ที่ บาง
กรวย นั้น ปาก ที่ ออก แม่ น้ำ ใหญ่ เรียก บาง กรวย นอก, ปาก ที่
ออก แม่ น้ำ น้อย เรียก บาง กรวย ใน. ถึง ปาก เตรจ ก็ เหมือน
กัน ฉันใด, บางกอก น้อย บางกอก ใหญ่ ก็ เปน เช่น นั้น. แต่
ลำแม่ น้ำนั้น อ้อม ไป.

๏ ก้ เมื่อ แผ่น ดิน พระเจ้า มหาจักรพรรดิ์, โปรด ให้ ขุด บาง
กอกใหญ่ บาง กอก น้อย, ให้ ตลุย ถึง กัน เปน แม่ น้ำ, แล้ว
สร้าง เมือง ลง รักษา ที่ ขุด สัก, เหมือน อย่าง แผ่นดิน พระบาท
สมเดจ์ พระพุทธ เลิศหล้า นภาไลย, สร้าง เมือง นคร เขื่อนขันธ์,
เขียน เปน สังสกฤฎ แต่ Nagar แต่ เขื่อน ขันธ์ นั้น เปน คำ ไทย,
จะ เขียน เปน คำ ไทย ก็ ได้. ที่ เดี๋ยว นี้ เรียก ว่า เมือง ปากลัด นั้น.

๏ ครั้น สร้าง เมือง ลง ที่ บางกอก ขุด ลัด แล้ว นั้น, ตั้ง
ชื่อ ว่า เมือง ธนบุรี. การ ที่ ขุด อย่าง นี้ ถึง นาน กว่า สาม ร้อย ปี
มา แล้ว ดู เหน จริง ดอก, ด้วย ลำ น้ำ ก็ ยัง แคบ กว่า ข้าง บน
ข้าง ล่าง ไม่ ใช่ ฤๆ, กว้าง เพียง สี่ เส้น เศษ ไม่ ถึง ห้า เส้น. ครั้น
ทาง ลัด มี ขึ้น แล้ว, น้ำ ลง เสีย ทาง ลัด, แม่ น้ำ เก่า ก็ แห้ง ไป
จน กลาย เปน ดอน เสีย ครึ่ง บ้าง ค่อน บ้าง. แม่ น้ำ ที่ แห้ง แล้ว
นั้น, จะ ตาม ไป สังเกต ดู ก็ จะ เหน. ผั่ง หนึ่ง สูง ฝั่ง หนึ่ง ต่ำ,
เปน รูป แม่ น้ำ ตลอด ไป. ก็ เมื่อ แม่ น้ำ เก่า กลาย เปน คลอง
ดั่ง นี้ แล้ว, ชื่อ บางกอก น้อย บางกอกใหญ่, ก็ ไป เรียก เอา
คลอง กลาย นั้น เปน. คือ ปาก คลอง กลาย ข้าง บน เรียก ว่า
บางกอก น้อย ตาม ชื่อ ที่ เดิม, ปาก คลอง กลาย ข้าง ล่าง, เรียก
บางกอก ใหญ่ ตาม ที่ บางกอก ใหญ่ เดิม. ก็ ลำ บางกอก ใหญ่
นั้น พิเคราะห์ ดูเถิด. ฝั่ง ป้อม แล บ้าน หมอ ปร้ดเล ท้าย เมือง
ธนบุรี นั้น ดอน, เพราะ เปน ตลิ่ง เดิม. ฝั่ง ข้าง กะดีจีน เข้าไป
นั้น ลุ่ม, เพราะ เปน เนื้อ แม่ น้ำ. เปน ดั่ง นี้ เข้าไป จน พ้น วัด
สังกระจาย ไป. ร่อง น้ำ ก็ เปรี่ยน ไป ปีก ฝั่ง น้ำ โน้น, ตั้ง แต่
บาง ยี่ เรือ เข้าไป ลุ่ม กลับ มา อยู่ ฝั่ง หนึ่ง, ตรง บาง ยี่ เรือ ค่าม.

๏ อย่าง หนึ่ง ให้ สัง เกต ด้วย วัด, วัด เรียง ไป ตาม ฝั่ง ข้าง
ดอน, แต่ ปาก คลอง ไป จน วัด สังกระจาย. ก็ ฝั่ง ข้าง กะดี จีน ไม่
มี วัด, เพราะ เปน แม่ น้ำ. วัด ไป มี ฝั่ง แม่ น้ำ เก่า คือ วัด ดอกไม้,
วัด ใหญ่, วัด, น้อย บาง ไส้ ไก่, วัด เหล่า นี้ อยู่ ฝั่ง แม่ น้ำ โบราณ,
กลาย เปน วัด กลาง สวน ไป เสีย แล้ว. ไป ถึง บาง ยี่ เรือ จึง มี
วัด ริม คลอง เปน ฝั่ง น้ำ เก่า, ก็ แนว ฝั่ง ข้าง วัด สังกระจาย ต่อ
ไป, มี วัด กีดวก, วัด เจ้า มูล, อยู่ ใน ฝั่ง แม่ น้ำ เก่า, เดี๋ยว นี้
กลาย เปน วัด กลาง สวน ไป เสีย แล้ว. คลอง ที่ ด่าน ตั้ง อยู่ เดี๋ยว
นี้ นั้น เปน คลอง เดิม โบราณ. คลอง นั้น แล ชื่อ ว่า คลอง บาง
หลวง แท้. ก็ ลำ บางกอก ใหญ่ นั้น แต่ เดิม, ก็ ใหญ่ โต เท่า กับ
คลอง บางกอก น้อย, แต่ เพราะ ตั้ง อยู่ ใกล้ เมือง ธนบุรี, คน
สร้าง เย่า สร้าง เรือน ลง มา มาก ปัก ถม ที่ ทาง ออก มา, ก็ ทำ
ให้ แคบ ไป. ราษฎร เหน ว่า เลก กว่า ลำ บางกอก น้อย, ไม่ ควร
จะ เรียก ว่า บางกอก ใหญ่, เห็น ว่า เท่า กับ ลำ บาง หลวง เสีย
แล้ว, ก็ เรียก ว่า คลอง บาง หลวง เสีย ที เดียว. แต่ ผู้ รู้ เปน
อัน มาก ไม่ ว่า อย่าง นั้น, ว่า ที่ เรียก ว่า คลอง บาง หลวง นั้น,
เรียก เมื่อ แผ่น ดิน เจ้า ตาก, เพราะ เจ้า ตาก ไป ตั้ง วัง อยู่ ที่ วัง
กรมหลวง วงษา เดี๋ยว นี้, คน ก็ เรียก ว่า วัง หลวง. ก็ ใน คลอง
นั้น เจ้า ตาก ให้ ไป ไล่ บ้าน ราษฎร เปน อัน มาก เอา เปน ที่ หลวง,
ประทาน ชุนนาง แล เจ้า นาย ใน แผ่น ดิน นั้น. แล คน จะ เดิน เรือ
ทาง นั้น ก็ ตั้อง รวัง ตัว ต่าง ๆ, คน จึง เรียก ว่า คลอง หลวง บาง
หลวง ไป, เพราะ เปน คลอง ริม วัง หลวง. เหมือน กับ จีน แต้
จิ๋ว ใน แผ่น ดิน นั้น คน เรียก ว่า จิ๋ว หลวง, เพราะ เปน เมือง เดีย[.]
ฤๅ พวก เดียว กับ กับ เจ้า ตาก. แต่ ใน กระบวน ราชการ แล้ว
เคย บาด หมาย เพด ทูล ว่า บางกอก ใหญ่ เสมอ อยู่, ไม่ ใช้ [.]
บางหลวง เลย. ใช้ ว่า คลอง บางหลวง ตั้ง แต่ ด่าน เลี้ยว เ[.]
ไป ข้าง วัด ปาก น้ำ, นอก นั้น ออก มา ยัง คง เปน บางกอก ใหญ่

๏ ครั้ง แผ่นดิน เจ้า ตาก มา ตั้ง เปน เมือง หลวง, ก็ เรียก เมือง
บางกอก นี้ ว่า กรุง ธนบุรี บ้าง, พระนครธน บ้าง. ครั้น มา ถึง
แผ่นดิน ซึ่ง เปน ต้น พระ บรมราชวงษ์ นี้, ไป รื้อ เอา คำ แพ[.]
เมือง ศรี อยุทธยา เก่า มา สร้าง เมือง, ท่าน ผู้ เปน เจ้า ของ สร้าง
ขึ้น, ท่าน ขนาน นาม ว่า กรุง รัตนโกสินทรมหินทรายุทธยา. ใ[.]
บาด หมาย ดั่ง นั้น เปน แบบ แผน. หนังสือ เก่า ๆ ใน ต้น แผ่น
ดิน นั้น ก็ ยัง มี อยู่, อ้าง ว่า เตา สุรา กรุงรัตนโกสินทร์, บ่อน เบี้[.]
กรุง รัตนโกสินทร์ แล อื่น ๆ. แต่ เดี๋ยว นี้ สาบสูญ ไป, ไม่ มี ใคร
เรียก มาก, ใช้ อยู่ แต่ ใน หนังสือ สำคัญ, ๆ ที่ ท้อง บัต ไบตรา
ทั้ง ปวง, ก็ เรียก แต่ ว่า กรุงเทพ มหานคร. คำ นี้ เคย ใช้ แ[.]
เมือง เหนือ มา. เมือง ไร เปน เมือง หลวง ฝ่าย ไทย แล้ว ก็ เรียก ว่า
อย่าง นั้น. เหมือน เมือง ร้าง ของ พระ เจ้าอู่ทอง, ที่ เดี๋ยว นี้ ชาว
เหนือ เรียก ว่า เมือง คิปน น้ำ นั้น. แต่ เดิม ก็ เรียก ว่า กรุงเทพมหา
นคร. ถ้า จะ แปล ตรง ตัว ก็ ว่า เมือง หลวง เมือง ที่ เจ้า แผ่นดิน
ใหญ่ อยู่. แต่ ถ้า จะ ได้ ตาม ตัว กรุง นั้น, เค้า โบราณ ว่า แม่ น้ำ
ก็ เจ้า เมือง ใด เปน เจ้า ของ ที่ ตลอด ต้น น้ำ จน ปลาย น้ำ,
เรียก ว่า พระเจ้ารุง. ก็ เมือง ที่ อยู่ พระเจ้ากรุง, ก็ เรียก ว่า กรุง
เสีย ด้วย, เทพมหารคร. เขียน ดัง นี้ ก็ ถูก กข สังสกฤฎ
ไม่ ผิด เลย. แต่ ผู้ อ่าน เปน ลูกสิศ สิ้น ลาว ก็ อ่าน ให้ ผิด ไป. ก็
ตาม สังสกฤฎ แท้ ที่ ครู ผู้ รู้ เขา แก้ ไป เปน หนังสือ โรม, ดัง นี้
Devamahanagar สังสกฤฎ แท้, Debiamahangar
สังสกฤฎ แผลง คง แท้. ถ้า เขียน ไทย ตาม นั้น เขียน ดัง นี้,
กรุงเทพ มหานคร, ฯ เดี๋ยว นี้ ไทย เขียน แต่ สั้น ๆ ว่า กรุง
เทพ ฯ ดัง นี้ โดย มาก, ก็ คน ต่าง ประเทศ เดี๋ยว นี้ ก็ เอา คำ
ไพร่ คน ทั้ง บ้าน ทั้ง เมือง เรียก ไป บางกอก, มา บางกอก, อยู่
บางกอก, ตาม คำ คน เปน อัน มาก พูด กัน. ก็ ไม่ มี ใคร ว่า ไ[.]
เพราะ เปน คำ ไทย แท้. แต่ ที่ จริง นั้น ควร จะ เป็น บางกอก อยู่
แต่ ปาก คลอง บางกอก ใหญ่ ขึ้น ไป, ปาก คลอง บางกอก น้อย ลง
มา, เพราะ ที่ อื่น ก็ ชื่อ สำปลื้ม, สำเพง, คอกควาย, สำเหร่, ดาว
[.]ง, อะไร ๆ ไป. แต่ ซึ่ง เรียก บาง กอกตลอดไป นั้น, เพราะ
อ[.]บ้าน ย่าน เรือน ติด กัน ไป แต่ บางกอก, ก็ จึง ชื่อ บาง กอก
[.]ยมด, ตั้ง แต่ คอก ควาย ขึ้น ไป จน สามเสน, ถ้า ตั้ง แค่
[.]ส นอง ขึ้น ไป จน บางพลู, บางพด [.] แต่ ตำบล เหล่า นี้, โบ
[.]พ เขา เรียก ว่า สวน ใน, ตั้ง แต่ ตลาดขวัน ลง ไป จน ปาก ลัด
[.]พ ข้าง แม่ น้ำ แม่ กลอง เรียก ว่า [.]อน ฉอก. แต่ เดี๋ยว นี้ คน
[.]ก สวน ใน ว่า บางกอก, สวน นอก ว่า บางช้าง. ก็ บางช้าง นั้น
ลำ บาง ลำ หนึ่ง เปน ลำเลก, ตึ้น [.] แล้ง น้ำ ขึ้น ไม่ ถึง, แห่ง
[.]ยู่ คน เรียก คลอง นั้น ว่า บางช้าง, ก็ เหตุ ไร จึง ชื่อ นั้น มา ครอบ
[.]น ชื่อ สวน ย่าน นั้น ทั้ง หมด. ยัง ไม่ รู้ เหตุ ที่ สมควร เลย.
[.]น ๏ ตัด ใจ ความ ว่า, พระนคนี้ เจ้า ของ ท่าน ก็ ให้ ชื่อ ว่า
ให้ โกสิน ทรมทินทรายุทธยา. แล ชื่อ โบราณ มี มา ว่า ธนบุรี
[.]เคารพย์ ก็ มี ว่า กรุงเทพ มหานคร. ก็ ชาว ใน เมือง, นอก
[.]ทัง ปวง, เหน ว่า ชื่อ เหว นี้ เรียก ยาก ไป ทั้ง หมด, เรียก
[.]แต่ ว่า บางกอก ตาม คำ เปน อัน มาก. ของ ก็ ลง เปน
[.]แผน เป็น ตัว อย่าง อยู่ แล้ว, ควร ยอม ใช้ ได้ ไม่ เกี่ยง, เขียน
[.]อยู่ แล้ว. ถึง เมือง นคร เขื่อนขันธ, เมือง สมุทรปราการ, ชื่อ
[.]มี, ชาว บ้าน ชาว เมือง ก็ เรียก ว่า ปาก ลัด, ปากน้ำ. คน
[.]เทศ เขา ก็ เรียก ปากลัด, ปากน้ำ, ตาม ไป ก็ ควร อยู่ แล้ว
[.]ง่าย. เมืองฉเชิงเทรา เปน ชื่อ เขมร. คน ทั้ง ปวง เรียก
[.]ริว. คน นอก ประเทศ ก็ เรียก ว่า แปดริ้ว ด้วย, ก็ ง่าย
เรีย ตาม คน เปน อัน มาก. แต่ เมือง เพชรบุรี, คำ คน เปน
[.]มา ทั้ง บ้าน ทั้ง เมือง เขา เรียก พริบพรี บ้าง, เพดพรี บ้าง,
ก็ ที่ เขา เรียก เพชรบุรี, เปน คำ สังสกฤฎ เปน แต่ คำ หลวง,
ยาง ธนบุรี, นนทบุรี, นครเขื่อนขันธ, สมุทรปราการ, ฉเชิงเทรา.
[.]น แล เหน ว่า ถ้า จะ เรียก กรุงเทพ มหานคร, ว่า บางกอก แล
ที่ อื่น ว่า ปากน้ำ, ปากลัด, ตลาดขวัญ, แปดริ้ว แล้ว, เพชรบุรี,
จะ เรียก ตาม คำ คน มาก ว่า พริบพรี, ฤๅ เพดพรี, จึง จะ สม กัน.
ก็ พวก ครู ที่ พิมพ์ จะ เอา คำ อย่าง ใน หลวง อย่าง สังสกฤฎ แท้ ก็
มี เอา, ก็ เหน ว่า ไม่ ดี แล้ว, แล ไป เพดจบุรี, แล ใส่ จด บน, คือ
[.]ะ ให้ อ่าน ว่า เพดณะบุรี ไป ตาม เสียง ขรัว เก้า เจ้า วัด, ตา ครู มา
[.] อวต รู้ สำแดง บาพี แล้ว มิ หน้า, ซำแปล ลง ไว้ ว่า เปน
เมืองเพช. สำแดง ทั้ง บาพี ทั้ง เมื้อ ความ, อวด หลัก ด้วย
อเมือง นี้ หนัก หนา นัก จะ ตอ้ง ก็ ต้อง การ อะไร. จะ มา ทำ
ให้ เกิด ชื่อ เปน อย่าง หนึ่ง ขึ้น ไม่ ต้อง การ. มื่อ เขียน ไป อย่าง
นี้ ผู้ ที่ รู้ สังสกฤฎ แท้ บาฬี แท้, เขา มี อยู่ ที่ อื่น ถม ไป, เขา จะ
ว่า ผู้ ลง พิมพ์ เปน ลูก ศิษ คน ซุ่ม ซ่าม, ไม่ ทำ ตาม ตำ รา ภาษา
สังสกฤฎ ที่ เขา ทำ ให้ สำเร็จ แล้ว, เอา แต่ เสียง ชาว ป่า ขึ้น เชิด
ชู. ที่ เขา จะ ตาม ฉบับ นี้, เขา คง ไม่ ตาม ใน ภาษา สังสกฤฎ.
เขา จะ คิด ว่า คำ นั้น เปน แต่ ภาษา ไทย, ก็ ที่ แท้ มิ ใช่ ภาษา ไทย.
ภาษา ไทย แท้ เขา เรียก เพดพรี บ้าง, เพดพรี บ้าง ต่าง หาก. ก็ ถ้า
จะ ลง พิมพ์ ว่า พริบพรี เพดพรี แล้ว, จะ ใช้ ตัว อะไร ก็ ตาม ใช้.
ให้ ออก เสียง ว่า พริบพรี เพดพรี ได้ แล้ว เปน ดี เปน ถูก ภาษา ไทย.
แต่ ที่ เขียน ว่า เพดจะบุรี, มี จุด ค่าง บน สอง แห่ง นั้น ขัด ตา นัก.
อ่าน ก็ ขัดปาก นัก, จะ ทำ อะไร ก็ ทำ ให้ เสมอ กัน. จะ เอา คำ
คน เปน อัน มาก แล้ว, ก็ จง เอา คำ คน เปน อัน มาก. ถ้า จะ เอา
คำ หลวง, ก็ จะ ต้อง มา ขอ ให้ ใน หลวง ลง หนังสือ ให้ ถูก
สังสกฤฎ, ถึง จะ ผิด กับ เสียง ชาว วัด ก็ ไม่ ไกล นัก. ผู้ รู้ สัง
สกฤฎ เขา ได้ เหน. เขา จะ ได้ ว่า ที่ รู้ สังสกฤฎ แท้, และ สืบ รู้
ว่า วิธี ที่ เขา แก้ เปน นัง สือ โรม ไว้ แล้ว, มี ตัว อยู่ บ้าง ไม่ ซุม
ซ่าม เซอะ เซิง อย่าง ชาว วัด ชาว วา ชาว ป่า ชาว ดง, ผู้ สังส
กฤฎ แท้ ใน ไทย, อย่า อวด ตัว ว่า รู้ บ้าง, เหมือน อย่าง ผู้ ลง
พิมพ์ อวด ว่า เรียน รู้, แปล คำ ว่า เพดจะบุรี, ว่า เมือง เพช
ได้ นั้น.

๏ แผ่น ดิน โลกย์ โต เท่า ใด ๚ะ

๏ เขา ได้ วัด แผ่น ดิน โลกย์ ใหม่, เห็น ได้ สอง หมื่น ห้า
พัน ไมล์. ถ้า จะ คิด ตาม ไทย, ได้ ประมาณ ๒๕,๐๐๐ โยชน์. การ
ที่ จะ วัด ของ ใหญ่ เช่น นั้น ก็ ยาก อยู่, แต่ จะ วัด ให้ ถูก ที เดียว
ก็ ได้. ถ้า รก ไฟ จะ ไป ทั้ง กลาง วัน กลาง คืน, โมง ละ ๒๕
ไมล์, ถ้า โมง ละ สอง โยชน์ ถึง ไม่ อยุด เลย, ก็ จะ ต้อง ไป
ครบ หก ขวบ อาทิตย์, จึง จะ ได้ ๒๕๐๐๐ ไมล์, จึง จะ
เท่า ที่ วัด รอบ โลกย์ นี้ ได้. ถ้า จะ วัด ตรงไป ตาม ที่ สูญ ใส้
แผ่น ดิน โลกย์ นี้, ก็ จะ ได้ ๘,๐๐๐ ไมล์, คือ ประมาณ
ได้ ๕,๐๐๐ โยชน์. ถ้า จะ แบ่ง แผ่น ดิน โลกย์ ออก วัด เป็น ไมล์
สี่ เหลี่ยม ทั้ง ๘ ด้าน, ก็ จะ เปน ๒๖๖๐๐๐๐๐๐๐ ไมล์ ไ[...]
จะ อ่าน นี้ ได้ ก็ อ่าน ไป เถิด.

๑ ถนน ทาง รก ไฟ ใน เมือง จีน. ๚ะ

๑ เซอ แมก ดัน คลัล์ ชะ ติ ฟัน ซัน, ผู้ ที่ คิด หมาย การ ทาง
รก ใหญ่ ๆ ใน เมือง มังคลา นั้น, ได้ ไป ถึง เมือง จีน แล้ว,
เพื่อ จะ ได้ หมาย การ ทำ ทาง รถไฟ ที่ เมือง จีน นั้น ด้วย. ท่าน
ผู้ นั้น คิด ว่า, จะ ให้ เมือง ฮัน เขา นั้น, เปน ที่ ทาง รก ต่าง ๆ
ใน เมือง จีน มา ประชุม ร่วม กัน ที่ นั้น. ทาง รถ ไฟ ที่ จะ ไป จาก
เมือง ฮัน เขา, ถึง เมือง เซี่ยง ไฮ้ นั้น, จะ เปน ทาง ๖๕๐. ไมล์.
หาง ที่ จะ ไป เมือง กิง ตัง นั้น, จะ เปน ทาง ๘๕๐ ไมล์. แล ทาง ที่
จะ ไป เมือง กาลกัตตา ใน แว่น แคว้น มังคลา นั้น, จะ เป็น ทาง
๑๖๐๐ ไมล์. แล้ว จะ ต้อง ทำ ทาง รก ไฟ, ตั้ง แต่ เมือง เซียง
ไฮ้, ถึง เมือง ปะกิ่ง จะ เปน ทาง ๘๕๐ ไมล์.

เซอ แมก ดันอัล ซติฟัน ซัน คิด ว่า, จะ ทำ ทาง รถไฟ ที่ เมือง
จีน นั้น, เปน ทาง สั้น ๆ ไว้ ก่อน. ตั้ง แต่ เมือง เทีย จี๋น,
ถึง เมือง ปะกิ่ง, แต่ พอ ให้ พวก จีน เห็น เป็น ตัวอย่าง ไว้ ก่อน

๏ เมือง อเมริกัน. ๚ะ

๏ มี ข่าว เกิด เมื่อ เดือน ยี่ ขื้น ค่ำ หนึ่ง มา ถึง คราว นี้ ว่า,
เช็นเนอเร็ล เซอมัน, แม่ ทัพ ฝ่าย ข้าง เมือง นั้น, ยก ทับ ใหญ่
ถลุ ตลอด ไป ถึง เมือง พวก กระ บถ, ที่ เรียก ว่า เมือง ชอเชีย
นั้น, เปน ทาง โดย ยาว ได้ ๓๐๐ ไมล์. เดิน ไป ได้ ๒๗ วัน ก็
ตลอด ถึง เมือง ซะวานา, เปน หัว เมือง ใหญ่ ชาย ทะเล. ไป ได้
โดย สดวก ไม่ ใคร่ จะ มี ผู้ ใด มา ต้าน ทาน รบ พุ่ง. ได้ ทำลาย
หัว เมือง ใน ประเทศ นั้น ๔๒ หัวเมือง. แล้ว เก็บ ริบ เอา สิ่ง ของ
ทิ ต้อง การ ทั้งปวง นั้น, ทุก สิ่ง ทุก ประการ, ได้ ทำลาย ล้าง ทาง
รถไฟ เสีย ทาง ไกล โดย ยาว ได้ ๒๐๐ ไมล์. แล้ว ได้ เผา ฝ้าย
เสีย, คิด เปน ราคา ได้ หลาย ล้าน เหรียน. จับ ได้ ทหาร พวก
กระบถ นั้น ๔๐๐๐ คน. คน ดำ ที่ เปน ทาษ ของ เขา นั้น ได้ หมื่น
คน, ได้ ม้า ๑๕๐๐๐ ม้า, ปืน ใหญ่ ๓๐ บอก. เมื่อ กระทำ การ
ศีก ใหญ่ เช่น นี้, ก็ เสีย ไพร่ พล แต่ ๑๕๐๐ คน, ไม่ ได้ เสีย ปืน
ใหญ่ เลย สัก บอก เดียว, แล รถ ก็ ไม่ ได้ เสีย เลย.

[.]เช็นเนอเร็ล เซอมัน นั้น, ยก กองทัพ มา ถึง เมือง ซะวา
[...]เดือน อ้าย ขึ้น เจ๊ด ค่ำ ปี ฉวด ฉศก. จึง มี หนังสือ ไป ถึง
[.....]ล ฮาตี เปน ผู้ แม่ ทัพ ฝ่าย กระบถ, ตั้ง รักษา เมือง ซะ
ว่า นา อยู่. ใน หนังสือ นั่น ใจ ความ ว่า, ให้ ท่าน เปิด ประ[..]
ไว้ รับ เรา เถิด. ถ้า ท่าน เปีด รับ เรา โดย ดี, เรา จะ ไม่ [..]
ราย แก่ ผู้ ใด. ถ้า ท่าน ไม่ ยอม, เรา จะ ทำลาย ล้าง เมือง ไป ทั้ง
จง ได้. ส่วน แม่ ทัพ ฝัง กระบถ นั้น, มี ทหาร ประมาณ เฉลย
หมื่น คน, ก็ สดุ้ง ตกใจ กลัว, ก็ พา พวก ทหาร หนี ไป ใน [..]
คืน วัน นั้น. ครั้น ณวัน เดือน อ้าย แรม แปด ค่ำ, ปี ชวด [..]
เซ็นเนอเร็ลเซอนัน, ก็ พา ทหาร เข้า เมือง ได้, เก็บ ได้
ได้ ๑๕๐ บอก. แล รถไฟใหญ่ ได้ ๑๙๐ รถ, เรือ กลไฟ [.]
ลำ, ฝ้าย ที่ หีบ อัด แล้ว [.] สาม หมื่น เบละ, คิด เปน ร่อ[.]
ได้ ๔๐ ล้าน เหรียญ. แล้ว จับ ทหาร ได้ ๘๐๐ คน, ได้ ดิน
แล เครื่อง สาตราวุธ นั้น มาก กว่า มาก. ไพร่ พล ชาว เมือง [.]
ประมาณ ได้ สอง หมื่น คน. ไม่ ได้ ทำ อันตราย แก่ เขา เลย,
เขา อยู่ เปน ปiกติ.

หนังสือ [...] การ

ที่ จะ ทำ หนังสือ จดหมายเหตุ, [...] บางกอกรีคอเดอ ต่อ

๑ ตั้งแต่ นี่ ไป จะ ไม่ ให้ ติด อยู่ กับ หนังสือ จดหมายเหตุ
ที่ เปน ภาษา อังกฤษ นั้น ต่อ ไป [..] จะ ให้ ตี ต่างหาก, เปน
ใบ สี่ น่า เต็ม ๆ เช่น อย่าง ฉบับ นี้ [....] นั้น, จะ จุ[.]
ที่ ว่า ด้วย การ บ้าน เมือง, แล ความ รู้ รอบ ตาม หนังสือ,
สีน ปะสาตร วิชาการ ต่าง ๆ, แล [..] พอค้า, แล ข่าว ที่ บั[.]
ใน เมือง นี้, แล เมือง ที่ ส้อม รอบ. แล จะ คัด เอา ข่าว
หนังสือ จดหมายเหตุ, ที่ มี มา แต่ เมือง จีน, เมือง ปะเตเวีย
เมือง สิงคโปร์, เมือง ปีแนง, เมือง [.]ะม่า, เมือง บังกะล่า, เมือง
ลังกา, เมือง บำใบ, ประเทศ ยุรป, แล ประเทศ อเมริกัน. จะ คัด
เอา ข้อ ความ ออก จาก หนังสือ จดหมาย เหล่า นั้น, ที่ จะ เปน ประ
โยชน์, แก่ ผู้ ใด ๆ ที่ อ่าน. เจ้าของ บางกอกรีคอเคอ, จะ เอา ใจ ใส่
เพื่อ จะ ได้ ให้ หนังสือ จดหมายเหตุ นั้น, เปน ของ ดี ยั่งยืน มั่นคง
เปน ของ ที่ ควร ชาว ประเทศ สยาม จะ กน, ได้ ช่วย ให้ จำเริญ ดี

ราคา หนังสือ บางกอกรีคอเดอ

ครบ ปี หนึ่ง เปน ห้า บาท, ครึ่ง ปี เปน สาม บาท, ผู้ ที่ ลง[..]
ไว้ ว่า จะ เอา ทุก เดือน นั้น, ถ้า จะ เอา [..] อัน หนึ่ง สอง อัน, ก็ [..]
อัน ละ สลึง เฟื้อง, ถ้า ไม่ ได้ ลง ซื้อ ไว้ ก็ เปน อัน ละ สอง สลึง [..]
เจ้าของ บางกอกรีคอเดอ, คือ ดี.บี.ปรัดเล แล เอ็น.เอ.แมกดัล[..]