

| VOL. I. เล่ม ๑ บางกอก เดือน ห้า จุลศักราช ๑๒๒๗ April 1st 1865. คริศศักราช ๑๘๖๕ ใบ ๓ No. 3. |
เมือง ยูไนติศซเตศ
๏ อนึ่ง เมือง ยูไนติษซเตษ นั้น, แต่ เดิม เปน เมือง ขึ้น แก่
เมือง อังกฤษ, ทั้ง ประเทศ ที่ อยู่ ใน ระว่าง มหาสมุท ชื่อ อัตลันติก,
จน ถึง มหาสมุท เปซิฟิก นั้น. ครั้น อยู่ มา เมือง อังกฤษ กับ ชาว
อะเมริกัน ต่าง ๆ มาก มาย, บังเกิด ทุ่ม เถียง กัน, เมือง อังกฤษ ก็
ข่มขี่ ข่มเหง ชาว เมือง อะเมริกัน ต่าง ๆ นัก. ชาว อะเมริกัน ทน
ไม่ ได้, จึ่ง แขง เมือง อยู่. เมือง อังกฤษ จึ่ง ยก ทับ ไป ตี เมือง ยูไน
ติษซเตษ, ๆ ต่อ สู้ ต้าน ทาน อยู่ ประมาณ เจ็ด ปี, เมือง อังกฤษ ก็
พ่าย แพ้ แก่ เมือง ยูไนติษซเตษ, แล้ว จึ่ง ยอม ให้ ตั้ง ตัว เปน ใหญ่
ใน กฤษ ศักราช ๑๗๘๓ ปี, คือ ๘๒ ปี มา แล้ว. คราว นั้น เมือง
ยูไนติษซเตษ เปน ๑๓ หัว เมือง ดว้ย กัน, คือ นิวฮัมเชี่ย ๑ แมซ
ชิวเซกซ์ ๑ โรไคลันก์ ๑ กอนเนดติก ๑ นุยอก ๑ เปนซิลเวเนี่ย ๑
นิวเซอซิ ๑ เดลลิวาร์ ๑ เมริลันด์ ๑ เวชชี่เนี่ย ๑ นอตท์แกระโรไล
ณา ๑ เซาศกาโรไลนา ๑ ชอเชี่ย ๑.
๏ ครั้ง นั้น ประเปศ ที่ อยู่ ใน ระว่าง มหาสมุท อัดท์ลันติก กับ
มหาสมุท เปซิฟิก นอก จาก ที่ เปน ยูไนติษซเตษ ๑๓ หัว เมือง นั้น,
เปน ป่า ทึบ, มี แต่ ชาว ป่า อยู่ ห่าง ๆ. ป่า นั้น เปน ป่า ใหญ่ กว้าง
ขวาง นัก, ขึ้น แก่ ยูไนติษซเตษ ทั้ง นั้น, แต่ หา ได้ ตั้ง เปน บ้าน
เมือง ไม่, เพราะ มี คน นอ้ย นัก. ครั้น ภาย หลัง เกิด คน ตาม
ชาย ป่า มาก ขึ้น ประมาณ ได้ ๔๐๐๐๐ คน เมื่อ ได, จึ่ง จะ ตั้ง เปน
หัว เมือง ขึ้น แก่ ยูไนติษซเตษ. คน ก็ เกิด ขึ้น ใน เมือง อะเมริกัน
เรว นัก, จึ่ง ชวน กัน เข้า ไป ตั้ง บ้าน เมือง ใน ป่า จน ถึง มหาสมุท
เปซิฟิก, บัด เดียว นี้ ก็ เปน ๓๖ หัว เมือง ดว้ย กัน.
๏ บันดา เมือง ที่ ขึ้น ใหม่ นั้น, คือ เวอมอนต์ แล เค็นตักเก,
ขึ้น ใน คฤษศักราช ๑๗๙๒, เต็นนิซี ๑๗๙๖, โอไฮโอ ๑๘๐๒,
ลูอีศเอเนีย ๑๘๑๒, อินดิยานา ๑๘๑๖, มิศซิซิบปี่ ๑๘๑๗,
อิลิ้นอย ๑๘๑๘, อิาละบามา ๑๘๑๙, เมน ๑๘๒๐, มิศซูรี่ ๑๘๒๑,
อาแคนซัศ ๑๘๓๖, มิซิแคน ๑๘๓๗, ฟะลอรีตา ๑๘๔๕,
เต๊กซัศ ๑๘๔๕, ไอโอวะ ๑๘๔๖, วิศกอนซิ่น ๑๘๔๘, กาลิพอ
เนิย ๑๘๕๐. แต่ แกนซัศ ๑ เมนิโซตา ๑ เดโดตา ๑
นิแบรศกา ๑ ออริคอร ๑ ห้า หัว เมือง นี้ ขึ้น แก่ เมือง ยูไนติศ
ซเตศ ใน สิบ ปี เรว ๆ นี้, หา รู้ ว่า จะ ได้ ขึ้น ปี ไหน ไม่.
๏ แต่ เมือง นิวาดะ นั้น, ก็ ขึ้น อยู่ ใน เมือง ยูไนติษซเตษ,
เมื่อ คฤศ ศักราช ๑๘๖๔. นิวาดะ ตั้ง อยู่ ใน ระหว่าง ลอนชิตุด,
แต่ เมือง ครีน วิศ ฝ่าย ทิศ ตวัน ตก ได้ ๑๑๕ ติครี่, กับ ๑๒๐ ติครี่,
และ ใน ระหว่าง ลัตติตุด ฝ่าย เหนือ ๓๗ กับ ๔๒ ติครี่. เปน ประ
เทศ สูง กว่า หลัง มหาสมุท ประมาณ ๖๐๐๐ ฟุต. แม่ น้ำ ใหญ่
ชื่อ โกลำเบีย ๑ แล โคโลเรโด ๑ เกิด ขึ้น ที่ เขา นิวาดะ นั้น. มี ภูเขา
มาก. บน ยอด เขา คัดสน นัก, แต่ ที่ ลำ หว้ย นั้น, เปน ดิน อุดม
ดี. แต่ ทว่า จะ สู้ เมือง กาลิฟอเนีย มิ ได้, ดว้ย ดิน ที่ เมือง กาลิ
ฟอเนีย อุดม ดี นัก. ใน เมือง นิวาดะ นั้น จะ หา กิน ตาม การ ทำนา ก็
จะ คัดสน อยู่. คน ขึ้น ไป อาไศรย อยู่ ใน เมือง นิวาดะ, เพราะ
เหน แก่ แร่ เงิน, แร่ ทอง, แร่ ปรอด, แร่ เหล็ก, ทานหิน, แล
เกลือ.
๏ เมื่อ ก่อน สี่ ปี ที่ พ้น มา แล้ว นั้น, คน ที่ ใน เมือง นิวาดะ
มี อยู่ แต่ ๖๐๐๐ คน. ถัด มา อีก สอง ปี ก็ ขึ้น อีก ยี่ สิบ ห้า พัน คน.
แล ปี ชวด ฉศก นั้น, มี ชาย สกัน นับ ได้ สิบ เอ็ด พัน. แต่ ปี นั้น
หา ได้ นับ คน นอก ชาย สกัน ไม่, เปน แต่ เดา ประมาณ ว่า, จะ ถึง
ห้า สิบ พัน คน ทั้ง ชาย สกัน, ทั้ง หญิง ทั้ง เด็ก แล คน แก่. มี มาก
ภอ ที่ จะ ให้ เมือง นิวาดะ นั้น, ขึ้น เปน หัว เมือง แก่ เมือง ยูไนติษ
ซเตษ ได้, แล ให้ มี ดาว ที่ สาม สิบ หก ใน ธง แห่ง เมือง อะเมริกัน
นั้น สำรับ เมือง นิวาดะ.
๏ แล เมือง นิวาดะ มี คน ทะวี ขึ้น มาก เรว, เหมือน เมือง
กาลิฟอเนีย นั้น, เพราะ คน นอก ไหล เข้า ไป เปรียบ เหมือน แม่
น้ำ ไหล ไม่ ขาด. แล้ว เขา ก็ ตั้ง บ้าน อยู่, ดว้ย เหน แก่ แร่ ทอง,
แร่ เงิน, แล แร่ อื่น ต่าง ๆ บริบูรรณ นัก, เหลือ จะ มี ที่ อื่น ๆ
จะ เปรียบ เทียบ ได้. ใน ปี ชวด ฉศก นั้น มี เครื่อง โม่ เปน จักร
สำหรับ บด หิน ที่ มี ทอง แล เงิน ติด อยู่ นั้น, นับ ได้ ๑๒๕ จักร.
๏ อัน ที่ ลง ทุน ทำ จักร ๑๒๕ อัน นั้น, เปน หลาย ล้าน
เหรียน, ลาง แห่ง คิด เปน เงิน อัน ละ หมื่น เหรียน, ลาง แห่ง
เปน เงิน อันละ แสน เหรียน. เขา ชัก โม่ นั้น ดว้ย น้ำ ไหล จาก ที่
สูง บ้าง, แล ดว้ย อาย น้ำ รอ้น บ้าง.
๏ อนึ่ง แร่ ทอง, แล แร่ เงิน, ที่ ยัง ไม่ ได้ ชำระ นั้น, ชั่ง นัก
สิบห้า หาบ ได้ เงิน ชำระ แล้ว ประมาณ ห้าสิบ เหรียน. แล ใน ปี
เดียว ได้ ทอง แล เงิน ชำระ ดี ถึง สิบห้า ล้าน เหรียน.
๏ ข่าวใหม่เมืองอะเมริกัน,,
๏ ป้อม ใหญ่ ที่ ชื่อ ฟิศเชอ, อยู่ ฝ่าย ใต้ เมือง วิล์มิงตอน
นอ่ย หนึ่ง, เปน ปอ้ม ใหญ่ ฝ่าย พวก กระบถ นั้น ก็ แตก แล้ว, เมื่อ
ณวัน อาทิตย์ เดือน ญี่ แรม สี่ ค่ำ, ปี กุญ เบญจศก. แล ทับ เรือ ทับ
บก ยก ไป บันจบ ทับ กัน ณ เดือน ญี่ แรม สอง ค่ำ. แม่ ทับ บก
ชื่อ เช์นเนอเรล์เทอเร่. แม่ ทับ เรือ ชื่อ แอดมิรัลโปเตอ ๆ เอา ปืน
ลูก แตก ยิง เอา ปอ้ม ตั้ง แต่ เช้า จน คำ. แล ฆ่า ศึก ใน ปอ้ม ก็
ยิง โต้ ตอบ เปน สามารถ, จน เวลา บ่าย จึ่ง สงบ เสียง ปืน, แต่
ปอ้ม ฟิศเชอ ยัง หา แตก ไม่. แอดมิเรลโปเตอ ก็ ยิง ปืน ลูก แตก
เข้า ไป ใน ปอ้ม เมื่อ เพลา กลาง คืน วัน นั้น บ้าง. ครั้น ณวัน เสา
แรม สาม ค่ำ, ก็ ยิง ปืน ระดม เอา ปอ้ม มิ ได้ หยุด สิ้น วัน ยัง ค่ำ.
ถึง ณ วัน อาทิตย์ แรม สี่ ค่ำ, ก็ ยิง อีก ต่อ ไป จน ถึง บ่าย สี่ โมง.
ฝ่าย แม่ ทับ บก แม่ ทับ เรือ เหน ได้ ที่ แล้ว, จึ่ง ให้ อยุก ปืน ที่ เรือ
กำปั่น รบ เสีย, จึ่ง ให้ ทหาร บก สาม กอง ใหญ่, ปืน ปอ้ม ขึ้น ไป.
ฆ่า ศึก บน ปอ้ม นั้น ได้ ๑๒๐๐ คน. แต่ ทหาร ใหญ่ สาม กอง ที่
ล้อม อยู่ นั้น ประมาณ ห้า พัน หก พัน. ฝ่าย ฆ่า ศึก ก็ ต้าน ทาน
เข้ม แขง อยู่ ได้ นอ่ย หนึ่ง แล้ว จึ่ง ยอม แพ้. การ รบ กัน ที่ นั้น ก็
สงบ กัน อยู่ ทั้ง สอง ฝ่าย. วัน แรก ที่ ตี ปอ้ม นั้น แอดมิเรล โปเตอ,
ได้ ยิง ปืน ลูก แตก เข้า ไป ใน ปอ้ม นั้น ๒๐๐๐ กระสุร ลูก แตก,
ใน นาที หนึ่ง สี่ นัด. ณ วัน ที่ สอง นั้น ใน ระหว่าง ชั่วโมง ครึ่ง ได้
ยิง ๒๑ พัน กับ ๖๐๐ นัด, ดว้ย ปืน ใหญ่ ๓๑๒ บอก. ฝ่าย
พวก กระบถ ที่ อยู่ ปอ้ม ชื่อ สมิท, ใก้ล กัน กับ ปอ้ม พีศเชอ ที่ แตก
นั้น, ครั้น เหน ว่า ปอ้ม พีศเชอ นั้น เสีย แล้ว, จึ่ง จัด แจง เอา ดิน
ดำ ระเบิด ขึ้น ทำลาย ป้อม นั้น เสีย เอง, แล้ว จึ่ง พา พวก ทหาร
ของ ตน อพยบ หนี ไป.
๏ อนึ่ง ปอ้ม พีศเชอ นั้น, เปน ปอ้ม สำคัญ ใหญ่ หลวง นัก,
เปน ปอ้ม รักษา ปาก อ่าว เข้ม แขง นั้น ให้ กำปั่น พ่อ ค้า อังกฤษ เอา
ปืน ใหญ่ แล เครื่อง สาตราวุธ ต่าง ๆ แล เสบิยง อาหาร, เขา มา
ขาย ให้ เปน กำลัง แก่ พวก กระบถ ฆ่า ศึก ได้. แล ใน ที่ อื่น ๆ
นอก กว่า นั้น, ไม่ ใคร่ จะ มี โอกาศ ช่อง ที่ จะ เข้า ไป ขาย ได้.
คน อังกฤษ ที่ เคย สังเกต การ สงคราม เมือง อะเมริกัน นั้น ก็ เหน
ว่า, ป้อม พีศเชอ แตก แล้ว, พวก ฆ่า ศึก คง จะ คัดสน นัก, ไม่
ช้า ไม่ นาน จะ ต้อง จำ เปน ยอม แพ้.
๏ อนึ่ง มี ข่าว มา แต่ เมือง อะเมริกัน, ตาม ทาง ไฟ ฟ้า ว่า
ณ วัน เสา เดือน สี่ ขึ้น แปด ค่ำ, ปี ชวด ฉศก นั้น, วิสมิงตอน ฝ่าย
พวก กระบถ ก็ ยอม แพ้ แล้ว, แล เมือง ชาลิตอน ก็ แพ้ ดว้ย,
แล โปริฆาต์ เปน แม่ ทัพ ใหญ่ พวก กระบถ ก็ ตาย แล้ว. แล ที่
เมือง ลิเวอ ปูละ เมือง อังกฤษ นั้น, มี ความ ตื่น กัน นัก, เพราะ
ราคา ฝ้าย ก็ ถูก, ตก ลง เปน ราคา ประมาณ ปอน ละ ๒๕ เซ็ล,
คิด เปน เงิน ไทย ได้ สลึง เฟือง เศศ.
๏ มี ข่าว มา ว่า ณวัน เสาร เดือน ยี่ ขึ้น สิบ เป็ด ค่ำ, เมือง
ยูไนยติศชเต็ด ได้ ตั้ง เยม เอล ฮูด เปน ชาว หัว เมือง อิลินอย.
ให้ เปน กงสูล ฝ่าย เมือง ยุไนย ติศชเต็ด ที่ ใน กรุงเทพ นี้.
๏ อนึ่ง การ ที่ แสวง หา น้ำมัน ดิน, ที่ ประ เทศ เมือง อะเมริ
กัน นั้น, บัง เกิด ทวี ใหญ่ ขึ้น นัก. เขา เที่ยว เสาะ หา ได้ ใหม่ อีก
หลาย แห่ง หลาย ตำบล, โต ใหญ่ กว้าง ขวาง ออก ไป. คือ ใน หัว
เมือง นุยอก, แล หัว เมือง โอไฮโอ, แล หัว เมือง กาฬีพอเนีย, แล
ประเทศ แกนเนดา เปน เมือง ขึ้น แก่ อังกฤษ นั้น ด้วย. แล ที่
เมือง เมกซิโค ใน ประเทศ อะเมริกัน ฝ่าย ใต้ ดว้ย.
๏ อนึ่ง กำปั่น กล ไฟ รบ, ชื่อ ว่า อายโรควย ของ เมือง
ยูไนยติศชเต็ด นั้น, มา ทอด อยู่ ที่ เมือง สิงห์ โปร์, แต่ ณวัน เดือน
สี่ขึ้น สิบห้าค่ำ. เขา มา เพื่อ จะ เสาะ หา กำปั่น กล ไฟ สำหรับ รบ,
ชื่อ ซีเนนโดอา, เปน กำปั่น กล ไฟ กอง โจร, แห่ง พวก ฝ่าย
กระบถ เมือง อะเมริกัน, ที่ ได้ ออก มา เพื่อ จะ ทำลาย กัมปั่น ค้า
ขาย ของ เมือง อะเมริกัน, ที่ ได้ ไป มา ค้า ขาย อยู่ ใน เมือง จีน
บ้าง, เมือง สิงหโปร์ บ้าง, เมือง ไทย บ้าง, แล เมือง กาฬกัดตา
นั้น. เรือ ซีแนนโดอา นั้น, มี ปืน ใหญ่ สำหรับ เรือ อยู่ แปด บอก,
แล เรือ อายโรควอย นั้น, มี ปืน ใหญ่ อยู่ หก บอก, กับ ปืน อิก
สอง บอก, เรียก ว่า ปาร์อต, เปน ปืน อย่าง ใหม่ ดี กว่า ของ เก่า.
เรือ นั้น มี เครื่อง จักร์ กำลัง เข้ม แขง, แล่น ไป ได้ โมง ละ สิบ
สาม นอก, คือ สิบ สาม ไมล์. กัปตัน เรือ นั้น ชื่อ รอดเชอซ์, แล
กับตัน เรือ ซีแนนโดอา นั้น ชื่อ วัดเดลล์.
๏ อนึ่ง กำปั่น ใหญ่ อังกฤษ ชื่อ เครดอี่ซะเตอน, ใน กาล ทุก
นี้ ได้ บรรทุก สาย โซร่, สำหรับ ที่ จะ ให้ เปน ทาง แอตลันติก
เตละกราฟ, คือ ทาง ไฟ่ ฟ้า, ใน ท้อง มหา สมุท แอตลันติก, ตั้ง
แต่ เมือง อังกฤษ ตลอด ถึง เมือง อะเมริกัน. ได้ บรรทุก ไว้ พร้อม
แล้ว, จะ ไป วาง ทอด ลง ใน ทะเล ใหม่ๆ. ครั้ง ก่อน ได้ ประมาณ
ห้า ปี หก ปี มา แล้ว, เขา ได้ ทำ แอตลันติก เตละกราฟ ที่ หนึ่ง,
ให้ บอก เรื่อง ความ ตาม ทาง นั้น ได้ วัน หนึ่ง สอง วัน, แล้ว ก็
เสีย ไป. คราว นี้ เขา ได้ คิด ตรึกตรอง ใหม่, ให้ ดี ขึ้น กว่า แต่
ก่อน, หมายใจ ว่า, จะ มิ ให้ เสีย ได้. เขา กำหนฎ การ ไว้ ว่า, จะ ให้
แล้ว ใน ต้น เดือน สิบเอ็ด ปี ฉลู สับตศก นี้.
๏ อนึ่ง มี ข่าว มา แต่ เมือง ฮ่องกง ว่า, ณวัน อาทิตย์ เดือน
สาม ขึ้น สิบ ค่ำ, ปี ชวด ฉศก, พวก จีน ที่ เปน ขะโมย นั้น, ได้
ขุด อุโมงค์ รัง ไป ใต้ ดิน นาน ประมาณ เดือน หนึ่ง, เขา ไป ถึง
ตรุ เปน ที่ ไว้ เงิน ของ อังกฤษ, เรียก ว่า, แบงค์ แห่ง อินเดีย.
มัน ลัก เอา เงิน แสน หนึ่ง กับ หมื่น ห้า พัน เหรียญ. แต่ พวก
โจร นั้น, จับ ตัว ได้ แล้ว บ้าง, ยัง ชำระ เอา เงิน คืน มา ได้ บ้าง.
๏ อนึ่ง ณวัน เดือน สาม เดือน สี่ ปี ชวด ฉศก ที่ เมือง สิงห
โปร์ นั้น, บังเกิด โรคย์ ลงราก, ราษฎร ชาว เมือง นั้น, ตาย ใน สาม
สิบ วัน มาก กว่า สอง ร้อย คน, แต่ คน ชาติ ยุรบ นั้น ตาย น้อย,
ได้ ประมาณ สาม คน สี่ คน เท่า นั้น.
๏ ใช้ ธรพิศม์. ๚ะ
๏ อนึ่ง ที่ เมือง กาสะกัตตา นั้น, บังเกิด ไข้ ธรพิศ มาก นัก,
กับ ไข้ อย่าง หนึ่ง, ก็ มาก แทบ จะ เปน เสีย ทุก ครัว เรือน, แล
คน ตาย เสีย เพราะ ไข้ ธรพิศ นั้น เปน หลาย ร้อย คน. แต่ ก่อนๆ
มา นั้น, ความ ไข้ ใน เมือง กาสะกัตตา, ใน รดู แล้ง, จะ เปน
มาก เช่น นี้ ไม่ มี เลย. แล พวก หมอ อังกฤษ ทั้งปวง นั้น, เหน
พร้อม ใจ กัน ว่า, คน ทั้งปวง ที่ ยัง ไม่ ได้ ออก ฝี ดาศ นั้น, ควร ที่
จะ รีบ ร้อน ปลูก ฝี ที่ เกิด แต่ โฅ, กัน ฝี ดาศ เสีย ทุก คน ๆ.
ปีนัง ที่ เกาะ หมาก นั้น, ชาว เมือง บังเกิด ความ ถะเลาะ วิวาท
กัน นัก, ควบ คุม กัน พวก ๆ แล้ว เข้า ปล้น สดม, เอา ไฟ เผา
บ้าน ใหญ่ แห่ง หนึ่ง. แล้ว ชวน กัน จะ ไป เผา ต่อ ไป อิก. ภอ เหน
พวก ทหาร อังกฤษ ยก มา. จึ่ง ภา กัน หนี ไป. แล ความ นั้น, จะ
บังเกิด ขึ้น เพราะ เหตุ อะไร, ก็ หา มี ปรากฎ ไม่.
๏ อนึ่ง ณวัน เดือน สาม ขึ้น สิบ สี่ ค่ำ ปี ชวด ฉศก, ขุนนาง นั้น, เจ้า
เมือง ตะรังตะนู เข้า มา จอด อยู่ ที่ เมือง สิงหโ ปร์, กับ ไพร่ พล
มา ด้วย ประมาร ร้อย คน. จะ ไป ทำบุญ ที่ เมือง เม็ก กา. ครั้ง
หนึ่ง ได้ สาม ปี มา แล้ว, ท่าน ได้ ยก ไป เพื่อ จะ ไหว้ พระ ที่ เมือง
เมกคา นั้น. ครั้น ไป เมือง ฆอลล์ ได้ ยิน ข่าว ว่า, บังเกิด มี ความ
ทุกข์ ขึ้น ใน เมือง ของ ท่าน, ๆ จึ่ง กลับ มา.
๏ อนึ่ง ณวัน เดือน สี่ ขึ้น สี่ ค่ำ ปี ชวด ฉศก, ขุนนาง เมือง
ไทย สาม คน กับ ตัว ไพร่ หลาย คน, ภา กัน เดิรบก ข้าม ไป เมือง
ย่างกุ้ง, ได้ หก ขวบ อาทิตย์ จึ่ง ถึง. เขา ได้ ไป อาไศรย อยู่ กับ
มิศซะตะเฟาล์, ที่ เปน กงสุล กรุงเทพ ที่ นั้น.
๏ อนึ่ง ณวัน เดือน สิบ ขึ้น ห้า ค่ำ ปี ชวด ฉศก, บังเกิด
พายุห ใหญ่, ที่ เมือง กาสะกัตตา, เมื่อ เกิด ขึ้น นั้น, เกิด ที่ ริม เหล่า
เกาะ อันตะมาน, พัด ไป ข้าง ทิศ ตวัน ตก เฉียง เหนือ. ณวัน เดือน
สิบ เอ็ด ขึ้น สี่ ค่ำ, เวลา กลาง คืน วัน นั้น, ลม พายุ หัว ด้วน พัด
ไป ถึง ที่ ฝั่ง อ่าว ทะเล มังคล่า ฝ่าย ทิศ ตวัน ตก. เพลา คืน วัน
นั้น พัก กล้า ยิ่ง นัก. ครั้น ณวัน เดือน สิบ เอ็ด ขึ้น ห้า ค่ำ, พาย
หัว ด้วน นั้น ก็ ถึง เมือง กาละกัตตา, ตั้ง แต่ สี่ โมง เช้า จน ถึง
สี่ โมง บ่าย ก็ พัด กล้า ยิ่ง นัก. ถัด มา ได้ อีก เจ็ด ชั่ว โมง ลม
พายุ ก็ พัด ถึง เมือง กิศนาคะระ, พัด ไป ฝ่าย ทิศเหนือ, จน ถึง
แพลต ติกตูด์ ยี่ สิบ ห้า ดิกรี, แล้ว ลมพายุ นั้น ก็ สงบ เงียบ สูญ
หาย ไป. เมื่อ ลม ยัง กำลัง พัด กล้า อยู่ นั้น, ก็ พัด เอา น้ำ ใน
อ่าว ทะเล มังกล่า ไหล ไป ตาม แม่น้ำ ฮุกเกล, จน ถึง เมือง กา
ละกัตตา. ที่ ปากน้ำ นั้น กำลัง คลื่น สูง ขึ้น กว่า ปรกติ ได้ สาม สิบ
ฟุก, จน น้ำ เค็ม ไหล ท่วม ขึ้น ไป ทั้ง สอง ฝาก ฝั่ง แม่น้ำ, จน
ใน สวน ตาม แถบ แม่น้ำ นั้น, ล้ม ตาย เสีย เปน อัน มาก นัก,
จะ นับ จะ ประมาณ มิ ได้. แล น้ำ นั้น ท่วม บ้าน เมือง, พัด พา
เอา เย่า เรือน ราษฎร, หัก โค่น ลอย ไป ตาม แม่น้ำ เปน อัน มาก.
ผู้ คน ก็ ลอย ติด ไป กับ เย่า เรือน นั้น, จม น้ำ ตาย ประมาร สัก
สาม ส่วน, ที่ รอด อยู่ ไม่ ตาย นั้น สัก ส่วน หนึ่ง. เมื่อ คลื่น ใหญ่
ซัด ท่วม ขึ้น ไป ถึง เมือง กาละกัตตา นั้น, ก็ ลด ยุบ ลง ถึง สิบ
ห้า ฟุก, คน ตาย ที่ เมือง กาละกัตตา นั้น, ประมาณ ได้ ห้า สิบ
คน. แต่ ตึก แล เรือน ใน กรุง นั้น, หัก พัง ทำลาย ลง เปน อัน
มาก. แล ตึก ที่ พัง ทำลาย เสีย ที่ เดียว นั้น, นับ ได้ ร้อย สิบ สอง
หลัง, แล ตึก ที่ ยัง บ้าง ไม่ เสีย ที่ เดียว นั้น, นับ ได้ ห้า ร้อย หก สิบ
สาม หลัง, เรือน ที่ มุง กระเบื้อง, แล มุง ย่า นั้น, ที่ เสีย ที่
เดียว, นับ ได้ สี่ หมื่น หก ร้อย เก่า สิบ แปด หลัง. ที่ ยับ ไป บ้าง
ไม่ เสีย ที เดียว นั้น, สี่ พัน เจ็ด ร้อย เก่า สิบ สี่ หลัง. ใน วัน ที่ บัง
เกิด ลม พายุ หัว ด้วน นั้น, มี กำปั่น ใหญ่ ทอด อยู่ ใน ปาก อ่าว แล
ใน แม่น้ำ นั้น, ได้ ร้อย เก้า สิบ ห้า ลำ. พายุ พัด น้ำ เปน คลื่น ใหญ่
จน กำปั่น ร้อย เก้า สิบ ห้า ลำ นั้น, ซัด กะทบ กะแทก โดน กัน,
แล้ว ซัด ขึ้น ไป บน ฝั่ง, นับ ได้ ร้อย สี่ สิบ ห้า ลำ, จม ลง เสีย ที่
เดียว นั้น ร้อย ลำ, แล มี กำปั่น ลำ หนึ่ง ชื่อ อาไลย มี คน โดยสาร
นับ ได้ สาม ร้อย สาม สิบ ห้า คน, เรือ นั้น ก็ จม ลง น้ำ, ผู้ คน ใน
เรือ ก็ พา กัน จม น้ำ ตาย สิ้น. แล ที่ ประเทษ หัว เมือง มิกนะ
โประ นั้น, คน ตาย เสีย เพราะ ลม พายุ พัด ให้ น้ำ ท่วม นั้น, นับ
ได้ สอง หมื่น หก ร้อย หก สิบ ห้า คน, แล หัว เมือง เค้ชศรี, แล
เมือง คุกคราพุธี นั้น, ถ้า จะ แบ่ง ผู้ คน ทั้ง ปวง ออก เปน สี่ สว่น,
ก็ ตาย เสีย สาม สว่น. เหลือ อยู่ แต่ สว่น หนึ่ง.
๏ ถ้า จะ นับ รวม ทั้ง คน แล สัตว, แล สิ่งของ อื่น หมด
ด้วย กัน, ที่ เสีย เพราะ ลม พายุ นั้น, ทุก แห่ง ทุก ตำบล, แต่
บันดา ที่ พัด ไป ถึง นั้น, ก็ มี ตึก ๔๒๘ หลัง, เรือน มุง กระเบื้อง
แล มุง ด้วย หญ้า นั้น, นับ ได้ ๑๔๔ พัน กับ ๔๒๑ หลัง, กำ ปั่น ที่
แตก ทำลาย เสีย ที่เดียว นับ ได้ ๓๐ ลำ, ที่ แตก บ้าง ยัง ไม่ เสีย
ทีเดียว นั้น, นับ ได้ ๑๕๐๕ ลำ, คน ที่ ตาย เพราะ ต้อง ลม พยุ
นั้น, นับ ได้ ๖๐๐๐๐ คน, แล วัว ควาย ที่ ตาย นั้น, นับ ได้
๕๙๗๖๒ ตัว, คน แล สัตว ต่าง ๆ ที่ ตาย, เพราะ โรค อื่น ๆ ที่
เกิด เพราะ น้ำ ท่วม, แล ขัด สน ด้วย สะเบียง อาหาร นั้น, ก็ มาก
กว่า มาก เหลือ ที่ จะ นับ จะ ประมาณ ได้.
๏ อนึ่ง เสนาบดี ฝ่าย อังกฤษ, ที่ เมือง มังกล่า, แล คน ชั้น
ทั้งปวง ที่ มี เงิน, ก็ ชวน กัน ช่วย สงเคราะห์, แก่ ฝูง ราษฎร
ทั้งปวง, ได้ จำแนก แจก จ่าย เสบียง อาหาร ผ้าผอ่น, แล ยา รักษา
โรคย์. เกาวเม็นท์ ที่ เมือง กาละกัดตา, ได้ บันทุก สิ่ง ของ ที่ ต้อง
การ ดว้ย เรือ กล ไฟ ๙ ลำ, ให้ ลง ไป ที่ อ่าว ทะเล เมือง มังกล่า
ให้ เข้า ไป ใน แม่ น้ำ แล ลำ คลอง, สืบ เสาะ หา คน ที่ ได้ ความ
ลำบาก ควร จะ สงเคราะห์ นั้น. แล้ว ได้ แจก จ่าย เสบียง อาหาร
ผ้า ผ่อน แล เครื่อง ยา ต่าง ๆ ให้. แล เกาวเม็นท์ ได้ ฝาก สิ่ง ของ
แก่ พวก มิศซเนร, เพื่อ ให้ เขา แจก จ่าย ให้ แก่ คน ที่ ได้ ความ
ลำบาก นั้น. แต่ การ ช่วย สงเคราะห์ นั้น ก็ ไม่ ทัน ทั่ว ถึง กัน.
ผู้ คน ได้ ความ ลำบาก ล้ม ตาย เปน อัน มาก. ถ้า คิด ราคา สิ่ง ของ
ที่ แจก จ่าย นั้น, เปน เงิน เหรียน ประมาณ ได้ แสน หนึ่ง กับ หก
พัน แปด รอ้ย ยี่ สิบ เหรียน.
๏ ครั้น ณวัน เดือน ห้า ขึ้น ห้า ค่ำ ปี ชวด ฉศก, โรคย์ ที่
บังเกิด เพราะ ความ ลำบาก ต่าง ๆ นั้น, ก็ ยัง มี ชุก ชุม นัก.
หมอ ที่ จะ ชว่ย สงเคราะห์ รักษา นั้น ก็ ไม่ พอ. คน ไข้ ทั้งปวง
ทน ทุกข์ เวทะนา ได้ ความ ลำบาก ไม่ มี ผู้ ช่วย สงเคราะห์, ก็ พา
กัน ล้ม ตาย มาก กว่า มาก นัก. ฝ่าย พวก หมอ ชาว เมือง นั้น,
เมื่อ ไม่ ได้ ขวัน เข้า ค่า ยา แล้ว, ก็ ไม่ มี จิตร เมตา ชว่ย รักษา
พยาบาล. ฝ่าย ราษฎร ชาว เมือง ก็ ไม่ มี สิ่ง ของ เงิน ทอง จะ ให้.
ฝ่าย พวก หมอ อังกฤษ, แล พวก มิศซเนร ก็ ได้ เที่ยว ไป ช่วย
รักษา ตาม สติ กำลัง, แต่ ไม่ ทั่ว ถึง กัน ได้. ใน กาล ทุก วัน นี้,
ใน เมือง มังกล่า นั้น, ผู้ คน รวง โรย เบา บาง นอ้ย ลง หลาย แห่ง
หลาย ตำบล นัก.
๏ ข่าว ที่ กล่าว มา ด้วย ลม พยุห์ นั้น, ได้ คัด ออก จาก หนังสือ
เกาวะเมนต์ ฝ่าย อังกฤษ จึ่ง เปน ควร ที่ จะ เชื่อ.
๏ อนึ่ง แม่น้ำ ใหญ่ ชื่อ ว่า,
ไนยละ, ใน แว่นแคว้น แดน เมือง
อายฆุบโต, ใน ปี ชวด ฉอศก นั้น,
น้ำน้อย กว่า ปี กุญ เบญจศก นั้น,
หก ฟุต, จึ่ง หา ได้ ท่วม พื้น แผ่น,
ดิน ตาม ปรกติ ไม่, เข้า กล้า ใน
นา ต่าง ๆ จึ่ง เสีย มาก. เกาวเม็นท์
ใน เมื้อง อายฆุบโต, จึ่ง ห้าม มิ ให้
ชาว เมื้อง ขาย เข้า ไป เมือง อื่น.
แล ยอม ให้ ลูกค้า ต่าง ประเทศ,
เอา เข้า สาลี่ แล เข้า บาลี่, แล
แป้ง เข้า สาลี่, เข้า ไป ขาย, มิ ได้
คิด เอา ค่า ธรรมเนียม เลย, จง ถึง
ณวัน เดือน ห้า ขึ้น สิบ สอง ค่ำ, ปี
ฉลู ยัง เปน ฉศก.
ที่ เมือง ฮ่องกง.
เข้า เมือง บังกะล่า, หาบละ ๓ เหรียญ กับ ๒๕ เซ็นต์, ฤๅ ๓ เหรียญ กับ ๔๕ เซ็นต์.
เข้า เมือง ไทย อย่าง กลาง, หาบละ ๓ เหรียญ กับ ๑๐ เซ็นต์, ฤๅ ๓ เหรียญ กับ ๑๕ เซ็นต์.
เข้า เมือง ไทย อย่าง ดี ขึ้น, หาบละ ๓ เหรียญ กับ ๒๐ เซ็นต์, ฤๅ ๓ เหรียญ กับ ๔๐ เซ็นต์.
เข้า สาน ขาว เมือง ไทย, หาบละ ๓ เหรียน กับ ๔๐ เซ็นต์, ฤๅ ๓ เหรียน กับ ๕๐ เซ็นต์.
เข้า สาน เมือง แซงอ่น, หาบละ ๓ เหรียญ กับ ๒๕ เซ็นต์, ฤๅ ๓ เหรียญ กับ ๓๐ เซ็นต์.
เข้า เมือง มะนิลา, หาบละ ๓ เหรียญ กับ ๑๕ เซ็นต์, ฤๅ ๓ เหรียญ กับ ๒๐ เซ็นต์.
เข้า ขาว เมือง ย่างกุ้ง, หาบละ ๓ เหรียญ กับ ๓๕ เซ็นต์, ฤๅ ๓ เหรียญ กับ ๔๐ เซ็นต์.
เข้า กล้อง เมือง ย่างกุ้ง, หาบละ ๓ เหรียญ ฤๅ ๓ เหรียญ กับ ๕ เซ็นต์.
๏ เข้า บังกะล่า, หาบละ ๓ เหรียญ กับ ๓๕ เซ็นต์, ฤๅ ๓ เหรียญ กับ ๖๕ เซ็นต์.
เข้า เมือง มะนิลา, หาบละ ๓ เหรียญ กับ ๓๐ เซ็นต์, ฤๅ ๓ เหรียญ กับ ๔๕ เซ็นต์.
เข้า เมือง แซงอ่น, หาบละ ๓ เหรียญ กับ ๑๐ เซ็นต์, ฤๅ ๓ เหรียญ กับ ๒๐ เซ็นต์.
เข้า สาน เมือง ไทย, หาบละ ๓ เหรียญ กับ ๒๐ เซ็นต์, ฤๅ ๓ เหรียญ กับ ๕๕ เซ็นต์.
เข้า เมือง ย่างกุ้ง, หาบละ ๓ เหรียญ กับ ๒๕ เซ็นต์, ฤๅ ๓ เหรียญ กับ ๓๐ เซ็นต์.
เข้า เมือง อาระกัน, หาบละ ๓ เหรียญ กับ ๒๐ เซ็นต์.
๏ การ ค้า ขาย ที่ เมือง จีน นั้น, ทุก วัน นี้ ไม่ ดี, เปน ความ ลำบาก นัก, แต่ เงิน บริบูณ์,
การ แลก เปลี่ยน นั้น, ทุก วัน นี้ ก็ ถูก ลง.
๏ ทาง ไฟ ฟ้า ที่ เมือง อายฆุบโต. ๚ะ
อนึ่ง มี ข่าว มา ว่า, เกาวเม็นท์ ฝ่าย อังกฤษ, แล เกาวเม็นท์
ฝ่าย เมือง อายฆุบโต นั้น, ได้ ปฤกษา ตกลง กัน ว่า, จะ ให้ มี ทาง
เตละคราฟ, คือ ทาง บอก ข่าว กัน ด้วย ไฟ ฟ้า, ให้ ตัด ทาง ข้าม
ประเทศ เมือง อายฆุบโต ไป ทาง นั้น, ไป ถึง ประเทศ อินเดีย คือ
เมือง บำไบ, เมือง มังก ลา, เมือง กาละกัตตา, แล เมือง พม่า,
เมือง ไทย, เมือง จีน เปน ต้น, แล ทาง นั้น มี ชื่อ เรียก ว่า, อังโคล
อินเดียด เตละคราฟ, แล เมื่อ ทาง นี้ สำเร็จ แล้ว, แล ทาง
แอดลันติก เตละคราฟ แล้ว ด้วย, ก็ จะ บอก ข่าว กัน ให้ รอบ โลคย์
นี้ ใน เวลา ห้า นาที ได้.
ทาง รถ ไฟ
๏ ที่ นี้ จะ กล่าว ด้วย ทาง รถ ไฟ ที่ มี ใน เมือง นุ ยอก, อัน
เปน หัว เมือง ขึ้น แก่ ยูไนติศ เตศ, ที่ มี เมือง อยู่ ๓๖ หัว เมือง
นั้น ใน เมือง นุ ยอก นั้น, มี ทาง รถ ไฟ ที่ แล้ว ได้ อาไศรย ไป
มาโดย ยาว, ได้ ๒๖๔๘ ไมล์, ที่ ยังไม่ แล้ว ค้าง อยู่นั้น, ต ไ
๕๔๒ ไมล์. คน โดยสาน โดย ทาง นั้น ใน ปี้ หนึ่ง, ได้สิบ ล้าน
เจ็ด แสน หก หมื่น ห้า พัน หก ร้อย สาม สิบ เอ็ด คน. แล รถ ไฟ
ได้บันทุก สิ่งของ ต่าง ๆ ใน ปี้ เดียว, ได้ เจ็ด ล้าน กับ แสน หนึ่ง
กับ เก้า หมื่น เจ็ด พัน แปด ร้อย กับ สี่ ตอน. ถ้า คิด เปน หาบ,
ก็ ได้ ถึง สิบ ล้าน กับ เจ็ด หมื่น สอง พัน หาบ เสศ. แล ได้ ลง
ทุน ใช้สอย ใน การ ทาง รถไฟ นั้น, ใน ปี้ เดียว คิด เปน เงิน เหรียน,
ได้สิบ ล้าน กับ เจ็ด หมื่น เจ็ด ร้อย หก สิบ เก้า เหรียน.
๑ ที่ หัวเมือง อื่น ๆ ก็ มี ทาง รถ ไฟ มากมาย, เหมือน นุ
ยอก เหมือน กัน. เรื่อง ความ ที่ กล่าว มา นี้, ประสงค์ จะ ให้ ผู้
ที่ ได้ อ่าน ได้ ฟัง นั้น, เปน ที่ สังเกต ได้ หน่อย หนึ่ง ว่า, เมือง ยู
ใน ติศ เตศ นั้น, มี การ ใช้ รถ ไฟ มาก เท่า ใด