BANGKOK RECORDER


BANGKOK RECORDER

VOL. I. เล่ม ๑ บางกอก เดือน เจด ขื้น แปด ค่ำ จุลศักราช ๑๒๒๗ June 1st 1865. คริศศักราช ๑๘๖๕ใบที่ ๗ No. 7.

เรื่อง อเมริกา

๏ เปนเรื่อง ต่อ ที่น่า สี่สิบใน จดหมาย เหตุ เล่ม นี้. แล
คน ที่ อ่าน หนังสือ เล่ม นี้ คง จะ ถาม ว่า, ชาว อเมริกา เดิม ที่
เปนเชื้อ สาย ของ ชาว เมือง เม็กซิโก นั้น, ได้เกิด มา แต่ไหน.
วิสัชนา ว่า, เขา คง จะ เกิด ต่อ ๆ กัน มา จาก อาดาม. อาดาม
นั้น เปน ผู้ ชาย, แล ฮาวา เปน ผู้ หญิง, ผู้ เปน มนุษ เดิม ที
เดียว,ที่ พระเจ้า เจ้า ของ โลกย์ ได้ สร้าง แล ตั้ง ไว้ ที่ สวน เอเดล,
ใน ทวีป เอเชีย ใกล้ กับ เมือง ภาราณษี นั้น, ประมาณ ได้ แล จะ
ถึง ๖๐๐๐ ปี มา แล้ว. ข้อ นี้ หา ควร จะ สงไสย ไม่, เพราะ มี
สำคัญ พยาน อ้าง ได้ โดย มาก.

๏ แต่ มี ข้อ ที่ น่า สงไสย อยู่ ข้อ หนึ่ง,คือ ว่า ชาติ มนุษ นั้น
จะ แผ่ ออก จาก เมือง เอเดล ที่ เปน เมือง เดิม นั้น, ไป ถึง ทวีป
อเมริกา, มี มหา สมุท อัน กว้าง ขวาง อยู่ ถ้ำ กลาง นั้น, จะ ไป ที่
ไหน ได้. เดิม นั้น มนุษ ย่อม ใช้ แต่ เรือ เล็ก, เรือ ใหญ่ หา ใคร่ จะ
มี ไม่, เขา ไม่ อาจ จะ ออก ไป พ้น ฝั่ง ได้, แล เข็ม เดิน เรือ ก็ ไม่ มี.

๏ จึ่ง มี คำ แก้ ว่า, อัน มหา สมุท ที่ อยู่ ใน ระหว่าง ทวีป นี้,
คือ ทวีป เอเชีย กับ ทวีป อเมริกา นั้น, มี อยู่ แห่ง หนึ่ง กิ่ว คอก
อยู่ ประมาณ สาม โยชน์, เห็น ฟาก ฝั่ง ข้าง โน้น ภอ จะ ข้าม ไป ได้.
แล อ่าว ที่ กิ่ว คอก นั้น, เรียก ว่า บีริงซเตรด, บีริง เปน ชื่อ คน
ชาติ เด็นมาก, ๆ นั้น เขา เที่ยว ไป ที่ นั้น, ได้ เขียน เรื่อง ต่าง ๆ,
จึ่ง เรียก ที่ นั้น ว่า บีริง. ซเตรด นั้น ว่า อ่าว น้ำ ใหญ่, ที่ ต่อ มหา
สมุท ทั้ง สอง ฝ่าย. ทุก วัน นี้ คน ที่ รอบ รู้ ด้วย โลกย์ นี้ ตก ลง
กัน โดย มาก ว่า, ชาว อเมริกา เดิม คง มา จาก ทวีป เอเชีย, โดย
ทาง อ่าว บีริงซเตรด นั้น,เพราะ หนทาง นั้น ภอ จะ ข้าม ไป มา หา กัน
ได้, แล ชาติ อเมริกา เดิม นั้น, ดู คล้าย กับ ชาติ มนุษ ที่ ทุก วัน นี้
อยู่ ทวีป เอเชีย ฝ่าย ทิศ ตวัน ออก เฉียง เหนือ ริม อ่าว บีริงซเตรด,
สี ผิว หนัง นั้น ก็ เหมือน กัน, อัน ธรรมเนียม ของ เขา ก็ เหมือน กัน
โดย มาก.

๏ สอง พัน ปี มา แล้ว, มี นักปราช คน หนึ่ง, ชื่อ เฮโรโด
ตัศ, เขา เขียน เรื่อง ไว้ ว่า, ชาติมนุษ ที่ อยู่ ทวีป เอเชีย ฝ่าย
เหนือ นั้น, เมื่อ ชะนะ ศึก เขา ได้ ถลก หนัง ศิศะ คน ที่ เขา ฆ่า
นั้น, เก็บ เอา ไป ตาม ธรรมเนียม เขา, เขา ได้ รักษา แขวน ไว้
ใน ที่ อยู่ ของ ตัว, แล เมื่อ ได้ ขี่ ม้า เที่ยว ไป, ก็ มัก แต่ง ม้า ด้วย
หนัง ศิศะ คน, ที่ ได้ โดย ฆ่า ศึก นั้น. แล ชาว อเมริกา เดิม นั้น,
ก็ ชำนิ ชำนาน ใน การ ยิง สร ทนู น่าไม้, เหมือน คน ทุก วัน นี้
ที่ ทวีป เอเชีย ฝ่าย บีริงซเตรด นั้น.

๏ อนึ่ง นักปราช ทั้งหลายนั้น เห็น ว่า, มนุษ ชาติ เอเชีย, เมื่อ
ข้าม อ่าว บีริง ซเตรด นั้น. เขา ก็ ตั้ง บ้าน อยู่ ที่ ทวีป อเมริการิม บี
ริงซเตรด ก่อน, แล้ว ก็ แผ่ ออก ไป ฝ่าย ทิศ ใต้ บ้าง, ทิศ ตวัน ออก
บ้าง, เกิด เปน หลาย จำพวก, แล แปล เปน ภาษา ต่าง ๆ กัน, แต่
ดู เหมือน เนื้อ เดิม เขา จะ เปน ภาษา เดียว กัน.

๏ ชาว เมือง เม็กซิโก นั้น, นับ เข้า กับ ชาว เมือง อเมริกา
เดิม. แล คน ที่ อยู่ ทวีป อเมริกา ฝ่าย ใต้ นั้น, คือ ที่ เมือง บีรู
แล เมือง คีโต แล เมือง ชิลลี่ นั้น, เปน ชาว อเมริกา เดิม ด้วย.
ทุก วัน นี้ ชาติ อเมริกา เดิม ก็ ยัง อยู่, แต่ กระจัด กระจาย ทั่ว ไป
ใน ทวีป อเมริกา, หา ได้ ตั้ง เปน เมือง ใหญ่ ไม่, เรือน แล ตึก ก็
มิ ได้ ทำ, ๆ เปน กระโจม ภอ อาไศร ได้. เขา ตั้ง อยู่ มิ ได้ เปน
ที่, เที่ยว หา สัตว ป่า เปน อา หาร. เดิม เขา เคย ใช้ ทนู น่าไม้, แต่
ทุก วัน นี้ เขา ชำนาญ ใน ทาง ปืน โดย มาก. เขา มัก ทำ อันตราย
แก่ ชาติ ยูรบ, ที่ ไป ตั้ง บ้าน เรือน ใกล้ ที่ อยู่ ของ เขา. จะ ระคน
ปน กัน กับ ชาติ ยูรบ มิ ได้. ถ้า ชาติ ยูรบ จะ มา ตัด ไม้ ใน ป่า ตั้ง
บ้าน เมือง ใน ที่ ใด ๆ, ชาว อะเมริกา เดิม ก็ หลบ หลีก หนี ไป อา
ไศรย อยู่ ใน ป่า ให้ พ้น, เพราะ เปน เพท ชาว ป่า.

๏ เขา มัก ทำ ที่ อาไศรย คล้าย ๆ กับ กระโจม, แล มุง ด้วย
เปลือก ไม้. เครื่อง นุ่ง ห่ม ล้วน แต่ หนัง สัตว. ประดับ กาย ด้วย
ขน นก อินทรี แล เล็บ หมี, เพื่อ จะ สำแดง กาย ให้ รู้ ว่า เปน คน
ชำนาญ ใน การ ยิง สัตว. แล เอา หนัง ศีศะ คน ที่ เขา ฆ่า ตาย ใน
การ สงสราม มา แต่ง ดว้ย, หวัง จะ ให้ คน ทั้งปวง เข้าใจว่า เปน
คน ชำนิ ชำนาน ใน การ ศึก.

๏ เขา เชื่อ ว่า มี พระเจ้า องค์ เดียว เปน พระ วิญาณ หา มี
รูป กาย ไม่, อยู่ ทั่ว ไป ใน โลกย์ เสมอ. ได้ เชื่อ ว่า สวรรค์ นั้น พ้น
ภูเขา ทั้งหลาย ที่ ดวง อาทิตย์ ตก. เข้าใจ ว่า สวรรค์ เปน ทุ่ง สว่าง
ผ่อง ใสย, และ มี น้ำ ภุะ มาก มาย ไหล ล้น ด้น มา จาก ยอด เขา,
แล เปน ป่า งด งาม มี สัตว บริบุรณ, แม้น จะ ไล่ เนื้อ ล้อม หมี
ก็ สบาย นัก.

๏ ใน ๕๐ ปี ที่ ล่วง มา แล้ว นั้น, มี พวก มิชันนรี ไป เที่ยว
สั่ง สอน สาศนา พระเยซู แก่ พวก ชาว ป่า นั้น, หลาย แห่ง หลาย
ตำบล. ก็ ได้ การ ใหญ่ พวก ชาว ป่า ก็ กลับ นับ ถือ พระเยซู โดย
มาก. เขา ก็ เปลี่ยน ทำเนียม เดิม เสีย, มา ประพฤษา คล้าย กัน กับ
ชาว ยูรบ, แล สร้าง บ้าน เมือง เหมือน กัน บ้าง.


๏ ตำรา ลม อากาศ ๚ะ

๏ อัน ว่า อากาศ นั้น ล้อม รอบ แผ่น ดิน ทุก ทิศ, เปรียบ เหมือน
น้ำ อยู่ บน แผ่นดิน ทุก ทิศ, แต่ ลม นั้น เบา กว่า น้ำ หลาย เท่า.
แล สิ่ง ของ ทั้ง หมด อยู่ บน แผ่นดิน, เปน หนัก เบา มาก น้อย
ตาม กำลัง แผ่นดิน จะ ชัก ดูด เข้า ไป. ทอง คำ หนัก กว่า เหลก, ฯ
หนัก กว่า ไม้, ฯ หนัก กว่า กระดาด, เพราะ เหตุ แผ่นดิน ได้ ชัก
ตาม ของ หนัก แล เบา. ถ้า แผ่นดิน มิ ได้ ชัก ของ ทั้งปวง นั้น, ฯ
ก็ จะ มี น้ำ หนัก น้อย จะ เบา เท่า กัน ทุก สิ่ง. ฝ่าย ว่า ลม อากาศ นั้น
แผ่นดิน ได้ ชัก แรง เท่า ไร, นักปราช ได้ คิด กำหนด ไว้ แล้ว. แล
ลม อากาศ นั้น อยู่ บน แผ่นดิน ก็ ดี, อยู่ บน ทเล ก็ ดี, นิ้ว แล นิ้ว ทั่ว
ไป หนัก ได้ สิบ ชั่ง, เปรียบ เหมือน น้ำ อยู่ บน แผ่นดิน ภุก ได้ ห้า
วา กับ เจด นิ้ว, อากาศ นั้น ก็ หนัก เท่า กับ น้ำ นั้น ทุก ทิศ. ถ้า
ผู้ ใด มี วิมัติ สงไสย, จะ ใคร่ ลอง ดู ว่า, จะ จริง เหมือน คำ ว่า
แล้ว นั้น ฤา ไม่, ถ้า จะ ลอง ดู จง ทำ ท่อ สี่ เหลี่ยม, ข้าง ใน นั้น
กว้าง เหลี่ยม ละ นิ้ว, สูง หก วา ให้ ตัน ไว้ ข้าง หนึ่ง. แล้ว
ใส่ น้ำ ให้ เต็ม จึ่ง กลับ ท่อ นั้น, เอา ตัน ขึ้น เอา ปาก ข้าง เปิด
ไว้ นั้น, ลง จุ่ม ไว้ ใน ขัน น้ำ ก็ ได้ ใน ชาม น้ำ ก็ ได้, น้ำ ใน ท่อ
นั้น ก็ จะ ทรุด ลง มา คง อยู่ แต่ ห้า วา กับ เจด นิ้ว เท่านั้น, ไม่
ได้ ทรุด ลง มา อีก เลย เพราะ เหตุ ลม อากาศ นั้น ดัน น้ำ ใน ขัน
แลในชาม นั้นไว้ทุกนิ้ว เท่า กัน กับ น้ำใน ท่อ นั้น. แล้ว จง เท
น้ำในท่อ นั้นขึ้นชั่ง ดู, ก็ จะ เหน ว่า หนัก สิบ ชั่ง เหมือน ที่ ว่า
แล้ว.

๏ อีก ประการ หนึ่ง, ลม อากาศ อยู่ บน แผ่นดิน ก็ ดี, อยู่ บน
ทเล ก็ ดี, แล นิ้ว แล นิ้ว ทั่ว ไป, หนัก เท่า กับ ปรอดสูง สาม
สิบ เจด นิ้ว ทุกที่. ถ้า จะ ให้ รู้ เปน สำคัญ แน่, จง เอา ท่อ สี่ เหลี่ยม
ข้าง ใน เหลี่ยม ละนิ้ว, ยาว สาม สิบ แปดนิ้ว, ให้ ก้น ตัน ข้าง
หนึ่ง. จึ่ง เอา ปรอด ใส่ ให้ เต็ม แล้ว, จึ่ง กลับ ท่อ นั้น เอา ต้น ขึ้น
เอา ปาก ลง ใน ขัน ใน ชาม เปล่า ก็ ได้, ปรอด นั้น ก็ จะ ทรุด ลง
มา คง อยู่ แต่ สาม สิบ เจด นิ้ว เท่า นั้น, ไม่ ได้ ทรุด ลง มา อีก
เลย. เพราะ เหตุ ลม อากาศ นั้น ดัน ปรอด ที่ ปาก ท่อ นั้น ไว้ ทุก
นิ้ว ทุก นิ้ว, เท่า กัน กับ ปรอด ใน ท่อ นั้น, ไม่ ให้ ปรอด ใน ท่อ
นั้น ไหล ออก ได้. แล้ว จง เท ปรอด ใน ท่อ นั้น ออก ชั่ง ดู, ก็ จะ
เหน ว่า หนัก สิบ ชั่ง เท่า กัน. เปน สำคัญ ว่า, ลม อากาศ หนัก เท่า
กับ [.]อด ใน ท่อ สูง สาม สิบ เจด นิ้ว, แล หนัก เท่า กับ น้ำ ใน
ท่อ ห้า วา กับ เจด นิ้ว เหมือน กัน.

๏ อีก ประการ หนึ่ง, ถ้า จะ เอา ท่อ ทำ ด้วยเหลก ก็ ดี, แล
ทอง แดง ก็ ดี, สี่ เหลี่ยม ข้าง ใน เหลี่ยม ละ นิ้ว, ยาว สั้น ตาม
ชอบ ใจ, ให้ ตัน ข้าง หนึ่ง ขึ้น แล้ว, จึ่ง เอา ปาก ข้าง เปิด นั้น
คว่ำ ลง กับ ก้อน ตกั่ว แล ก้อน ทอง แดง, หนัก สิบ ชั่ง ให้ อัด ลม
ไว้, แล ทำ รู ข้าง ก้น เบิด หนิด หนึ่ง, พอ จะ ชัก สูบ ลม ให้ ออก
หมด แล้ว, ก็ ปิด รู นั้น เสีย, ท่อ นั้น ก็ จะ ยก ก้อน ตกั่วแล ของ
ทั้งปวง หนัก ได้ สิบ ชั่ง, เปน เพราะ เหตุ ว่า ไม่ มี ลม ข้าง ใน, แล
ลม อากาศ ข้าง นอก นั้น มัน จึ่ง ดัน ไว้ ให้ หนัก สิบ ชั่ง ได้, เปน
สำคัญ ว่า, ลม อากาศ อยู่ ทุก นิ้ว ๆ ยก ของ หนัก ได้ สิบ ชั่ง.
สิ้น ตำรา แต่ เท่า นี้. ๚ะ

๏ เดือน เจด ข้าง แรม ยก ที่ หลัง ที่ จะ ต่อ นี้ ไป จะ ว่า ด้วย
เครื่อง สูบ น้ำ, แล เครื่อง ต่าง ๆ ที่ จะ แจ้ง ความ มา ภาย หลัง.


๏ เหตุ ข่าว เมือง บำไบ

๏ ที่ เมือง บำไบ นั้น, มี สำนัก ครู สำหรับ สั่ง สอน เรียกว่า
ยูนิเวอซิติ, แปล เปน คำ ไทย ว่า, ที่ สำหรับ สั่ง สอน สิลปสาสตร์ วิชา
การ ต่าง ๆ ทุก อย่าง. ที่ นั้น มี ครู ใหญ่ เปน ชาติ ยูรบ บ้าง, เปน
ชาติยาวอบ บ้าง, เปน คน เกิด ใน เมือง บำไบ บ้าง. ครู ใหญ่
คน หนึ่ง ชื่อ ดาดาภายเนาวรซี, คน หนึ่ง ชื่อ ฟราหมชีนะเชอ
วันซี, คน หนึ่ง ชื่อ เภอ เสฐชี นะเซอวันซี คามา, แล คน หนึ่ง
ชื่อ ธรรมซี ภาย ฟรามซี, ท่าน ครู ที่ ได้ กล่าว มา นี้ เมื่อ ปี ชวด
ฉศก จุลศักราช ๑๒๒๖ นั้น, ได้ เบิก ทรัพย์ ของ ตัว ออก เปน
อัน มาก, เพื่อ จะ ได้ อุปถัมภ์ แก่ ยูนิเวอซิตี นั้น. ท่าน ครู ดาดา
ภาย เนาวร ซี ได้ บริจาก ให้ ๕๐๐๐๐ รูเบี้ย, คิด เปน เงิน ไทย
ได้ ๑๖๖๖๖ บาท, คือ ๒๐๘ ชั่ง กับ หก ตำลึง สอง บาท. แล ขุน
นาง คน หนึ่ง ชื่อ ว่า รัสสะทม ซี แซม เส็ต ซี, ได้ ให้ เงิน ๑๘๐๐๐๐ รู
เปีย เปน เงิน ไทย ๖๐๐๐๐ บาท, คือ ๗๕๐ ชั่ง ไทย. แล้ว ท่าน คน
นั้น จำหน่าย เงิน อีก, เพื่อ จะ ได้ บำรุง ใน สำนัก นี้ ที่ สำหรับ สั่ง สอน
กุลบุตร ให้ วาด เขียน รูป ภาพ ต่าง ๆ, คิด เปน เงิน ไทย ได้
๑๔๐๖ ชั่ง กับ ห้า ตำลึง. ใน ปี ชวด ฉศก นั้น, เสรฐี คน หนึ่ง ชื่อ
ว่า เคาวัสสะ ซี ซี อัน เมีย, ได้ บริจาก เงิน ของ ตน, เพื่อ จะ ตั้ง
สำนัก ครู สั่ง สอน กุลบุตร อีก อย่าง หนึ่ง, ชื่อ เอลฟิน สะตอน คอลลีช์
เงิน ที่ ท่าน ให้ นั้น, คิด รวม เปน ๒๐๐๐๐๐ รูเบี้ย, คิด เปน เงิน
ตรา ไทย ได้ ๑๘๗๕ ชั่ง. แล เงิน ที่ ให้ ยูนิเวอซิตี นั้น, เปน เงิน
อีก ๔๖๗ ชั่ง. อนึ่ง เสรฐี ชื่อ ว่า, พราหม ซันท์ รอย ซันท์, ใน ปี
ชวด ฉศก นั้น, ได้ ให้ เงิน สอง หลักช์, เปน เงิน ๒๐๐๐๐๐ รูเบี้ย,
คิด เปน เงิน ไทย ๑๘๗๕ ชั่ง, สำหรับ ได้ ใช้ ช่วย ก่อ ตึก เปน ที่ ไว้
หนังสือ ที่ ยูนิเวอซิตี. แล้ว ท่าน ได้ ให้ เบิก เงิน อีก ๕ หลักช์,
คิด เปน เงิน ได้ ๕๐๐๐๐๐ รูเบี้ย, คิด เปน เงิน ตรา ไทย ได้ ๔๖๘๗
ชั่ง กับ ๕ ตำลึง, เพื่อ จะ ได้ ก่อ ตึก ใหญ่ สำรับ คน แก่, แล คน
โรค ที่ รักษา ไม่ ได้, แล คน ยาก จน เข็ญ ใจ, จะ ได้ อาไศรย ค่อย
ทุเลา อยู่ ที่ นั้น จน สิ้น ชีวิตร.

๏ ข่าว ที่ ว่า มา นี้, ได้ คัด ออก จาก จดหมาย เหตุ เมือง
บังคลา เรียก เตมศ์ ออฟ อินเดีย.

ยูนิเวอ ซิติ ๚ะ

๏ เมื่อไร จะ บัง เกิด ใจ การุณา โอบ อ้อม อารี เช่น ท่าน ที่
เมือง บำไบ นั้น. แล เมื่อไร จะ มี ยูนิเวอซิตี ตั้ง ขึ้น ใน กรุง สยาม
บ้าง เล่า. คน ชาว เมือง ไทย ที่ เปน เสรฐี มี เงิน ก็ มี อยู่ บ้าง, ก็
ควร ที่ คน ทั้ง หลาย จะ พร้อม ใจ กัน, ตั้ง ที่ สำนักนี้ ครู สั่ง สอน
สิลปสาตร วิชา การ ความ รู้, แล ให้ หัด พูด หัด แปล ภาษา ต่าง ๆ,
แต่ ภาษา ที่ ยัง กำลัง ใช้ อยู่ใน กาล ทุก วัน นี้ เปน สำคัญ, มี ภา
ษา อังกฤษ ภาษา ฝรั่งเศศ แล ภาษา เชอรมาน เปน ต้น. แล ที่
สำนัก อาจารย์ สั่ง สอน ภาษา มคธ ก็ มี อยู่ แล้ว, แต่ ภาษา มคธ
นั้น, ไม่ ได้ สำแดง คดี โลกย์. ถึง ผู้ ใด จะ รู้ เลอียด ใน ภาษา มคธ
นั้น, ก็ จะ ไม่ เกิด ความ รู้ รอบ ใน ทาง คดี โลกย์ เลย.

๏ อนึ่ง ข้าพเจ้า ได้ ยิน ข่าว ว่า, พระปลัด เมือง เพชรบุรี มี
ความ ปราถนา, จะ ตั้ง ที่ สำรับ ครู สั่ง สอน สิลปสาตร ตาม ภาษา
ต่าง ๆ ที่ เปน สำคัญ, ซึ่ง ได้ ใช้ สอย กัน อยู่ ใน กาล ทุก วัน นี้ มาก.
พระ ปลัด นั้น หมาย ว่า จะ จ้าง ครู มา แต่ เมือง นอก, แล้ว ให้ เด็ก
ทั้งปวง ที่ จะ ไป เรียน วิชา นั้น, เสีย เงิน ทุก ปี ๆ ภอ คุ้ม เงิน ค่า
จ้าง ครู ที่ สั่ง สอน นั้น ได้. ข้าพเจ้า ได้ ยิน ดัง นั้น, เห น ชอบ
ด้วย. แล เห น ควร ที่ คน มี เงิน จะ เข้า ส่วน ใน การ ที่ จะ ทำ ตึก
เปน ที่ ครู สำรับ สั่ง สอน วิชา นั้น อย่าง ประเทศ ยุรบ. ทำ แล้ว ก็
จง ฝาก ลูก ไป ไว้ ใน ที่ นั้น ให้ อยู่ หลาย ปี จึง จะ ได้ รู้ สนัด ใน ภาษา
ต่าง ๆ, แล มี ปัญญา ตริก ตรอง คิด กระทำ การ งาน ให้ สำเร็จ
ตลอด ไป ได้ ตาม ใน ใจ เขา, ภอ สมเด็จ พระเจ้า แผ่น ดิน เมือง
สยาม จะ วาง พระไทย ใช้ ราช การ ใหญ่ แก่ เขา ได้, ไม่ ต้อง การ
กลัว ว่า จะ เสีย ราช การ ไป. บัด นี้ ข้าพเจ้า มี ความ เสีย ดาย นัก,
ที่ ท่าน ผู้ ใหญ่ ไม่ ได้ จัด แจง สำนัก ครู สั่ง สอน เช่น ว่า มา นั้น, แต่
แรก เดิม ได้ สิบ สี่ ปี มา แล้ว. ถ้า ได้ ทำ ก็ ทุก วัน นี้ คง มี คน หนุ่ม ๆ
หลาย สิบ คน, ที่ ได้ รู้ สันทัด ใน การ แปล ภาษา อังกฤษ แล ภา
ษา ฝรั่ง เศศ, แล อินเตอแนชัน แอล พ้อซ์ คือ กฎหมาย สำรับ ใช้
ใน รหว่าง เมือง ต่อ เมือง นั้น. แล จะ ได้ เปน ผล ประโยชน์ แก่
เมือง ไทย หลาย อย่าง นัก. แต่ บัด นี้ เติม ที่ จะ หา คน ๆ เดียว
ซึ่ง เปน ชาว เมือง ไทย ที่ อาจ อ่าน ใน หนังสือ สยาม เทมศ์, ฤๅ
หนังสือ บังกอก รี กอ เดอ แต่ น่า เดียว ได้.

๏ อนึ่ง มี คำ สุภาสิต กล่าว ว่า, ถึง จะ ทำ ที่ สาย นัก, ก็ ดี
กว่า ที่ จะ ไม่ ทำ เลย อีก. คำ นี้ เปน คำ ชอบ อยู่. ถึง เวลา นี้ เปน
เวลา สาย นัก, ก็ ควร จะ จับ ทำ ตึก สำนัก ครู สั่ง สอน สิลปสาตร
วิชา การ ทั้งปวง โดย พลัน, หา ควร ที่ จะ ผัด เพี้ยน ไป อีก ไม่
เลย. ถ้า ได้ ทำ อีก ๑๐ ปี จึง จะ มี บุตร ข้า ราชการ หนุ่ม ๆ หลาย สิบ
คน ที่ จะ รู้ สันทัด ใน ภาษา อังกฤษ แล ภาษา ฝรั่ง เศศ, แล ภาษา
ษา เชอรมาน แล สิลปสาตร วิชา การ ต่าง ๆ. ใน กาล ทุก วัน นี้,
ที่ กรุง สยาม ต้อง จำ เปน ให้ ชาว เมือง ไทย รู้ ใน ภาษา ต่าง ๆ,
แล สิล ประสาตร วิชา การ เช่น ว่า มา แล้ว, เพราะ กรุง สยาม
ดุจ เลื่อน จาก ที่ ๆ เคย ตั้ง อยู่ นั้น, ไป ตั้ง อยู่ ใหม่ ใน ประเทศ
ยูรบ แล้ว, มี ชาว ประเทศ ยูรบ มา รคน ปน อยู่ ด้วย กัน มาก, ได้
ตั้ง เปน ไมตรี กัน เปน หลาย เมือง แล้ว. ถ้า ไม่ ได้ เรียน รู้ ใน
ภาษา แล สิลปสาตร วิชา การ ของ เขา, จะ กระทำ การ งาน สิ่ง ได
ด้วย เขา ก็ ขัด ข้อง นัก ไม่ สดวก เลย. จะ ได้ เกิด ความ อัปยศ
ต่าง ๆ, เพราะ มี ความ รู้ น้อย, แล ชาว เมือง ที่ เขา ล้อม รอบ อยู่
นั้น, เขา รู้ ภาษา แล วิชา การ มาก กว่า ตัว. ถ้า กระนั้น ที่ ไหน
จะ ได้ ชื่อ เสียง ว่า เปน เมือง ใหญ่ ได้ เล่า.


๏ เหตุ เมือง ไซ่ ง่อน ๚ะ

๏ มี หนังสือ พิมพ์ มา แต่ เมือง ไซ่ ง่อน, ณวัน เดือน อ้าย
แรม ค่ำ หนึ่ง ปี ชวด ฉศก, เปน ใจ ความ ว่า, ใน กาล ทุก วัน
นี้ คน ทั้งปวง ที่ อยู่ ใน เมือง ไซ่ ง่อน นั้น, มี ความ ศุข มาก. ใน
ปี ที่ ล่วง ไป ใหม่ นี้, เปน ปี ที่ แรก ความ ศุข หา มี การ ศึก สง
คราม ประการ ได ไม่. ใน รว่าง สิบสอง เดือน ที่ ล่วง ไป แล้ว
ที่ ไม่ มี การ ศึก สงคราม นั้น, ก็ บังเกิด ผล ประโยชน์ แก่ เมือง
ไซ่ ง่อน นั้น หลาย อย่าง, แล ตึก ดิน ที่ สำหรับ จะ บำรุง เรือ รบ
ที่ เข้า มา นั้น, ได้ กระทำ สำเร็จ แล้ว. แล อู่ แห้ง ที่ สำหรับ
ซ่อม แปลง เรือ ใหม่ นั้น, ก็ ได้ ทำ สำเร็จ ด้วย. แล ทหาร ปืน
ใหญ่ ได้ ความ ดี ขึ้น ต่าง ๆ, แล เคาเวิน เมนต์ ฝรั่ง เศศ ที่ เมือง
ไซ่ ง่อน นั้น. ได้ ทำ ตพาน หลาย แห่ง หลาย ตำบล, แล ถนน
หน ทาง ก็ หลาย แห่ง หลาย ทาง.

๏ อนึ่ง เคาเวินเมนต์, ได้ ตั้ง สำนัก นี้ ครู สั่ง สอน บุตร พวก
ยวน ให้ รู้ อ่าน หนังสือ โรมัน, คือ หนังสือ ต่าง ๆ ที่ พวก ชาติ ยู
รป ได้ ใช้ อยู่ ใน กาล ทุก วัน นี้. แล ใน ระหว่าง สาม เดือน เท่า
นั้น, มี บุตร ยวน หก ร้อย คน ที่ ได้ หัด อ่าน หนังสือ โรมัน เปน.
แล ใน หก ร้อย คน นั้น, มี สาม ร้อย คน ที่ หัด เขียน หนังสือ
โรมัน เปน ด้วย. อนึ่ง ใน สิบสอง เดือน นั้น, ได้ ทำ หนังสือ แผน
ที่ ใน เขตร แดน เมือง ไซ่ ง่อน นั้น ทุก ตำบล, แล ทำ ที่ ว่า ราช
ผาร ทุก บ้าน ทุก เมือง อย่าง กดหมาย เมือง ฝรั่ง เศศ. อนึ่ง
กอดมี่รันล์ ดิลา แครน แดร์, ได้ กำหนด เวลา ที่ จะ กลับ ไป ยัง เมือง
แร้ง เศศ. คือ เปน ณวัน เดือน สี่ ขึน เก่า ค่ำ, ปี ฉลู สัปตศก,
แล จะ กลับ มา ยัง เมือง ไซ่ง่อน อีก, จะ เปน ณวัน เดือน แปด
ข้าง แรม, ฤา เดือน เก้า ข้าง ขึ้น ใน ปี ฉลู สัปตศก นี้.


๏ โทษ เสพ สุรา

๏ ที่ นี้ จะ ว่า ด้วย การ เสพ สุรา. ดู กร ท่าน ทั้ง หลาย ที่ ได้
อ่าน หนังสือ ฉบับ นี้, ท่าน เคย เสพ สุรา บ้าง ฤา ไม่, ถ้า ไม่ เคย
แล้ว ขอ ท่าน อย่า ได้ ถูก ต้อง เลย. ถ้า เคย อยู่ บ้าง เล็ก น้อย
แล้ว, ก็ จง พิจารณา ให้ เหน โทษ ไภย ใน ประจุบัน แล้ว, แล จง ละ
ทิ้ง เสีย. สุรา นั้น เปน อันตราย แก่ ความ สุข แล ชีวิตร แล ทรัพย์
สมบัติ, แล เปน อันตราย แก่ ราชการ บ้าน เมือง เปน อัน มาก,

๏ อนึ่ง กาล ทุก วัน นี้ คน ที่ เสพ สุรา ยา เมา ก็ ทวี มาก ขึ้น
กว่า แต่ ก่อน, แทบ เจียน หมด ทั่ว คน ทั้ง พระนคร เสีย แล้ว. สุรา
เปน เหตุ ให้ บังเกิด โรค ต่าง ๆ แก่ คน ผู้ บริโภค นั้น, แล ให้
ถึง พินาศ ฉิบหาย เสีย โดย พลัน เรว หนัก. ถ้า จะ นับ คน ซึ่ง ถึง
แก่ ความ ตาย เพราะ เหตุ ที่ ตน ได้ ส้อง เสพ สุรา นั้น, ก็ มากกว่า
มาก หนัก. ถ้า จะ ว่า ด้วย ประเทศ เมือง อะเมริกา ครั้ง ก่อน นั้น,
คน ที่ ตาย เพราะ กิน สุรา เปน เหตุ นั้น, ปี หนึ่ง นับ ได้ สาม หมื่น
คน. ก็ ใน สยาม ประเทศ นี้ ถ้า หาก มี ผู้ นับ ได้ ก็ เหน จะ มาก กว่า
นั้น อีก, เพราะ คน ใน สยาม ประเทศ นี้ ไม่ ว่า ผู้ดี เขญ ใจ ทั่ว
ไป ทั้ง นั้น เว้น บ้าง เล็ก น้อย. อนึ่ง นัก โทษ ที่ ต้อง อยู่ ใน เรือน จำ
ด้วย ได้ ทำ ผิด เพราะ เหตุ เมา สุรา นั้น จะ มี สัก กี่ มาก น้อย. ถ้า มี
ผู้ ไป ถาม เขา ทุก คนๆ, ว่า เปน โทษ ด้วย เหตุ อัน ได, คน ที่ ต้อง
พัน ทนาการ บอก ความ ตาม จริง โดย โทษ ของ คน ที่ ต้อง ติด นั้น
แล้ว. ถ้า จะ นับ ผู้ ที่ ต้อง โทษ ด้วย เหตุ เมา สุรา ได้ สัก สิบ ส่วน,
ที่ มิ ได้ เปน โทษ เพราะ สุรา สัก ส่วน หนึ่ง, ด้วย ว่า คน พาล ที่
ส้อง เสพ สุรา บาน น้ำ ตาล เมา, เที่ยว ชก ชิง วิ่ง ราว ปล้น เอา
ทรัพย์ สมบัตร ของ เขา, หา กิน อยู่ อย่าง นี้ โดย มาก. ก็ การ เปน
บาบ หยาบ คาย เช่น นี้, ดู เหมือน สุรา เปน เหตุ ยัง ใจ เขา ให้ กล้า
ละ ความ ละอาย เสีย ยุยง ให้ ทำ. กรรม อัน นั้น จึ่ง ให้ ผล เหน
ประจักษ์ ทัน ตา. เหตุ ฉนี้ จึ่ง จัด ชื่อ ว่า สุรา เปน เสี้ยน หนาม
อัน ตราย แก่ แผ่นดิน.

๏ อนึ่ง ทุก วัน นี้ มี คน เปน อัน มาก, กล่าว เข้า แก่ ตัว แก้
ได้ ว่า, รับ ทาน แต่ หนิด หน่อย แล้ว ไม่ เมา ไม่ สู้ เปน ไร. ก็ เมื่อ
บริโภค เข้า ไป อย่าง นี้ เปน ที่ น่า กลัว หนัก, ด้วย ว่า คน ทั้ง ปวง
ที่ วิบัติ เพราะ กิน เล่า นั้น, เมื่อ เดิม นั้น เขา ก็ กิน บ้าง เล็ก น้อย
ไม่ สู้ เมา. ครั้น นาน มา ความ ปราถนา ของ เขา ก็ กำเริบ ขึ้น,
ใจ นั้น ก็ โลภ พา ตัว ของ เขา ไป บริโภค เปน อาจิน, สิ้น ทั้ง สิน
ทรัพย์. ก็ วิไสย ธรรมดา แห่ง สุรา เมื่อ ผู้ ใด ได้ กิน ติด เข้า แล้ว
ยาก ที่ จะ ปลด จะ อด กลั้น ได้. สุรา เปรียบ เหมือน นาย ผู้ บังคับ
ใช้ ให้ ทำ การ ถึง ไม่ อยาก จะ ทำ ก็ ต้อง จำ ใจ ทำ. ก็ ความ ปราถ
นา ที่ งอก ขึ้น แต่ ใจ, ครั้น นาน ไป ก็ ใหญ่ โต พอง ฟู ขึ้น. ที่ กำ
หนก ว่า จะ กิน แต่ น้อย นั้น ก็ หาย ไป. เหตุ ดัง นั้น ไซร้ จึ่ง ชื่อ
ว่า สุรา เหตุ ใหญ่ เปน ราก แก้ว แห่ง ความ ชั่ว ทั้ง ปวง.


เรือไฟ โดน เรือ พระที่นั่ง

๏ วัน ศุกร์ เดือน หก ขึ้น สี่ ค่ำ ปี ฉลูสัปตศก, เวลา ห้า โมง
เช้า เรือ ไว กองแกนนิง, กะปิตัน ชื่อ วิลี่ยมซัน นั้น, แล่น ขึ้น
ไป ถึง ปาก คลอง บางกอก น้อย, ตรง ตำหนัก แพ พระบวร ราช
วัง. เรือ กำปั่น พระ ที่นั่ง จอด แอบ ฝั่ง เรียง กัน อยู่ ๓ ลำ, เรือ
พระที่นั่ง แอม เบรก ชะณ เบ้อ ลำ ๑, เรือ พระที่นั่ง ประพาน พัน
ลำ ๑, เรือ พระที่นั่ง อาชาวดีรด, ชื่อ อังกฤษชะลี่แวน ลำ ๑, เรือ ไว
กองแกนนิ่ง, เบน กลับ หัว เรือ ไป โดน, เรือ พระที่นั่ง อาชาวดีรด
กระท้าน ทั้ง ลำ, กราบ อ่อน พัง ไป กง หัก ปล่อง ไฟ หก. เรือ ไว
กองแกนนิ่ง ลำ นี้, เปน เรือ หลวง พิศาล สุพผล, เจ้า ของ เรือ
รับ ทำ ใช้ ให้ ดี ดัง เก่า, มี พวก พ้อง ของ เรา อยู่ ใน พระบวรราช
วัง คือ พระวิศูชาวารี่, เขา รับ ธุระ กัน ทำ ใช้. เจ้า ของ เรือ ก็ ได้
สบาย ไม่มี ความ ร้อน ใจ. การ ที่ กลับ เรือ ตรง น่า ตำหนัก แพ,
พระบวร ราชวัง นั้น ไม่ ใช่ ที่ ๆ ควร จะ กลับ ที่ นั่น เลย, เพราะ
ว่า น้ำ แทง มา แต่ ปาก คลอง บางกอก น้อย, . เรือ เจ้า พระยา
เขา ก็ ได้ ขึ้น ไป กลับ เสมอ ทุก คราว, แต่ เขา หา ได้ กลับ ตรง
น่า ตำหนัก แพ ไม่, เขา ขึ้น ไป กลับ ถึง น่า วัด สมอราย จึ่ง ไม่ ได้
มี เหตุ, นี่ เรือ ไว กองแกนนิ่ง, ไป กลับ ที่ น่า ตำหนัก แพ โดน
เรือ หลวง, ก็ ไม่ ได้ เสีย ทรัพย์ สิน เท่า ใด. ถ้า ไป โดน เรือ นอก
เข้า แล้ว, เจ้า ของ เรือ คง จะ เอา เรือ เข้า อู่, เจ้า ของ เรือ ที่
โดน ก็ จะ ต้อง เสีย ทรัพย์ สิน มาก. ต่อ ไป วัน น่า ถ้า แม้น ท่าน
ทั้ง ปวง จะ ขึ้น ไป กลับ เรือ แล้ว, ก็ ไม่ ควร จะ กลับ ที่ นั่น เลย,
ควร จะ ต้อง ขื้น ไป กลับ ตาม อย่าง เรือ เจ้า พระยา, จึ่ง จะ ชอบ.
แจ้ง ความ มา ณวันพุท เดือน หก แรม สิบ ห้า ค่ำ ปี ฉลูสัปตศก


เรื่อง ผู้ ร้าย

๏ อำแดงสี่บ้าน อยู่ ริม น้ำ ฝั่ง ตวัน ออก ตรง ตึก พระยา โพบุลย์
ข้าม, ทำ เรื่อง ราว มา ร้อง ว่า, อำแดง ทิม แม่ ค้า เอา ของ ไป
เช่า ตึก อำแดง สี่ ไว้. ณวัน เดือน เจด ขึ้น สาม ค่ำ, อำแดง ทิม
ไป ไข กุญ แจ ตึก, จะ เอา ของ มา ขาย, จึ่ง รู้ ว่า ผู้ ร้าย ลัก ของ
มี รอย คัด ฝา กระดาน ห้อง ตึก. ของ หาย ไป, ผ้า ม่วง จีน ๕ [?]
หีบ เปน ผ้า ๑๑๔ ผืน, ผ้า ขาว ตรา นก ๑๕ พับ, ผ้า ขาว
เปลอื้ก กระเทียม ๓๕ พับ. ได้ บอก ความ ต่อ อำแดง สี่ เจ้า ของ
ตึก, เจ้า ของ ตึก ไม่ รู้ ว่า หาย ไป เมื่อ ไร. จึ่ง ได้ ทำ เรื่อง ราว มา
ร้อง เมื่อ ณวัน เดือน เจด ขึ้น สาม ค่ำ, ว่า มี ผู้ ร้าย ซัก ตึก, ขอ ให้
ช่วย พิจารณา, ได้ ให้ ผู้ ชำระ ลง ไป ดู ที่, มี รอย ปาก สิ่ว คัด
ฝา กระดาน กั้น ห้อง ตึก. ครั้น ไถ่ ถาม ได้ ความ ว่า ทาษ ของ
เจ้า ของ บ้าน ยืม สิ่ว เพื่อน กัน มา ไว้ คืน หนึ่ง, แต่ เมื่อ วัน สง
กรานต์ แล้ว. จึ่ง เอา ตัว ทาษ ของ เจ้า ของ บ้าน ขึ้น มา สี่ คน
เขา ได้ ไล่ เลี่ยง ใน เวลา เย็น วัน นั้น. น่า คน ที่ เปน ผู้ ร้าย เสีย
ไป, จับ ได้ ว่า เปน พิรุธ, ซัก ถาม ก็ รับ, ซัด เพื่อน กัน ว่า ได้ ถ้า
ด้วย กัน สาม คน คือ, อ้าย โห่ อ้าย ศุก อ้าย นุ่ม, รับ เปน สัตย์ นำ
สิ่ง ของ ที่ เอา ไป ขาย. ชำระ ความ สาม วัน ได้ ของ เสร็จ ทั้ง สิ้น


๏ ของ เข่า ของ}ตัว ผู้ ร้าย
อำแดง ทิม
อ้าย}ไห้ผ้ามว่ง จีน ๕๗ หีบ เปน ผ้า ๑๑๔ ผืน}เงิน ชั่ง สิบ ห้า ตำลึง
ศุกขาย กับ อำแดง จัน บ้าน ตลาด นอ้ย
ผ้า ขาว ตรา นก ๔ ภับ}ให้ เงิน ๖ ตำลึง ๒ บาท
ผ้า ขาว เปลือก กะเทียม ๑๓ ภับ
อี บัว มาร ดา อี บัว ขาย
ผ้า ขาว เปลือก กะเทียม ภับ ๑}เงิน ๒ ตำลึง
ขาย กับ อำแดง รอด บ้าน โรง ศรี
วัด ประทุม คงคา
อ้าย}ได้ผ้า ขาว เปลือก กะเทียม ๑๑ ภับ}ส่งเงิน ๖ ตำลึง ๓ บาท
โห่ขาย ให้ อำแดง เพง พี่ อ้าย จีน โหกับ ผ้า ๒ ภับ
บ้าน สำ เพง


ของ ฃัด ค่อง

๏ ข้าพเจ้า เหน ความ อิก อย่าง หนึ่ง ว่า, โพงพาง ที่ ขึง
ลูก ทุ่น ขวาง แม่ น้ำ อยู่ ทุก แห่ง หลาย ตำบล, เหน เปน โทษ
แก่ ราษฎร หลาย อย่าง นัก. คือ ล่อง แพ มา โดน เข้า, เจ้า ของ
โพงพาง ก็ ฟัน แพ แตก, ไม้ ก็ หาย. แล เรือ มา โดน เข้า, เรือ ก็
ล่ม, เสีย ของ. ลาง ที่ คน พลัด เข้า ไป ใน โพงพาง, คน ก็ ตาย
แทบ ทุก ปี. ประโยชน์ ที่ ได้ เปน ของ แผ่นดิน, ค่า เครื่อง มือ ช่อง
ละ สาม ตำลึง เท่า นั้น ก็ ไม่ มาก นัก. ถ้า โปรด ให้ ยก เลิก เสีย
ก็ จะ มี คุณ แก่ ราษฎร มาก.

๏ อนึ่ง ได้ ประมาณ สาม เดือน แล้ว, ข้าพเจ้า ได้ ไป เที่ยว
ตาม ลำ แม่ น้ำ ท่า จีน, ไป ด้วย เรือ ฉลอม, ลูก เมีย ไป ด้วย เปน
เวลา กลาง คืน เดือน มืด นัก, ไป โดน เสา โพงพาง ที่ เขา ปัก
ทิ้ง ไว้ หา ได้ ถอน เสีย ไม่. แทบ จะ เปน อัน ตราย ให้ เรือ เกือบ
ล่ม. ถ้า เปน เรือ ย่อม ๆ แล้ว คง ล่ม เปน แท้. ลูก เมีย ก็
คง เปน อัน ตราย แก่ ชีวิตร. ตั้ง แต่ นั้น ล่อง ไป ไม่ สะบาย เลย,
เพราะ มี เสา หลัก โพงพาง, ที่ ปัก ทิ้ง ไว้ ใน แม่ น้ำ นั้น เนือง ๆ.
เหตุผล ประการ ใด, ท่าน เคาเวินเมนต์ จึ่ง มิ ได้ ห้าม ปราม แล
ปรับ ไหม เจ้า ของ ผู้ ที่ ได้ ปัก หลัก เสา โพงพาง นั้น เล่า. ถ้า เขา
ปัก ทิ้ง ไว้ เช่น นั้น, ก็ ควร ที่ เจ้า ของ จะ จัด แจง ให้ มี ไต้ เพลิง
เปน สำคัญ ไว้, แล ต้อง เป่า เขา วัว เขา ควาย, ให้ มี เสียง ไว้ ด้วย,
เรือ ขึ้น ล่อง ไป มา จะ ได้ รู้ เปน สำคัญ. ๚ะ


๏ ตันคิมจิง กงสุล ๚

๏ ตันคิมจิง ที่ อยู่ เมือง สิงขโปร์, ที่ ใน หลวง ตั้ง เปน ที่
พระ พี่เทศ ภานิช สยามพิจิต ภักดี กงสุล สยาม, เข้า มา เฝ้า เมื่อ
เดือน หก นั้น. ได้ ไป เฝ้า เจ้า นาย, แล ไป หา ขุนนาง ผู้ ใหญ่ ผู้
น้อย, แล เจสัว ที่ ใน เมือง บางกอก เปน หลาย แห่ง หลาย ตำบล,
ท่าน เหล่า นั้น ได้ เชิญ พระพี่เทศภานิช ไป กิน เลี้ยง เปน ธรรมเนียม
ไทย บ้าง, ธรรมเนียม อย่าง ยุโรป บ้าง. แต่ บ้าน เจ้า พระยา
พระคลัง, บ้าน พระ ภาษี สมบัตร บริบูรณ เลี้ยง ใหญ่, เอา อย่าง
ธรรมเนียม ขุนนาง เมือง จีน, กับ เข้า สอง ร้อย ชาม, ของ หวาน
ทั้ง ผลไม้ เจ็ด สิบ ชาม. กิน คราว หนึ่ง แล้ว ลุก ออก มา กิน น้ำ
ร้อน น้ำ ชา, พูดจา กัน ประมาณ สาม สิบ มินิต, จัด โต๊ะ เปลี่ยน
ใหม่ แล้ว กลับ เข้า กิน อีก. ทำ ดัง นี้ ถึง สาม คราว จึ่ง เลิก,
เวลา รับ ประทาน ตั้ง แต่ หัว ค่ำ ไป จน เวลา เจ็ด ทุ่ม, จึ่ง แล้ว กัน.
เลี้ยง ใหญ่ เปน ธรรมเนียม จีน อย่าง นี้ มี สอง แห่ง เท่า นั้น. ที่
บ้าน เจ้า พระยา พระคลัง เมื่อ เวลา กิน โต๊ะ มี มโหรี่ ให้ ฟัง. ที่
บ้าน พระ ภาษี สมบัตร บริบูรณ มี สัก กระวา ดอก สร้อย, มี แพน
ลาว ให้ ฟัง. พระ พี่เทศ ภานิช กงสุล มี ความ ยินดี มาก, ด้วย
ฅอเวอนเมนท์ ไทย ทั้งปวง แล เจ้าสัว รักษ ใคร่ นับถือ, เพราะ ใน
หลวง โปรด ปราน เขา.

๏ อนึ่ง ท่าน เจ้าพระยาศรีสุริยวงษ ที่ สมุหะ พระกลาโหม, ได้
ให้ พระพิเทศพานิช ขึ้น ภัก อาไศรย ที่ บ้าน ทำ ใหม่ ใน สวน ดอกไม้,
ซึ่ง เปน ที่ สะอาด งด งาม, แล้ว จัด คน พิทักษ รักษา เลี้ยง ดู,
แล จัด เรือ ที่ จะ ไป มา เที่ยว ด้วย, เปน ศุกข์ สบาย ตั้ง แต่ มา
ถึง จน กลับ ไป ไม่ ขัด สน.

๏ ข้าพเจ้า ผู้ แต่ง หนังสือ จด หมาย เหตุ นี้, เหน ควร แล้ว
ที่ ขุน นาง ผู้ ใหญ่, จะ มี ใจ รักษ ใคร่ พระ พี่เทศภานิช สยาม พี่ชิต
ภักดิ์ เช่น กล่าว มา แล้ว, เพราะ สมเดจ พระเจ้า กรุง สยาม ได้ ตั้ง
ท่าน ไว้ ต่าง พระเนตร์ พระกรรณ์ ที่ เมือง อังกฤษ เปน ที่ สำคัญ ใหญ่.


๏ แมกนีเซี่ยม ๚ะ

๏ ด้วย ใน เมือง ลอนดอน, ที่ ตึก ใหญ่ ได้ ว่า ราชการ นั้น,
นาย ห้าง ชื่อ ซาเลเนฟซิว แอนด์ กำปะนี, ได้ สำแดง แสง สว่าง
แห่ง แมกนี่เซี่ยม ใน คืน วัน หนึ่ง. แสง สว่าง อื่น ที่ ทำ ด้วย ขี้ ผึ้ง,
แล ทำ ด้วย แคศ นั้น, แสง อ่อน ไป เหมือน ตเกียง ที่ จุด ตาม ไว้
ใน กลาง แดด. เมื่อ จะ ใช้ แมกนี่เซี่ยม เปน ตเกียง นั้น, เขา
เอา แมก นี่ เซี่ยม ทำ เปน ลวด เล็ก ๆ โดย ยาว ร้อย หกสิบ ฟุต,
น้ำ หนัก นั้น กึ่ง ตำลึง, คิด เปน ราคา สามสิบ รูเบี้ย, คิด เปน
เงิน ตรา ไทย, ห้า ตำลึง สิบ สลึง. เมื่อ กำลัง จุด ตาม อยู่ นั้น, ใน
สาม นาที ก็ สิ้น ไป สาม ฟุต. อนึ่ง เขา ได้ สำแดง คุณ แห่ง แมก
นี่เซี่ยม ใน วัน หนึ่ง, ที่ ตึก สำหรับ ชัก เงา รูป. แล รูป ที่ ชัก ด้วย
แสง แมก นี่ เซี่ยม นั้น ดี ที่ สุด, ไม่ มี ที่ จะ ติ ได้ เลย. ๚ะ

๏ ราคาสินค้า ที่ กรุงเทพ.
๏ ณวัน เดือน ๗ ขึ้น ๗ ค่ำ ปี ฉลูสัปตศก.

๏ น้ำ ตาล ทราย ขาว ดี ที่ สุด, หาบละ ๑๒ บาท ๓ สลึง.
น้ำ ตาล ทราย ที่ จัด ว่า ที่ ๑ นั้น หาบละ ๑๒ บาท สลึง เฟื้อง.
น้ำ ตาล ทราย ที่ จัด ว่า ที่ ๒ นั้น หาบละ ๑๑ บาท ๓ สลึง.
น้ำ ตาล ทราย ที่ ๓ หาบละ ๑๑ บาท สลึง.
น้ำ ตาล ทราย อย่าง เหล่า นี้ ไม่ สู้ มี มาก.
น้ำ ตาล ทราย แดง ที่ ๑ หาบ ล่ะ ๘ บาท ๓ สลึง.
น้ำ ตาล ทราย แดง ที่ ๒ หาบ ละ ๘ บาท สลึง.
น้ำ ตาล ทราย แดง เหล่า มี น้อย.

พริกไทย ดำ หาบ ละ ๙ บาท ๒ สลึง.
ฝาง อย่าง ที่ ๓, ๔, ดุ้น หนัก ได้ หาบ ๑ เปน หาบ ละ ๓ บาท ๒ สลึง.
ฝาง อย่าง ๔, ๕, ดุ้น หนัก หาบ ๑ เปน หาบ ละ ๓ บาท สลึง.
ฝาง อย่าง ๕, ๖, ดุ้น เปน หาบ ๑ ราคา หาบ ละ ๓ บาท เฟื้อง.
ฝาง อย่าง ๖, ๗, ดุ้น เปน หาบ ๑ ราคา หาบ ละ สอง บาท ๓ สลึง.
ฝาง อย่าง ๗, ๘, ดุ้น เปน หาบ ๑ ราคา หาบ ละ สอง บาท ๒ สลึง.
สินค้า เหล่า นี้ กำลัง เข้า มา มาก.
ไม้ Lyก เปน กะดาน หนา ๓ กะเบียด ราคา ยก ละ ๑๐ บาท ๒ สลึง.
ไม้ ชิงชัน หนัก ๑๐๐ หาบ, ราคา ใน รว่าง ๑๕๐ กับ ๒๔๐ บาท.
หนัง ควาย หาบ ละ ๙ บาท.
เขา ควาย หาบ ละ ๑๐ บาท.

หนัง วัวหาบ ละ ๑๐ บาท สอง สลึ่ง
กำยาน ที่ ๑หาบ ละ ๑๘๐ บาท แล ๒๐๐ บาท.
กำยาน ที่ ๒หาบ ละ ๑๓๐ บาท แล ๑๕๐ บาท.
รงหาบ ละ ๔๗ บาท.
งา เม็ดเกวียน ละ ๑๑๕ บาท แล ๑๒๐ บาท.
ครั้ง ที่ ๑หาบ ละ ๑๔ บาท.
ครั้ง ที่ ๒หาบ ละ ๑๒ บาท สลึ่ง.
งา ช้างหาบ ละ ๓๒๖ บาท แล ๓๔๖ บาท
ตาม ใหญ่ ตาม เล็ก.
กระวานหาบ ละ ๑๙๓ บาท.
เร่วหาบ ละ ๒๒ บาท สลึ่ง.
กะสอบพัน ละ ๗๕ บาท.
ไหม ลาวหาบ ละ ๒๖๐ บาท.

ไหม เมือง ญวน หาบ ละ ๗๑๐ บาท.
ทองใบอันเสิ้งที่ ๑ ราคา หนัก บาท ๑ เปน เงิน ๑๖ บาท.
การ แลก เงิน ฝาก ไป เมือง สิงคะโปร์, เงิน ๑๐๐ เหรียน ได้ กำ
ไร สองเหรียน กับ ๒๕ เซ็น บ้าง, แล สองเหรียน กับ ๗๕ เซ็น บ้าง.


๏ ราคา สินค้า เมือง บีแนง ณวันเดือน ห้า แรม ๑๒ ค่ำ, ปี ฉลู.
สินค้า อย่างไรเหรียนเซนต์เหรียนเซนต์
ขี้ผึ้งหาบละ๔๐
การะบูนหาบละ๒๒
น้ำมัน พร้าวหาบใหญ่๑๒
กาแฝ่หาบละ๑๔
งา ช้างหาบละ๒๐๐๑๓๐
กะเภาะ ปลาหาบละ๖๐๖๒
กำยานหาบละ๕๒๒๕
หนัง ควายหาบละ๔๐
หนังวัวหาบละ๑๐๒๕
เขา ควายหาบละ๓๕
เข้า เปลือกเกวียน ละ๕๒
เข้า สาร ขาว ที่ ๑เกวียน ละ๑๑๖๑๐๕
เข้า สาร ที่ ๓เกวียน ละ๙๘๘๘
เข้า กล้องเกวียน ละ๘๕๘๑
พริกไทย ดำหาบละ๑๓๑๗
เกลือ บำใบเกวียน ละ๑๕
เกลือ ขาวเกวียน ละ๒๒
ครั่ง ไทยบะชา ละ๔๐
น้ำ ตาล ทราย ที่ ๑หาบ ละ๕๐
น้ำ ตาล ทราย ที่ ๒หาบละ๕๐
น้ำ ตาล ทราย ที่ ๓หาบละ๒๕๗๕
น้ำ ตาล ทราย แดงหาบละ๒๕๗๕
ตกั่วหาบละ๒๐๔๐๒๕๕๕
ฝิ่น บังกลาหี่บ ละ๗๙๐๔๑๒
ฝิ่นเตอกีหาบละ๔๒๓๔๓๐
ฝิ่น ดิบ เตอกีหาบละ๔๔๐

กองตเวน

๏ บาญชี จับ คน ทำ ผิด ที่ กับปิตัน:เอมส์, นาย กอง ตเวน
ได้บอก มา. ตั้ง แต่ ณวัน เสาร์ เดือน หก แรม สี่ ค่ำ, มา จน
ถึง ณวัน อาทิตย์ เดือน เจด ขึ้น สี่ ค่ำ, ปี ฉลู สัปตศก. รวม เปน
สิบหา วัน ด้วย กัน. คือ จับ ผู้ ร้าย ขโมย หีบ สอง ใบ ได้ คน ๑
จับ ผู้ ร้าย ขโมย กังเกง ได้ คน ๑ จับ ผู้ ร้าย ขโมย ไก่ ได้ คน ๑
จับ คน เสพ สุรา เมา ได้ คน ๑ จับ ทาษ หนี นาย เงิน ได้ ๒ คน
จับ คน เปน ลูก หนี้ เขา ๑๒๐. บาท ได้ คน ๑
จับ คน ขาย ฝิ่น ต้อง ห้าม ได้ คน ๑
จับ คน วิ่ง ราว ตาม ถนน หลวง ได้ คน ๑
จับ คน ถือ เครื่อง สาตราวุธ ได้ ๓ คน
จับ ผู้ ร้าย ขโมย ทอง คำ ราคา ๔๒๐. บาท ได้ คน ๑
จับ คน ทำ ล่วง เกิน ได้ คน ๑

หนังสือ ขาย

๏ อนึ่ง ที่โรง พิมพ์นั้น มี หนังสือ ขาย ต่าง ๆ, คือ หนังสือ
หัด พูด คำ อังกฤษ จบ ละ ๒ สลึง. แล หนังสือ จินดามะณี นั้น
เล่ม ละ บาท. หนังสือ กฎหมาย ไทย ๕๕ เล่ม สมุท ไทย ผูก เปน
หนังสือ อังกฤษ สอง เล่ม, ขาย เปน ราคา จบ ละ ๑๓ บาท สลึง,
แล หนังสือ พระ ราช พงษาวดาร ไทย ๔๒ เล่ม สมุด ไทย, ทำ เปน
สอง เล่ม อังกฤษ, ขาย จบ ละ ๑๐ บาท สอง สลึง. แล พงษาวดาร
ฝรั่งเศศ ย่อ, ขาย เล่ม ละ สอง สลึง. แล มี กระดาษ สมุด เปล่า
ต่าง ๆ ขาย เล่ม ละบาท บ้าง, เล่มละสองสลึง บ้าง, เฟื้อง หนึ่ ง บ้าง.
หลาย อย่าง ต่าง ๆ เชิญ ท่าน ทั้ง หลาย มา หา ข้าพเจ้า ที่ โรง พิมพ์

ข้าพเจ้า ผู้ ชื่อ ว่า, ดี. บี. บรัดเล นั้น เทอญ.
ใบ ที่ ๘ จะ ออก ณวัน ศุกร เดือน เจ็ด แรม ๘ ค่ำ.

กำปั่นเข้ากรุงเทพ

เข้ามาเมื่อไร

กำปั่น ชื่อไร

กับปตัน ชื่อไร

กี่ตอน

เปนเรือ อะไร

มาแต่ไหน

ณวัน เดือน หก แรม เก้า ค่ำ

ไลออน

ลี:ซะ

๒๐๐

บาก สยาม

กลาป๋า

๑๐ ค่ำ

ยังเม

จีน

๒๐๐

บาก สยาม

กลาป๋า

๑๔ ค่ำ

แวร์ ลิวปรัก

ชิบตอพัน

๔๐๐

บาก ฮอลันด์

สัมปาหลัง

เดือน เจ็ด ขึ้น ค่ำ หนึ่ง

เบดชิ

เหมศ

๒๙๔

บริก อังกฤษ

คาดิบพ์

ค่ำ

ไต้เชง

จีน

๑๒๐

สกุเนอ สยาม

สัมปาหลัง

กำปั่นออกจากกรุงเทพ

จะไปไหน

ณวัน เดือน หก แรม ห้า ค่ำ

เบนติก

มอนลอ

๕๓๗

บาก สยาม

สิงกะโปร์

ค่ำ

โคลติเฟนเดอ

ดิแกศโทร

๒๗๖

บาก สยาม

ซองกง

ค่ำ

บันลี

จีน

๒๖๐

บาก สยาม

ซองกง

ค่ำ

กิมเซ็งซอง

ซกคั

๓๑๖

ลักเคอ สยาม

สิงกะโปร์

ค่ำ

ปรินเซศ ซี แรบพี่

โคเฟด

๔๕๔

บาก สยาม

ซองกง

๑๒ ค่ำ

เจ้า พระยา

ออตอน

๓๕๓

เรือไฟ สยาม

สิงกะโปร์

๑๔ ค่ำ

เซนเอทอ

ตัมซัน

๗๓๓

บาก สยาม

ซองกง

๑๕ ค่ำ

คอนเตศ

ตัมซัน

๖๐๘

ชิบ สยาม

ซองกง

๑๕ ค่ำ

เอค์มากวาน

เซนเซก

๓๐๕

บาก อังกฤษ

ซองกง