

| Vol. 1 เล่ม ๑ บางกอก เดือนสิบ ขึ้น สิบห้า ค่ำ จุลศักราช ๑๒๒๗ Sept. 5th 1865 คฤษศักราช ๑๘๖๕, ใบ ที่ ๑๓ No. 13. |
๏ พงษาวดาร อังกฤษ บทสอง
๏ ฝ่าย กระษัตริย์ เอ็คเบิด, ได้เสวย ราช สมบัติ เปน ปรกติ
มา, จน กฤษ ศักราช ล่วงได้ ๘๓๒ ปี. จึ่งเกิดมี การ สงคราม
ขึ้นใน หัว เมือง เล็ก น้อย, เพราะ พวก เดน ที่อยู่ใน ยัดแลนด์,
ณทวีป ยูรบ ข้างฝ่าย เหนือ, ยกมา ตี เกาะชี่เปะ, ซึ่ง เปน เขต
แดน ของ กระษัตริย์ เอ็คเบิด ได้. แต่ นั้น มา พวก เดน ก็มีใจ กำ
เริบ ขึ้น เปน อัน มาก. ครั้น ถึง ระดูร้อน แล้ว, มักมา เที่ยว ตี
ตาม หัว เมือง นั้น เนือง ๆ.
๏ อยู่ มา กระษัตริย์ เอ็คเบิด ก็ สิ้น พระ ชน ล่วงไป, ใน คฤษ
ศักราช ๘๓๘ ปี. เอ็คเบิก กระษัตริย์ นี้, อยู่ใน ราช สมบัติได้ ๑๑ ปี.
แล้ว เอถเอนวุก ผู้ เปน พระ ราชบุตร, ได้เสวย ราช สมบัติ ต่อ
ไป. เมื่อ เอถเอนวุก ได้ เปน กระษัตริย์ แล้ว, พระองค์ โปรด ให้พระ
ราชโอรส องค์ ใหญ่ ซึ่ง ทรง พระนาม ว่า, แอดเอนสแตน ไป
ครอง ราช สมบัติ สาม พระ นคร, คือ เมือง เคนต์ ๑, เมือง เอศ
เซ็ก ๑, เมือง ซะเซก ๑, สาม เมือง นี้ เปน ราช สมบัติ ของ กระ
ษัตริย์ แอดเอนสแตน ทั้ง สิ้น.
๏ ครั้น อยู่ มา กระษัตริย์ เอถเอนวุด ก็ พา พระ ราช บุตร องค์
น้อย, พระ พรรษา ได้ หก ปี, ทรง พระนาม ว่า แอลเฟร็ด, ไป นะ
มัสการ สังทปาปา ณะ เมือง โรม.
๏ ขณเมื่อ กระษัตริย์ เอถเอนวุด เสด็จ ไป เมือง โรม นั้น ฝ่าย
กระษัตริย์ แอด เอนสเตน, ที่ บิดา ให้ ไป ครอง ราช สมบัติ ใน สาม
พระ นคร นั้น ประชวร หนัก ลง, ก็ ทิวง คต ล่วงไป. เอถเอนบอน
พระ อนุชา ซึ่ง ว่า ราช การ แทน บิดา อยู่ นั้น, ครั้น พระ เชษฐา
สวรรคต ก็ ได้ ว่า ราชการ ใน สาม เมือง นั้น ด้วย. ครั้ง นั้น ขุน
นาง ผู้ใหญ่ ผู้น้อย, แล ราษฎร เปน อัน มาก, มีใจ รักษ ใคร่ นับ
ถือ เอถเอน บอน ยิ่ง กว่า กระษัตริย์ ผู้ เปน พระ ราช บิดา นั้น.
๏ ครั้น กระษัตริย์ เอด เอนวุด เสด็จ กลับ มา ถึง พระ นคร, ได้
ทรง ทราบ ดัง นั้น แล้ว, ก็ โปรด ให้ ขุนนาง ผู้ใหญ่ จัด แจง แบ่ง
อาณา เขต เปน สอง ส่วน, ข้าง ตวัน ออก ส่วน หนึ่ง, ข้าง ตวัน
ตก ส่วน หนึ่ง. แต่ ส่วน ฝ่าย ตวัน ตก นั้น, กว้าง ขวาง อุดม ดี.
จึ่ง พระ ราช ทาน ส่วน ตวัน ตก นั้น แก่ เอดเอนบอน. ๆ ก็ ได้ เปน
กระษัตรย์ ต่อ ไป ใน ทิศ ตวัน ตก นั้น.
๏ อยู่ มา กระษัตร เอดเอนวุด ก็ สิ้น พระ ชน ล่วง ไป, ใน
คฤศ ศักราช ๘๕๗ ปี. พระ ราช โอรส ที่ สาม ทรง พระ นาม ว่า,
เอดเอนเบิด ได้ เสวย ราช สมบัติ แทน บิดา ต่อ ไป ใน ทิศ ตวัน ออก
นั้น.
๏ ครั้น คฤศ ศักราช ล่วง ได้ ๘๖๐. ปี เอดเอนบอน กระษัตรย์
ฝ่าย ตวัน ตก ก็ ถึง อาสันกรรม ล่วง ไป. ครั้ง นั้น กระษัตรย์ เอด
เอนเบิด ได้ ครอง ราช สมบัติ ทั้ง สอง ฝ่าย. จน ลุ คฤศ ศักราช
๘๖๖ ปี, ก็ สิ้น พระ ชน มายุศม์ ล่วง ไป. เอดเออเรด พระ อนุ
ชา รอง ขึ้น ครอง ราช สมบัติ ต่อ ไป.
๏ ฝ่าย พวก เดน ที่ เคย มา ตี หัว เมือง แล เกาะ เล็ก น้อย
แต่ ครั้ง กระษัตรย์ เอกเบิด นั้น, ได้ ทำ สงคราม ติด ต่อ มา. ภาย
หลัง ก็ ยิ่ง มี กำลัง แขง แรง มาก ขึ้น. ได้ ยก ทัพ ใหญ่ มา ย่ำ ยี
ใน เขต แดน เมือง นั้น เนือง ๆ, จน กระษัตรย์ เอดเออเรด กับ
แอลเฟร็ต ผู้ น้อง, ต้อง ยก ไป ทำ สง คราม กับ พวก เดน นั้น
เปน หลาย ครั้ง. ครั้ง หลัง พระองค์ ต้อง อาวุธ พวก ฆ่า ศึก ก็ สิ้น
พระ ชน ใน ระหว่าง การ สง คราม นั้น. เมื่อ คฤศ ศักราช ล่วง ได้
๘๗๑ ปี, กระษัตรย์ เอดเออเรด ดำรง อยู่ ใน ราช สมบัติ ๕ ปี.
๏ ธรรมเนียม เว้น เสพ สุรา
๏ ใน เมือง นอก ได้ ตั้ง ธรรมเนียม อย่าง หนึ่ง, มา ประมาน
ห้าสิบ ปี แล้ว. การ นั้น มี คุณ ประโยชน์ แก่ ชน เปน อัน มาก. เขา
ได้ ประพฤติ์ ต่อ ๆ มา จน ทุกข์ วัน นี้. ธรรมเนียม นั้น คือ มี ที่
ประชุม ชน แห่ง หนึ่ง. แล จัด หา คน ที่ มี อัชฌาไศรย, ทั้ง วา
จา เรียบ ร้อย สำหรับ สั่ง สอน เกลี้ย กล่อม คน ทั้ง หลาย, ให้ ละ
เว้น การ เสพสุภา เสีย. แล้ว ชวน ให้ลงชื่อ สัญญากัน เปน พวก
อนึ่งชื่อ ว่า, แตมเบือ แรนซ์ โซไซซิตี, คือ พวก เว้น เสพสุภา.
ธรรมเนียม นี้ มี ทั่ว ไป ในเมืองอเมริกา, แล เมืองอังกฤษ, แล
เมือง ต่าง ๆ. เขา ประพฤติ์ มา ทุก ๆ ปี, ก็มีผู้ มา ลง ชื่อ
เปน พวก เว้น เสพ สุภา นั้น มาก, ใน ปี หนึ่ง หลาย พัน คน. แต่ ผู้
สัญญา นั้น ต่าง ๆ กัน. บาง คน สัญญา ว่าจะเว้น แต่ ปี หนึ่ง บ้าง,
ห้าปี บ้าง, จน สิ้น ชีวิตร บ้าง, สุดแต่ใจผู้ นั้น จะ สัญญา.
๏ อนึ่ง ใน เดือน หก ปี ฉลู สัปทศก นี้, ที่ เมือง ลอนดอน
เขา ประชุม กัน ใน ตึก ใหญ่ แห่ง หนึ่ง, ตึก นั้น เรียก ว่า เซอรี
จับเปละ. มี นาย ห้อง คนหนึ่ง เรียก ว่า แจะระแมน. ๆ นั้น เปน
ขุนนางผู้ใหญ่ ชื่อ เอิล ออฟ ชแรฝ บะรี่. ท่าน เปน พนักงาน ดู
แล ใน กาน ประชุม นั้น. แล้ว มี อาจาริย์ ใหญ่ อีก คนหนึ่ง ชื่อ นิ่ว
แมนฮอล, ขึน สั่งสอน พรรณโทษ เสพสุภา. แล สรรเสิรญ การ
เว้น เสพ สุภา. ครั้น จบ แล้ว, มีชาย สามคน เปน คน ยาก ไร้ อณา
ถา, เดิม เปน นักเลง สุภา, แต่ เข้า มา เปน พวก นั้น หลาย ปี,
ได้ รู้คุณ แล โทษ ใน สุภา มาก. จึง ยืน ขึน ที่ ละคน เล่า เรื่อง ต่าง
ต่าง, ที่ ตน ได้ ทำ ทุจริต เพราะ เสพสุภา, หวัง จะ ให้ คน ทั้งปวง
สลดใจ จะ ได้ เว้น :เสพสุภา เสีย.
๏ ฝ่าย แจะระแมน ได้ ฟัง ถ้อย คำ ทั้ง สามคน บรรยาย เรื่อง
ดัง นั้น, ท่าน จึง ได้ สรรเสิรญ ว่า, คน ทั้งสาม นี้ ถึง เปน คน เลว ก็
จริง, แต่ ถ้อย คำ ควร จะ เปน คติ ต่อ ไป ได้. แล ท่าน ว่า, ท่าน
มี ความ ยินดี ด้วย ได้ ทราบ ว่า, คน ที่ เสพ สุภา ใน เมือง อังกฤษ
นั้น น้อย ลง กว่า ใน ๒๐ ปี ที่ ล่วง ไป. เวลา นั้น มี คนลง ชื่อ สัญญา
จะ ไม่ เสพ สุภา เปน หลาย คน.
๏ อนึ่ง ใน ที่ พวก เว้น เสพ สุภา นั้น, ยัง มี ชาย ผู้ หนึ่ง ชื่อ พัด
ริก. ๆ นั้น เดิม ชอบ เสพ สุภา นัก, มัก พูดจา เปน ตลก คนอง.
วัน หนึ่ง ไป ยัง ที่ ประชุม พวก เว้น เสพ สุภา, ได้ ฟัง อาจาริย์ ยอน
ซือาบัด สั่งสอน อยู่ ที่ นั้น, ก็ บังเกิด ความ สังเวค สลดใจ, จะ
ใคร่ ลงชื่อ เหมือน เขา บ้าง, ก็ ยัง มิ ไว้ ใจ, กลัว จะ อต ไป มิ
ลทอต. จึง ขอ สัญญา แต่ ปี เดียว. แต่ นั้น มา ก็ อุษาห์ อด ใจ
มิ เสพ สุภา เลย. ภาย หลัง พัดริก ก็ มี ความ ศุข สบาย มาก ขึ้น.
แล้ว ได้ คิด ว่า เรา เสียเงิน เพราะ สุภา นั้น มาก นัก. จึง แกล้ง
เก็บ เงิน ส่วน ซื้อ สุภา เหมือน เคย ใช้ มา แต่ ก่อน นั้น, ประสม
ไว้ ส่วน หนึ่ง ทุก วัน ๆ.
๏ อยู่ มา ก็ ครบ จำ นวน ปี ซึ่ง ทำ สัญญา ไว้ นั้น, อาจาริย์
ยอนซิอาบัด จึ่ง ว่า, ท่าน จะ เลิก เท่า นั้น ฤา, ฤา จะ สัญญา ต่อ
ไป. พัดริก ก็ ทำ อิด เอื้อน อ้ำอึ้ง ก้มหน้า อยู่. ยอนซิอาบัด ซ้ำ ถาม
อีก ถึง สอง ครั้ง สาม ครั้ง. พัดริก จึ่ง ตอบ ว่า ถ้า ท่าน จะ โปรด ให้
สัญญา ตามใจ ข้าพเจ้า แล้ว, ๆ จึ่ง จะ ทำ คำ สัญญา ต่อ ไป. ครั้น
ท่าน จะ ขัด ขืน ก็ เกรง พัดริก จะ ไม่ สัญญา, จึ่ง ว่า ตาม แต่ ใจ
ท่าน จะ สัญญา เถิด. พัดริก ได้ ยิน ดัง นั้น มี ความ ยินดี นัก. จึ่ง
เขียน คำ สัญญา ลง โดยเร็ว ว่า, แต่ นี้ ไป เก้า ร้อย เก้า สิบ เก้า
ปี, ข้าพเจ้า จะ ไม่ กิน สุรา เลย เปน อัน ขาด. ถ้า ข้าพเจ้า มี อา
ยุศม์ อยู่ เกิน ๙๙๙ ปี แล้ว, จึ่ง จะ ทำ คำ สัญญา ใหม่ ต่อ ไป จน
ตลอด ชั่ว ชีวิตร นี้.
๏ ครั้น อยู่ มา ประ มาณ สาม วัน สี่ วัน, นาย อากร สุรา
คน หนึ่ง เปน คน คุ้น เคย กับ พัดริก มา แต่ ก่อน, ถามว่า, ท่าน
เปน ศุข สะบาย อยู่ ฤา. เขา ตอบ ว่า, หา สู้ สะบาย ไม่, เพราะ
ก้อน อัน หนึ่ง เกิดขึ้น ที่ ศีค่าง ข้าพเจ้า. นาย อากร มิ รู้ เท่า, สำ
คัญ ว่า มี โรค. จึ่ง ว่า, เหน จะ เปน เพราะ โทษ อด สุรา, ถ้า กิน
สุรา เหมือน แต่ ก่อน แล้ว ก้อน นั้น คง จะ หาย เปน แน่. พัดริก ทำ
อาการ เหมือน หนึ่ง ตกใจ. จึ่ง ซ้ำ ถาม อีก ว่า, ท่าน เหน จะ เปน
ดัง นั้น จริงๆ เปน แน่ ฤา. นาย อากร รับ ว่า, จริง เปน แน่. ถ้า
ไม่ กิน สุรา แล้ว นาน ไป คง จะ มี ขึ้น ทั้ง สอง ข้าง. ซึ่ง ว่า กล่าว
เตือน สะติ ทั้ง นี้ ก็ เพราะ ความ สงสาร ท่าน. แล้ว ริน สุรา ส่ง
ให้ พัดริก. ๆ ยิ้ม แล้ว ก็ ว่า, ขอบใจ ท่าน นัก ที่ ท่าน ว่า นั้น เห็น
จะ ถูก. แล้ว ก็ ล้วง เข้าไป ที่ ศี ค่าง ยิบ ห่อ เงิน ค่า สุรา ที่ ประ
สม ไว้, ออก ให้ นาย อากร ดู. แล้ว ก็ ว่า, ก้อน นี้ มี ขึ้น เพราะ
อด สุรา. ถ้า อด นาน ไป คง จะ มี ขึ้น ทั้ง สอง ข้าง. ท่าน ว่า
ถูก ทุก อย่าง มิ ได้ ผิด เลย. ๚ะ
๏ อัน ธรรมเนียม ซึ่ง กล่าว มา นี้, ควร จะ มี ใน เมือง ที่ ถือ
ว่า เปน สัมมาทิฐิ บ้าง แต่ ใน สยาม ประเทศ นี้, ก็ เคย มี อยู่ บ้าง.
ใน สำนัก นี้ อาจาริย์ แล ท่าน ผู้ใหญ่, ฤา ท่าน ผู้ มี บัน ดา ศักดิ์,
ห้าม ปราม ฃอ เสีย มิ ให้ เสพ สุรา, บาง คน ก็ เว้น ได้, บาง
คน ก็ เสีย สัตย์ สัญา ไป. เพราะ ผู้ สั่ง สอน ห้ามปราม นั้น น้อย
นัก. ๚ะ
๏ อนึ่ง ผู้ จะ เว้น สุรา นั้น, เว้น เพราะ เห็น โทษ ใน สุรา นั้น
อย่าง หนึ่ง, ๆ เพราะ เห็น แก่ บุคล. เมื่อ มี ท่าน ผู้ใหญ่ สรร
เสญ มาก ด้วย กัน แล้ว, คน ที่ เว้น สุรา ก็ คง จะ มาก ทวี ขึ้น
ทุกปี, ๚ะ
๏ ข้าพเจ้า ผู้ เจ้า ของ หนังสือ นี้, ปราถณ จะ ให้ ท่าน ผู้ ดี ผู้ ใหญ่
ทั้งหลายใน เมือง ไทย, เข้า ใน แตมเปีอ แรนซ์ โซ ไซ อิ ที, คือ
เปน พวก สัญญา กัน ว่า, ไม่ เสพ สุรา ต่อ ไป อีก แล้ว, จึ่ง จะ
เปน ที่ จะ สรรเสิญ การ เว้น สุรา แท้, แล คน ที่ คี่ เมาสุรา ก็ จะ มี น้ำ
ใจ เข้า เปน พวก เว้น เสพสุรา ด้วย กัน, จะ ได้ เอา ตัว รอด เพราะ คน
ผู้ ดี ผู้ ใหญ่, ได้ ช่วย ให้ มี น้ำ ใจ เข้ม แขง อาจ จะ อด ได้. อาไศย
เหตุ นี้ จึ่ง มี คน ผู้ ดี ผู้ ใหญ่ ใน เมือง อะมริกา, แล เมือง อังกฤษ
เปน อัน มาก, ที่ ไม่ ได้ เคย เสพ สุรา เลย, แต่ ได้ เข้า เปน
พวก สัญญา กัน ว่า, จะ ไม่ เสพ สุรา เลย เพื่อ ประสง จะ ได้ ชัก ชวน
บุตร ภรรยา, แล เพื่อน บ้าน ทั้งหลาย ให้ เกลียด การ เสพ สุรา
ให้ จง นัก. แล เขา จึ่ง จะ ไม่ ได้ เสีย ไป ดว้ย สุรา ต่อ ไป ข้าง น่า.
ความ ทเลาะ กัน ใน ป่า เชียงใหม่
๏ หนังสือ นี้ คัด ออก จาก หนังสือ อัดเวอไทเซอ, จดหมาย
เหตุ ที่ เมือง มรแมง, เมื่อ ณวันเสาร์ เดือน แปด ขึ้น แปด ค่ำ
ได้ แปล ออก จาก หนัง สือ พม่า, เปน หนังสือ ห้าม เพื่อ คน ทั้ง
หลาย จะ ได้ รู้ แล กลัว ผิด,
๏ คำ ใน หนังสือ นั้น ว่า ถ้า ใน เขตร์ แดน ของ ผู้ ใด ๆ, ถ้า
ตัด ไม้ ไหน ๆ มี หมาย ดัง ว่า ไว้ นั้น, ฝ่าย เจ้า ของ หมาย นั้น จะ
ฟ้อง ผู้ เข้า ของ ที่ นั้น ต่อ หน้า ท่าน เสนาบดี, สำรับ ตัด สิน ความ.
ถ้า ที่ นั้น จะ ขาย แก่ ผู้ อื่น แล้ว, เรา จะ ฟ้อง ทั้ง เจ้า ของ เก่า
ใหม่ ด้วย, แล เขา ทั้ง สอง จะ ต้อง ให้ การ. เหตุ นี้ ต้อง ให้
คน ทั้ง ปวง ระ วัง ตัว. จง นิ่ง อยู่ ทุก ตัว คน เถิด.
๏ หนังสือ ที่ ว่า มา นี้ หา ได้ บอก เจ้า ของ ไม่.
๏ ถ้า จะ ว่า ถึง หนังสือ ห้าม, ที่ ลง พิมพ์ ใน จด หมาย เหตุ
ที่ เมือง มรแมง นั้น, เรา ผู้ มี ชื่อ ลง สุด ท้าย หนังสือ นี้ เหน เปน
แน่ ว่า, ผู้ เจ้า ของ หนังสือ จด มาย เหตุ ห้าม นั้น, มี ความ อาย
มิ อาจ ลง ชื่อ ของ ตน ได้. ตัว เรา นี้ จะ ช่วย สง เคราห์ พวก ที่
ไป ตัด ไม้ ขอน สัก แล มี ผู้ คน มา ข่ม ขี่ ทำ ร้าย, แล หมาย ไม้
ผิด จาก กด หมาย, ด้วย เขา หมาย ปลอม นั้น, เรา จึ่ง มี หนัง
สื่อใบ นี้ ออก ประกาศ, ให้ ปรา กฎ แก่ บัน ดา คน ที่ ควร จะ รู้
ว่า, คำ ข่ม ขี่ ใน หนังสือ จด หมาย เหตุ ห้าม นั้น, จะ ไม่ เปน ไร
ดอก. แต่ บัน ดา คน ที่ ได้ คม เหง พวก ที่ ตัด ไม้ ขอน สัก ได้
หมาย ไม้ ไว้ ผิด จาก กฎ หมาย, แล เจ้า ของ ไม้ นั้น เปน คน
ที่ อยู่ ใต้ ร่ม ธง อังกฤษ, ครั้น เมื่อ เขา จะ กลับ มา อยู่ ใน แดน
เมือง อัง กฤษ จะ ต้อง ตัด สิน ตาม กฎ หมาย นั้น ตาม กฎ หมาย ข้อ
ที่ หนึ่ง ซึ่ง ได้ ตั้ง ไว้ แต่ เมื่อ กฤษ ศัก ราช, ๑๘๔๙ นั้น,
๏ มี ชื่อ ใต้ หนังสือ ที่ ว่า นี้, ชื่อ ดับลิยู. ดี. ลอ, เปน ผู้
ว่า กล่าว คดี ความ ต่อ เสนาบดี ฝ่าย อังกฤษ, ใน ประ เทศ พม่า.
๏ หนังสือ นี้ ได้ เขียน ที่ เมือง มรแมง, แต่ ณ วัน จันทร์
เดือน แปด ขึ้น สาม ค่ำ.
๏ หนังสือ หม่อง กี, เปน เจ้า พนักงาน ตัด ไม้ ขอนสัก ใน ป่า
ไม นี่ ลุง ยี่ อยู่ เมือง อมรแมน, เปน หนังสือ ฟ้อง คำนับ มา ถึง
ท่าน ที่ มี ชื่อ, ลิว เตน อันต์ เคอ เนิล. ดี. ปรอน. เปน เสนา บดี ที่
สอง, แล เปน ลูก ขุน ที่ ตำบล เมือง อำ เฮอศ์.
๏ ข้าพเจ้า ฃอ สำแดง ความ ตาม ที่ มี ใน หนังสือ ใบ นี้ เถิด.
๏ ข้าพเจ้า ผู้ ฃอ นี้ อยู่ ใต้ ร่ม ธง อังกฤษ, แล เคย ได้ ทำ
มา หา กิน ใน ป่า, ไมนีลุงยี ได้ ตัด ไม้ ขอน สัก ไว้ ๑๐๐๐ ทอ่น
ได้ ลาก ลง ไป ถึง ริม น้ำ โดย เจ้า เมือง เชียง ใหม่.
๏ อนึ่ง มี คน อังกฤษ ผู้ หนึ่ง ชื่อ ว่า, มิศเตอ อาร์. ซี. เบิน.
ที่ แต่ กอ่น ได้ เปน นาย กองทับ. มี พม่า คน หนึ่ง ชื่อ ซโอเอฆาน
มี พวก พล ๖๐ คน, ถือ สาตรา วุธ ยก เข้า มา ใน ป่า ที่ ข้าพเจ้า
ได้ ทำ การ อยู่ นั้น. เขา ได้ หมาย แต่ บัน ดา ไม้ สัก ใน ป่า นั้น,
ด้วย ค้อน เปน สำคัญ ไว้ ว่า, เปน ของ เขา หมด.
๏ ผู้ ที่ ฃอ นี้ จึง ไป ยัง เมือง เชียง ใหม่ โดย พลัน, กล่าว
โทษ แก่ เสนา บดี ผู้ ใหญ่ ที่ เมือง เชียง ใหม่. แล้ว เจ้า เมือง
เชียง ใหม่ จึง มี หนังสือ ๓ เล่ม, ฝาก ไป ถึง ท่าน ผู้ ใหญ่ ฝ่าย
อังกฤษ เมือง พม่า เล่ม หนึ่ง, ไป ถึง ท่าน รอง ผู้ ใหญ่ เล่ม หนึ่ง,
ถึง ท่าน เจ้า พนัก งาน สำรับ ว่า กล่าว ที่ ตำบล บ้าน, ที่ แนดซีริม
แล ใน ป่า ไมนีลุงยี เปน ใจ ความ ว่า ให้ ห้าม, อย่า ให้ มิศเตอ
เบิน แล ซโซเอฆาน, หมาย ไม้ ไว้ อีก เลย.
๏ นาย ป่า ไมนีลุงยี นั้น ได้ ห้าม มิศเตอ เบิน, แล ซโฮเอ
ฆาน ไม่ ให้ หมาย ไม้ ไว้ อีก, แต่ เขา หา ฟัง ไม่.
๏ ข้าพเจ้าผู้ซอ, ได้ ไป จาก เมือง เชียงใหม่ ถึง ป่าไมนี
ถุงยี ณวัน เดือน ห้า ขึ้น สี่ ค่ำ. ครั้น ถึง ณวัน เดือน ห้า ขึ้น สิบ
เอ็ด ค่ำ, พวก มิศเตอ เบิน กับ พวก ซโฮเอมาน ๑๑ คน, มา ถึง
บ้าน ข้าพเจ้า โดย ทาง ป่า, หา ได้ มา ตาม ทาง หลวง ไม่. เขา
ถือ ปืน มา ถึง แล้ว ก็ มุง หมาย ทำ เปน จะ ยิง เอา ข้าพเจ้า.
๏ ข้าพเจ้าผู้ ฃอ จึ่ง ถาม เขา ว่า, ท่าน ทั้งหลาย ทำ ดัง นี้
จะ ตอ้ง การ อะไร. เขา ตอบ ว่า มิศเตอเบิน กับ ซโฮเอมาน สั่ง
ให้ มา เอา หนังสือ ฝาก ๓ เล่ม นั้น, ที่ ข้าพเจ้า ได้ ถือ มา แต่
เมือง เชียงใหม่, และ มา เกาะ เอา ตัว ข้าพเจ้า ไป ดว้ย.
๏ ข้าพเจ้าผู้ซอ, ไม่ ยอม ให้ หนังสือ ฝาก นั้น แก่ เขา.
ข้าพเจ้า จึ่ง บอก ว่า, ได้ ส่ง หนังสือ ฝาก นั้น ไป ถึง นาย ป่า ไม
นี่ลุงยี่ แล้ว.
๏ ขณะ นั้น พวก ๑๑ คน นั้น ออก ไป ๖ คน, ยัง อยู่ ๕ คน ๆ
นั้น ไป หน่อย หนึ่ง, ครั้น ถึง เพลา บ่าย ๓ โมง, มิศเตอเบิน กับ
ซโฮเอมาน, ก็ นำ น่า ภา พวก ๖๐ คน มา, มี มือ ถือ อาวุธ ครบ
มือ กัน, และ เป่า แตร, แล้ว เขา มา ตี เรือน ข้าพเจ้า, แล เอา ปืน
ลูก โดน ยิง ตอ้ง เรือน ข้าพเจ้า.
๏ ข้าพเจ้า ผู้ ซอ นี้, เหน เปน ความ น่า กลัว จึ่ง ภา พวก
ข้าพเจ้า หนี จาก บ้าน เรือนไป. พวก มิศเตอเบิน กับ ซโฮเอมาน
จึ่ง เอา ไฟ จุด เรือน ข้าพเจ้า ไหม้ หมด, แล ไม้ขอนสัก ของ ข้าพเจ้า
มี ๑๓๐ ท่อน, เปน ราคา ประมาณ ๖๐๐๐ รูเบีย, จะ ไหม้ ฤา
ขโมย เอา ไป ไม่ แจ้ง หาย ไป หมด. แล ของ ๆ พวก ข้าพเจ้า
ที่ มี ราคา ประมาณ ๒๐๐๐ รูเบีย ก็ หาย ไป ดว้ย.
๏ ข้าพเจ้า ผู้ ซอ นี้, จึ่ง ได้ ร้อง ทุกข ถึง นาย ป่า ไมนีลุงยี,
แล้ว ข้าพเจ้า จึ่ง ใช้ นอ้ง ของ ข้าพเจ้า, ให้ ไป ถึง เมือง เชียงใหม,
เพื่อ จะ ให้ ขึ้น ไป รอ้งทุกข์ ถึง เจ้า เมืองเชียงใหม่. ข้าพเจ้า จึ่ง จัด
แจง ให้ นอ้ง ของ ข้าพเจ้า, ถือ เอา บาญชี ย์ ราย ทรัพย์ สิ่ง ของ ๆ
ข้าพเจ้า ที่ สูญ หาย ไป นั้น, ขึ้น เรียน เจ้า เชียงใหม่ ให้ ทราบ.
ครั้น นอ้ง ของ ข้าพเจ้า ไป แล้ว, สว่น ตัว ข้าพเจ้า ก็ กลับ มา อยู่
เมือง มรแมง กว่า จะ ได้ ข่าว มา แต่ เมือง เชียงใหม่.
๏ ข้าพเจ้า ผู้ ฃอ นี้ ได้ มา กราบ เรียน กับ ท่าน, ฃอ ให้
ท่าน มี หนังสือ ไป ถึง ท่าน เสนา บดี เมือง เชียงใหม่, เพื่อ พวก
เสนา บดี จะ ได้ ทำ ตาม ถอ้ย คำ ที่ มี ใน หนังสือ ฝาก ของ เขา,
ที่ ข้าพเจ้า ส่ง มา กับ ท่าน นั้น, เพื่อ ว่า ท่าน เสนา บดี เมือง เชียง
ใหม่ จะ ส่ง มิศเตอเบิน แล ซโฮเยมาน, ไป ถึง เขต แดน อังกฤษ
ที่ เคาเวอเมน อังกฤษ จะ มา เอา ตัว ไป ชำระ ความ ตาม กฎหมาย
ข้อ ที่ หนึ่ง, ที่ ได้ ตั้ง ไว้ แต่ คฤษ ศักราช ๑๘๔๙ นั้น.
๏ ข้าพเจ้า ผู้ ขอ นี้, เหน สม ควร ที่ จะ ร้อง ทุกข์ แก่ ท่าน
เช่น ว่า มา นี้, แล ข้าพเจ้า คง จะ ร้อง ทุกข์ ต่อ ไป.
๏ ชื่อ ที่ เขียน ไว้ ใต้ ความ ที่ ว่า มา นี้, ชื่อ มองกี่. ได้ เขียน
เมื่อ ณวัน อังคาร เดือน ห้า แรม แปด ค่ำ.
๏ ผู้ มี ชื่อ โคอองเม, ได้ ไป ถึง เมือง เชียง ใหม่ ดว้ย กัน
กับ ผู้ ที่ ฃอ นี้ รู้ ใน ความ นั้น หมด. และ ผู้ มี ชื่อ มองฮัน แล มอง
เป แล มอง ซโฮเองยอืน, แล มองทูน, ทั้ง สาม คน ได้ อยู่ ดว้ย
ผู้ ที่ ฃอ นี้, เมื่อ มิศเตอเบิน ได้ ตี ข้าพเจ้า นั้น. แล คน เหล่า นั้น
ก็ พร้อมใจ กัน จะ เปน พญาณ, ใน ความ ที่ ข้าพเจ้า รอ้ง ทุกข์ นี้ ว่า
เปน ความ จริง. มี ชื่อ เขียน ใต้ ความ ที่ กล่าว มา นี้ ชื่อ มองกี่.
๏ หนังสือ ของ เจ้า เมือง เชียง ใหม่, คง จะ แปร ออก เปน
ภาษา พม่า. ครั้น เมื่อ แปร ออก แล้ว, จะ เปน ความ ประการ ใด,
คง จะ มี คำ สั่ง ไป ตาม คำ ออ้น วอน เจ้า มองกี่ นี้ ให้ ได้.
๏ มี ชื่อ ใต้ ความ ที่ ว่า มา นี้, ชื่อ ดี. ปรอน, ผู้ เปน นายรอง,
กัมมิศชันเนอ. เขียน เมื่อ ณวัน อังคาร เดือน ห้า แรม แปด ค่ำ.
๏ ผู้ ที่ เปน กัมมิศชันเนอ ใหญ่, ได้ อ่าน คำ หนังสือ ออ้น
วอน นั้น แล้ว, อีก ทั้ง หนังสือ เจ้า เมือง เชียง ใหม่ ที่ ได้ กล่าว
ถึง ความ นั้น. เจ้า เชียง ใหม่ คง จะ มี หนังสือ แห่ง เสนา บดี
ฝ่าย อังกฤษ ให้ ทราบ ว่า, เคาเวอเมน อังกฤษ จะ ไม่ ยอม ให้ ผู้ ที่
อยู่ ใต้ ร่ม ธง อังกฤษ, ไป ทำลาย กดหมาย เมือง สยาม เช่น กล่าว
มา นั้น เลย. แต่ทว่า เจ้า เชียง ใหม่, จำ เปน ผู้ ใหญ่ ใน แว่น
แคว้น ของ ท่าน, เคาเวอเมน อังกฤษ จะ ไป ชำระ ความ ใน เขต
แดน ของ ท่าน ไม่ ได้.
๏ กัปปิตันเบิน แล มองกี, คง จะ รู้ ใจ ความ ใน หนังสือ
เจ้า เมือง เชียง ใหม่, แล ใจ ความ หนังสือ กัมมิศชันเนอ ผู้ ใหญ่
ตอบ แก่ ท่าน นั้น.
๏ ถึง หนังสือ อ้อน วอน แห่ง มองกี่นั้น, ท่าน ที่ เปน กัมมิศ
ชันเนอ จะ ตอบ ว่า. ถ้า แม้น มองกี่ จะ กล่าว คำ ฟ้อง ต่อ สู้ กัปตัน
เบิน, แล มองซโฮเยมาน นั้น, ก็ ควร ที่ มองกี จะ กล่าว โทษ
เรื่อง นั้น แก่ เจ้า เชียง ใหม่ ด้วย. เหน ที เจ้า เมือง เชียง ใหม่ จะ
จัก แจง ให้ มองกี่ ได้ การ ตาม สัจชื่อ.
๏ อนึ่ง ใน เรื่อง หนังสือ ของผู้โจทนั้น, บอก ความ ว่า พวก
มองกี ได้ ยิ่ง เอา พวก กัปตันเบิน กอ่น. แล ได้ กล่าว ว่า ซึ่ง ความ
ผิด จำ เปน ตอ้ง อยู่ กับ พวก มองกี ฝ่าย เดียว. แต่ ความ นี้ ตอ้ง ชำ
ระ ใน แว่น แคว้น ที่ ๆ ความ ร้าย นั้น เกิด ขึ้น จึง จะ ควร. ฝ่าย
เสนา บดี อังกฤษ ที่ เมือง พม่า จะ ตัดสิน ความ ใน ที่ นั้น ไม่ ได้.
๏ มี ชื่อ เขียน ได้ ความ ที่ กล่าว มา นี้, ชื่อ อัลเบิดไฟคี,
เปน กัมมิศซันเนอ ผู้ใหญ่ ใน กอง ที่ ๑. เมือง อังกฤษ ใน ประเทศ
พม่า. ๚ะ
๏ หนังสือ นี้ ได้ เขียน เมื่อ ณวัน พุทธ เดือน หก ขึ้น สอง ค่ำ
ปี ชวด ฉศก.
ประกาศ ยอม ให้ เอา เข้า ลง กำปั่น
๏ เจ้า พระยา พระคลัง เสนา บดี, ซึ่ง ได้ ว่า การ ต่าง ประ
เทศ. ขอ แจ้ง ความ มา ยัง ท่าน มิศเตอ บิ๊กกินเปก กงสุล ฮอ
ลันดา, แล ว่า การ กงสุล แฮนไซรฮติก, ดว้ย ท่าน เสนา บดี
ให้ ข้าพเจ้า มี หนังสือ บอก ความ มา ถึง ท่าน แต่ กอ่น ว่า, ปี ชวด
ฉศก นี้, ใน พระ ราช อาณาจักร ประเทศ สยาม เปน ส่วน น้ำ มาก
จน เกิน ไป ทำ นา ไม่ ได้ ก็ มี. ที่ น้ำ น้อย ฝน น้อย แล้ง ไป จน ทำ
นา ไม่ ได้ ก็ มี. ราษฎร ได้ ความ ทุกข์ ร้อน นัก ดว้ย เข้า แพง.
จะ ขอ ปิด เข้า ตั้ง แต่ เดือน ยี่ จน สิ้น เดือน เก้า ปี ฉลู สัปตศก.
ถ้า สืบ ได้ ความ ว่า ฝน ฟ้า บริบูรณ์, ราษฎร ทำ นา ได้ มาก จะ
เปิด ให้ ลูก ค้า ได้ ซื้อ ขาย เข้า. ถ้า ฝน แล้ง ฤา น้ำ มาก เกิน
ไป ทำ นา ไม่ ได้ อิก, จะ ฃอ ปิด เข้า ต่อ ไป อิก ปี หนึ่ง,
๏ ก็ บัดนี้ ผู้ รักษา เมือง กรม การ หัว เมือง ปาก ใต้ ฝ่าย เหนือ,
บอก เข้า มา ว่า ฝน น้อย ที่ นา ปัก, น้ำ ยัง ไม่ ขัง ท้อง นา ทำ นา
ยัง ไม่ ได้ ก็ มี. ลาง เมือง ที่ มี ฝน ก็ ทำ นา ได้ บ้าง,มี น้ำ พอ
เลี้ยง ต้น เข้า ก็ มี เปน เมือง ๆ. นา หว่าน แขวง กรุงเก่า ราษฎร
ได้ ไถ หว่าน ลง ได้ เตม ภาค ภูม ก็ แต่ น้ำ ยัง ไม่ เข้า ทุ่ง. สืบ
ดู ฝน เหนือ ก็ น้อย, น้ำ เหนือ ก็ ยัง ไม่ มี ลง มา. ถ้า น้ำ เหนือ ไม่
มี ลง มา เข้า ทุ่ง เลี้ยง ต้น เข้า ได้, เข้า ก็ จะ แห้ง เสีย ไป มด
เหมือน อย่าง ปี กลาย นี้. ถ้า ฝน เหนือ ใน เดือน ๑๐ เดือน ๑๑
เดือน ๑๒, มี มา น้ำ เข้า ทุ่ง เลี้ยง ต้น เข้า ได้ ก็ จะ ได้ ผล เมต เข้า.
ถ้า มี มา น้อย อย่าง ปี หลัง, ท่าน เสนา บดี ปฤกษา เหน พร้อม
กัน ว่า ราคา เข้า ที่ กรุง เทพ มหานคร เตียว นี้ ก็ แพง ขึ้น กว่า แต่
ก่อน, เข้าใน ยุ้ง ฉาง ฃอง ราษฎร จวน เกือบ จะ มด อยู่ แล้ว.
เข้า ที่ หัว เมือง ทำ นา ได้ ก็ เบิด ขาย ออก มา บ้าง,
๏ จึ่ง สั่ง ให้ ข้าพเจ้า มี หนังสือ แจ้ง ความ มา ยัง ท่าน ว่า การ
ที่ จะ ฃอ ปิด เข้า ต่อ ไป อีก ปี หนึ่ง นั้น ไม่ ปิด แล้ว, สุด แต่ ท่าน
ผู้ ใด จะ เหน ผล ประโยชน์ อย่าง ไร, ก็ ตาม ใจ ที่ จะ ซื้อ ขาย กัน
เถิด. จะ ฃอ เรียก เอา แต่ ภาษี.
๏ และ สืบ ได้ ความ ว่า ที่ เมือง จีน แล ที่ เมือง อื่น ๆ, รา
คา เข้า ทุก กว่า ที่ กรุง เทพมหานคร, ก็ ถ้า ลูก ค้า ใน บังคับ ฃอง
ท่าน จะ บันทุก เข้า เข้า มา ขาย, ก็ จะ ยก ภาษี ร้อย ละ สาม ให้,
ไม่ เรียก เอา ภาษี เข้า ซึ่ง บันทุก เบน สินค้า ขา เข้า. แต่ ลูก ค้า
ที่ บัน ทุก เข้า มา ขาย จะ เรียก ร้อย ชัก สาม ตาม สัญญา แต่ ฃอง
สิ่ง อื่น มิ ใช่ เข้า. ๚ะ
๏ แจ้ง ความ มา ณ วัน อังคาร เดือน สิบ ขึ้น ค่ำ หนึ่ง, ปี ฉลู
สัปตศก, ๚ะ
การ ที่ จะ เปลี่ยน อัฐ ตกั่ว เปน อัฐ ทองแดง
๏ ข้าพเจ้า ผู้ เซน ชื่อ ท้าย หนังสือ นี้, ฃอ แจ้ง ความ มา ยัง
ท่าน ทั้ง หลาย ให้ ทราบ ทั่ว กัน. ด้วย พระบาท สมเด็จ พระจอม
เกล้า เจ้า แผ่นดิน ประเทศ สยาม, ทรง คิด ทำ อัฐ พัศ ให้ ราษฎร
ใช้ แทน เบี้ย หอย นั้น, ด้วย ทรง พระ ปัญญา รู้ การ ชาว ยูรป ใช้
แปน, เซนซ์, สุด นั้น ก็ เปน ที่ ชอบ อยู่ แล้ว, สม กับ พระ เกรียติ
ยศ ซึ่ง ได้ พระ นาม ปรากฎ ไป กับ นา ๆ ประเทศ ทั้ง ปวง. แต่
อัฐ พัศ นั้น ทำ ด้วย ตะกั่ว, คน จะ คิด ทำ ปลอม นั้น ง่าย นัก. อัฐ
หลวง ใช้ ๖๔ อัน เปน บาท ๘ อัน เปน เฟื้อง, คน ที่ ทำ อัฐ ปลอม
ทำ ขาย ๑๐๐ อัฐ สาม สลึ้ง เฟื้อง, ราคา ก็ ถูก กว่า อัฐ หลวง มาก.
ถ้า ใน หลวง จับ ได้ ก็ มี โทษ. แต่ อย่าง นั้น ยัง มี ผู้ ลัก ทำ อัฐ ปลอม
ขาย ด้วย เหน ว่า มี กำไร มาก, จึ่ง บังอาจ ทำ อัฐ ปลอม. ข้าพเจ้า
คิด เหน ว่า อัฐ ตะกั่ว ปลอม ก็ ง่าย, ลบ ก็ ง่าย. ถ้า ใน หลวง คิด
ทำ เปน อัฐ เปน พัศ ทอง แดง, ตน จะ คิด ทำ อัฐ ปลอม นั้น ก็ ยาก.
ด้วย ลาย ทอง แดง นั้น ไม่ ซู่ ลบ ได้, ใช้ ได้ ชา นาน, สม กับ ทรง
พระ ปัญญา ที่ คิด ไว้, จะ ได้ เปน เกรียติ ยศ ไป ภาย หน้า. ถึง ผู้
อื่น จะ ยัก ทำ อย่าง อื่น ก็ ยาก, ด้วย เปน ฃอง เจริญ ดี อยู่ แล้ว.
๏ ข้าพเจ้า จึ่ง คิด จะ ถวาย เงิน หลวง, ขึ้น กับ แผ่น ดิน ปีละ
๔๐๐ ชั่ง, ฃอ ทำ อัฐ ทอง แดง มา ให้ ทัน ใช้ แทน อัฐ ตะกั่ว ๑๐
ปี, ราคา อย่าง เดี่ยว กัน กับ อัฐ ตะกั่ว มิ ให้ ฃาด ได้. ท่าน ทั้ง หลาย
ทั้ง ปวง ซึ่ง ได้ อ่าน หนังสือ พิมพ์ ประ กาศ ของ ข้าพเจ้า นี้, เหน ว่า
จะ มี ผล ประโยชน์ ก็ ให้ ตอบ หนังสือ พิมพ์, ประมูล เงิน มา
ให้ ข้าพเจ้า ทราบ ใน คราว หนังสือ พิมพ์ น่า เถิด. ถ้า ไม่มี ผู้ ใด ตอบ
แล้ว, ข้าพเจ้า จะ ทำ เรื่อง ราว ถวาย ใน หลวง ขอ ทำ ตาม ที่
ข้าพเจ้า คิด มา นี้. ไม่ ยอม ให้ ผู้ ใด มา คิด ประมูล ต่อ ภาย หลัง.
๏ หนังสือ ประกาศ มา ณวัน เดือน สิบ ขึ้น สิบ หา ค่ำ ปี ฉลู
สัปตศก. ข้าพเจ้า มิสเอต ซกอด ผู้ เปน ที่ กงสุล เดนมาก.
๏ ความ กงสุล ฝรั่งเศศ อีก
๏ ข้าพเจ้า เปน อัศจรรย ใจ นัก, เพราะ มงเซีย โอบาเรศ ที่ เปน
กงสุล ฝรั่ง เศศ ใน กรุง เทพ, ดู ที่ ได้ ประพฤติ การ ทุจริต ผิด
ใน ขนบ ธรรมเนียน กงสุล ชาติ ยูรบ, เปน การ ที่ เขา ได้ ดู หมิ่น ดู
ถูก เคาเวอเมน เมือง สยาม นัก. ถ้า แม้น การ ที่ ฦๅ กัน นั้น เปน
ความ จริง โดย มาก, ก็ จำ เปน เข้า ใจ ว่า, กงสุล ฝรั่ง เศศ
นั้น, ได้ กระทำ ความ ผิด ใหญ่ จริง, ดู เหมือน จะ หา เหตุ แก้
ตัว มิ ได้. ข่าว นี้ ได้ มา แต่ ปาก หลาย จำ พวก, เหน ว่า คง จะ
ปรากด ออก ความ จริง มาก. ถ้า ข้อ ใด ไม่ ถูก คง จะ มี แต่ น้อย.
๏ ความ เดิม นั้น ว่า, มี บาทหลวง ที่ เปน ประทาน คน หนึ่ง,
ชื่อ ยอน มาติน ได้ เปน ใหญ่ ใน สาสนา สำรับ บ้าน นั้น. มิ ได้
ชอบ กัน กับ พระยา วิเสศ บ้าน ยวน นั้น. ฝ่าย กงสุล ฝรั่งเศศ
มี ความ ปราถนา จะ ใคร่ ให้ ถอด พระยาวิเสศ ออก เสีย จาก ที่, จะ
ให้ ตั้ง มงเซียละมาชิ ที่ เปน นาย ทหาร หลวง, ให้ ได้ ที่ พระยา
วิเสศ ด้วย. จึง มี หนังสือ ฝาก ไป ถวาย เปน ใจ ความ ว่า, ซึ่ง
พระยา วิเสศ นั้น เปน คน ไม่ ดี, ได้ เปน เสี้ยน หนาม ใน สาสนา
บาทหลวง นัก, หา ควร จะ ให้ คง อยู่ ใน ที่ พระยา วิเสศ ไม่. ฃอ
ให้ ตั้ง มงเซียละมาชิ ขึ้น แทน พระยา วิเสศ, เพราะ เหน ว่า มง
เซียละมาชิ นี้ มี ความ ชอบ ใน ราชการ มาก, แล พวก บาทหลวง
ก็ เหน ว่า เปน คน ดี ด้วย. ถ้า ได้ โปรด ตั้ง มงเซียละมาชิ ขึ้น
แทน ที่ พระยา วิเสศ แล้ว, เอ๊มปีรอร์ เจ้า เมือง ฝรั่งเศศ ก็ จะ ดี
พระไทย มาก. ด้วย ข้าพเจ้า ปราถนา จะ ให้ ตั้ง เสีย ก่อน เมื่อ
ข้าพเจ้า จะ ทูล ลา ไป ยัง เมือง ปาริศ.
๏ ครั้น อยู่ มา. ถึง ณวัน เสา เดือน สิบ ขึ้น ห้า ค่ำ, มิศ
เตอ มาติน กับ พระยา วิเสศ เปน ความ กัน, ที่ ศาล ต่าง ประเทษ,
มี ความทุ่ม เถียง เสียง ดัง ขึ้น ใน ท่า กลาง กระลาการ, แล
ชาติไทย ยูรบ ก็ ได้ ยิน เปน หลาย คน. อยู่ มา วัน หนึ่ง มิศเตอ
มาติน ได้ กล่าว โทษ ท่าน พระยาวิเสศ แก่ กงสุลฝรั่งเสศว่า, พระ
ยาวิเสศ ได้ ด่า มิศเตอ มาติน ต่อ หน้าคน ทั้งปวง, ว่า เปน คน พูด
หา ความ จริง มิได้, หา ควร ที่ คน ทั้งปวง จะ วาง ใจ ไม่. ฝ่าย
พระยาวิเสศ แก้ ตัว ว่า, มิศเตอมาติน ได้ ด่า ข้าพ เจ้า ก่อน, ว่า
เปน คน โกหก ชั่ว ถอ่ย ไม่ ควร จะนับ ถือ ต่อ ไป. นิแล เปน ใจ ความ
ที่ ด่า กัน นั้น. ความ ฦๅ กัน ว่า พระยา วิเสศ นั้น มี พญาณ หลาย คน
หลาย ชาติ ว่า, คำ ที่ แก้ ตัว นั้น เปน คำ จริง.
๏ ฝ่าย กง สุล ฝรั่งเสศ, รับ คำ มิศเตอ มาติน ฟ้อง, ก็ มีใจ
เชื่อ หาได้ สืบ พยาน ให้ ถ่องแท้ ตาม กฎหมาย ไม่. จึ่ง เขียน
หนังสือ ให้มง เซียละมาซิ ถือ เข้าไป กราบ ทูล ถวาย ใน พระบาท
สมเดจ พระจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว, เมื่อ ณวันจัน เดือนสิบ ขึ้น เจต
ค่ำ เพลา แปดทุ่ม. เขาถือ หนังสือ ตรง เข้าไป ยัง ที่ เฝ้า นั้น,
ก็ผิด ธรรมเนียมนัก.ควรจะไป เรียน กับท่าน ผู้ใหญ่ ที่ ว่า การ ฝ่าย
ต่าง ประเทศ ให้ ท่าน ทราบ ก่อน, จึ่ง จะ ควร. ใจ ความ ใน หนังสือ
กงสุน ฝรั่งเสศ ที่ ได้ทูล เกล้า ถวาย นั้น ว่า, พระยา วิเสศ ได้ ด่า
ผู้ เปน ประทาน ใน สาศนา บาดหลวง, ที่ ท่า กลาง สาล ต่าง
ประเทศ, เปน คน ชั่ว ร้าย นัก, หา ควร จะ ตั้ง ให้ เปน พระยา ต่อ
ไปไม่, เหน ควร จะ ถอด เสีย จาก ที่ ที เดียว. ถ้าใน หลวง จะ เอา
ไว้ ให้ยั่ง ยืน ใน ตำแหน่ง นั้น, กงสุน ฝรั่งเสศ ควร ที่ จะ เข้าใจ
ว่า, เปน การ ที่ พระเจ้า กรุง สยาม นี้, ดูหมิ่น ดูถูก ใน สาศนา บาด
หลวง ทั้ง เคาเวอเมนต์ฝรั่งเสศ ด้วย, เพราะ ว่า จะ เปน การ หักทำ
ลาย ใน ทาง พระ ราช ไมตรี.
๏ หนังสือ นั้น มงเซียละมาซิ, ถือ เข้า ไป ใน เพลา คืน วัน
นั้น. ใน หลวง ไม่ สบาย พระไทย, มิ ได้ เสด็จ ออก หลาย เวลา,
แล้ว, แต่ใน เวลา คืน วัน นั้น ค่อย สบาย พระไทย, จึ่ง นิมนต์
พระ สงฆ์ มา ถวาย ธรรม เทศนา. ใน ขณะ นั้น มงเซียละมาซิ
ถือ ตัว ว่า เปน นาย ทหารใหญ่, มิ ได้อาไศรย แก่ใคร. จึ่ง แซรก
เอา หนังสือ เข้าไป ตรง น่า พระ ธินั่ง. ที่ ทำ ดัง นั้น ก็ ผิด ขนบ
ธรรมเนียม เมือง สยาม, ดว้ย หา เคย มี มา ดังนั้น ไม่. ครั้น ทอด
พระเนตร เหน ดัง นั้น ก็ ตก พระไทย. จึ่ง ตรัส ถาม ว่า, เหตุ ไร
เจ้า จึ่ง เข้า มา เมื่อ เวลา ดึก ผิด ขนบ ธรรมเนียม เช่น นี้ เล่า. ฝ่าย
มงเซียละมาซิ จึ่ง ทูล ตอบ ว่า, ท่าน กงสุลฝรั่งเสศ ใช้ ให้ ข้าพเจ้า
ถือ เอา หนังสือ นี้ มา ทูล เกล้า ทูล กระมอ่ม ถวาย, เปน การ ร้อน
นัก. ดว้ย มี ความ ปราถนา ที่ จะ ให้ ทอด พระเนตร ดู ใน เวลา
เดี๋ยว นี้.
๏ ข้าพเจ้า ผู้ เขียน หนังสือ นี้ พิเคราะห์ดู เหน ว่า, หา ควร
ที่ จะ โปรด ให้ มงเซียะละมาซิ, กราบ ทูล ได้ ต่อ ไป อีก สัก คำ
เดียว. ควร ที่ จะ คับ ไล่ เสีย จาก ที่ เฝ้า ใน ทัน ใด นั้น. เพราะ
มงเซียละ มาซี ไม่ใช่ เปน กงสุล ฝรั่งเศศ, แล มิ ได้ ที่ ตั้ง ให้ เปน
ผู้ ช่วย. เขา ถือ หนังสือ เข้า ไป ผิด. หา ได้ ไป หา ท่าน ผู้ สำ
เร็จ ราช การ ตาม ขนบ ธรรมเนียม เมือง สยาม ไม่, แล ได้ ผิด
อย่าง ประเทศ ยูรบ, ด้วย หา มี กระษัตริย ใน ประเทศ ยูรบ ยอม
ให้ คน ถือ หนังสือ เข้ามา อย่างนี้ ไม่. ถ้า ได้ โปรด ให้ เขา มา ได้
ดัง นี้ แล้ว, น่า กลัว ว่า ไป เบื้อง น่า หน่อย หนึ่ง จะ เกิด มี อันตราย
ต่าง ๆ นัก.
๏ เปน ฅวาม อัศจรรย์ นัก ที่ ในหลวง ได้ ยอม ให้ มง เซียละ
มาซิ เข้าไป ดั่ง นี้. เมื่อ ได้ ทรง ทราบ แล้ว ว่า เปน การ ร้อน, จึ่ง
ทรง อ่าน ก็ เข้า พระไทย. จึ่ง มี รับ สั่ง ให้ สืบ พยาน, พิจารณา
สอบ สวน ด้วย คำ ตาม ความ นั้น. แต่ มงเซียละมาซิ มี ใจ ร้อน
รน นัก, ออกเสียง ดัง ขึ้น ใน ถ้ำ กลาง สงฆ์ แล ข้า ราชการ ที่
คอย เฝ้า อยู่ นั้น ว่า, ไม่ ต้อง การ เลย ที่ จะ พิจารณา ความ นี้ ต่อ ไป.
ข้าพเจ้า ได้ยิน คำ พระยาวิเศศ ด่า มิศเตอ มาติน เอง, ให้ เฆี่ยน
เขา เสีย ที เดียว เถิด, กงสุล ฝรั่ง เศศ ก็ เหน เขา มี ความผิด ใหญ่
จริง.
๏ ข่าว ฤา ว่า, ใน หลวง ตรัส ถาม มงเซียละมาซิ ว่า, เจ้า เปน
ผู้ใด เล่า, เปน แต่ คน ที่ ได้ รับ เบี้ยหวัด ในหลวง. ไม่ ใช่ คน ที่
ได้ ปฤกษา ข้อ ราชการ ดอก. อย่า แทรก ตัว เข้า มา ทำ เปน ผู้ใหญ่.
แต่ ก่อน เปน แต่ พ่อ ครัว. แล้ว จึ่ง ตรัส ว่า, ไป เสีย เถิด. แต่ ฝ่าย
มงเซียละมาซิ ก็ ยัง หา ไป ไม่, กำลัง พูด เสียง ดัง สำแดง
ซึ่ง ความโทโส อยู่. เปน อัศจรรย์ จริง ที่ ใน หลวง ได้ อด กลั้น พระ
ไทย นัก. จึ่ง ทรง ตรัส แก่ มงเซียละมาซิ ต่อ ไป ว่า, เจ้า หา
ได้ เปน ที่ รอง กงสุล, ฤา ผู้ ที่ ตั้ง ช่วย กงสุล ไม่. การ กงสุล
มี อยู่ ใน หนังสือ กงสุล นั้น หมด, มิ ใช่ ธุระ ของ เจ้า ที่ จะ ว่า กะ
ไร ใน การ นั้น. ใน ความ ที่ กงสุล ฝรั่งเศศ เขียนมา นั้น, เรา
จะ เอา เปน ธุระ เอง, ไม่ ยอม ให้ เจ้า แทรก ความ เข้าว่า เลย. ถึง
กระนั้น มงเซียกะมาซิ ก็ ยัง ไม่ ไป, ยัง กำลัง บ่น พึม พำ อยู่.
เมื่อ ขณะ นั้น ถึง เวลา ที่ ใน หลวง ยัง ทรง ฟัง ธรรมเทศนา อยู่, ก็
ฟัง ไม่ ได้, เพราะ มงเซียละมาชิ ทำ วุ่นวาย ดั่ง นั้น. จะ ทน อีก ไม่
ได้. จึ่ง มี รับสั่ง ให้ ภา ตัว มงเซียลามาชิ ออก ไป ปล่อย เสีย จาก
น่า พระ ที่ นั่ง.
๏ ข้าพเจ้า ผู้ เขียน หนังสือ นี้ เหน เปน ควร การ นัก, หา ควร
ที่ ผู้ ใด จะ ตี เตียน ไม่.
๏ เมื่อ ณวัน อังคาน เดือน สิบ ขึ้น แปด ค่ำ, มง เซียละมาชิ
ก็ ไป เล่า ความ ที่ เกิด เมื่อ คืน วัน นั้น, ให้ กง สุน ฝรังเศศ ฟัง.
กง สุน ฝรัง เศศ ได้ ฟัง แล้ว, ก็ เขี่ยน หนังสือ กราบ ทูล, เปน
ใจ ความ ว่า, การ ที่ คับ มงเซียละมาชิ นั้น เปน การ ผิด ใหญ่.
เรา เหน เปน แน่ ว่า เคาเวอ เมนต์ สยาม, กับ เคาเวอ เมนต์ ฝรังเศศ
เปน สตรู กัน แล้ว. เรา จะ ทูน ลา ไป แล้ว, สัก เดือน ครึ่ง จะ ถึง
เมือง ปาริศ, แล จะ กล่าว ความ นี้ ให้ เอ็ม บีรอร์ เจ้า เมือง ฝรัง
เศศ ทรง ทราป หมด, เรา จะ ไป เมือง ไซ่ง่อน เสีย ก่อน, จะ ได้
กล่าว ความ นี้ ให้ แอด มิรัล ฟัง, แอดมิรัล แม่ ทัพ เรือ ฝาย ฝรัง
เศศ, จะ ได้ เอา เปน ธุระ ดู การ ที่ จะ เกิด ใน กรุง เทพ นี้.
๏ ข้าพเจ้า ผู้ เขียน หนังสือ นี้ เหน ว่า, ถ้า แม้น ความ ที่ ภา
กัน เช่น ว่า มา นี้, เปน ความ จริง โดย มาก แล้ว, กงสุล ฝรังเศศ ไม่
มี ความ สัจ ที่ จะ พึ่ง อาไศรย แก้ ตัว ได้. ถ้า เอ็ม บีรอ เจ้า เมือง
ฝรังเศศ จะ ทรง เหน ด้วย กงสุล, ก็ ควร ที่ จะ เข้า ใจ ว่า, เคาเวอ
เมนต์ ฝรัง เศศ ตก อยู่ ใน ความ อาสัจ อาธรรม แล้ว. “แล การ
พิภากษา เปน ความ สัจ ก็ หัน กลับ ออก ไป เสีย แล้ว, แล ความ
สัจธรรม์ ก็ ยืน อยู่ แต่ ภาย นอก ไกล นัก. ความ จริง ได้ ล้ม ลง
ใน ถนน. แล ความ เที่ยง แท้ ก็ เข้า มา มิ ได้ แล้ว.”
๏ ข้าพเจ้า ได้ ยิน ข่าว ที่ ควร จะ เชื่อ ว่า, ใน หลวง ภอ พระ
ไทย จะ ให้ พวก ยวญ นั้น, จัด เลือก เอา ขุนนาง คน หนึ่ง ใน ภาษา
ของ เขา ตาม ที่ ชอบ ใจ, แล้ว จะ ได้ ตั้ง คน นั้น ขึ้น เปน พระยา
วิเสศ ตาม ชอบ ใจ เขา. แต่ ที่ จะ ตั้ง ผู้ ใด ๆ ที่ มิ ใช่ ชาว เมือง
ไทย ขึ้น เปน พระยา แทน ไม่ ได้ เลย.
๏ แล มี ข่าว ที่ น่า เชื่อ ว่า, มิศเตอ มาติน ที่ เปน ประทาน
นั้น, เปน คน ที่ ได้ เฆี่ยน ผู้ หญิง คน หนึ่ง, ซึ่ง เปน ชาติ ไทย, ตี
เกิน ขนาด นัก. พิจารณา เปน สัจ,จึ่ง ปรับ หมาย มิศเตอ มาติน,เปน
เงิน สิบ ตำลึง. ข่าว ฦๅ ว่า เปน ใจ ดุ นัก.
๏ แล มี ข่าว ฦๅ กัน ว่า, ใน หลวง ประสง จะ ให้ กงสุล ฝรัง
เศศ เข้า ใจ ให้ ถูก ต้องใน ความ นั้น, จึงใช้ หม่อมราโชทัย ไป หา กง
สุล ฝรั่ง เศศ, เพื่อ จะ สำแดง ความ ตาม ที่ ท่าน ได้ เหน ได้ เข้า ใจ,
หมาย ว่า กงสุล จะ เหน ค้วย จะ ได้ คลาย จากความ โทโส. ครั้น
หม่อม ราโชทัย ไป ถึง แล้ว, ก็ สำแดง ความ ได้ น่อย หนึ่ง. กงสุล
ฟัง ก็ ไม่ ชอบ, จึง ลุก ขึ้น จับ เอา ผม หม่อมราโชทัย ได้, แล้ว ลาก
ตัว ออกไป นอก เรือน, แล้ว ก็ ถีบ เอา ว่า, ไป เสีย เถิด. แล้ว กง
สุล หยิบ เอา พาน หมาก ทิง ลง ไป จาก บัน ได.
๏ ฝ่าย ข้าพเจ้า ได้ รู้จัก หม่อม ราโชทัย มา ช้านาน ประมาณ
๓๐ ปีแล้ว,แล ท่านได้เรียน หนังสือ อังกฤษ กับ ข้าพเจ้า ได้สิบ ปี
กว่า,ข้าพเจ้า จึง รู้ ใน น้ำใจ ท่าน เลอียด, ด้วย เปน คน มี อาชาไสย
ที่ จะ หา ใจ ดี เหมือน ก็ เปน อัน ยาก. จึง เข้าใจ ว่า ถ้าผู้ ใด
จะ มี ใจ โกรธ แก่ ท่าน, ผู้นั้น คง จะ เปน คน ผิด โดย แท้.
คำ ตัดสิ์น เล่น ซัน ๆ
๏ เมื่อ ณวัน เดือน เก้า ปี ฉลู สัปตศก, มี จีน พวก หนึ่ง เข้า
ชื่อ กัน หลาย สิบ คน, ทำ เรื่อง ราว กล่าว โทษ จีน เล็ก เจ้า ภาษี่
ฝ้าย ทำ ผิด พิกัด สัญญา เก็บ เงิน ภาษี่ ฝ้าย เกิน อย่าง ธรรม เนียม
ไป. ความ ถึง พระเจ้า แผ่นดิน ทราบ ใตฝ่าลออง ธุลี พระบาทแล้ว
พระ ราชทาน เรื่อง ราว ให้ กรมหลวง วงษา ธิราช สนิท, เปน ตระ
ลาการ ชำระ ให้ ได้ความ จริง โดย ยุติธรรม. ตระลาการ ชำระ
เหน ว่า, เจ้า ภาษี่ ช่อ ราษฎร ผิด พิกัด สัญญา, เก๊บ เงิน เกิน ไป.
ตัดสีน ว่า เจ้า ภาษี่ ผิด, แล้ว ลง พระ อาญา จำ ตาม สม ควร แก่
โทษ. แล้ว ให้ คืน เงิน ให้ แก่ ราษฎร, การ ก็ เปน สำเร็จ แล้ว
แก่ กัน. ลูกค้า ใน ทอ้ง น้ำ ภา กัน สรรเสิญ เปน อัน มาก, ดว้ย
ผู้ ทำ ภาษี่ อากร จะ ตอ้ง ถือ พิกัด สัญญา ตาม ที่ เคาเวอเมนต์ บัญ
ญัติ ไว้, ใจ ความ คือ จะ ไม่ ให้ ช่อ หลวง บัง ราษฎร. ข้อ บัญ
ญัติ นี้ เปน ธรรมดา ของ พระเจ้า แผ่นดิน, และ เคาเวอเมนต์
ทุก ๆ ประเทศ.
๏ เมื่อ ณวัน เดือน เก้า ขึ้น สิบ ห้า ค่ำ ใน หนังสือ บางกอก รี
คอเดอ มี เรื่อง ความ ฟ้อง ราย ช่อ เหล็ก หลวง, บี่ เตดือน เรือน
เงิน ราย ช่อ มี แจ้ง อยู่ ใน เรื่อง ราว นั้น แล้ว. ครั้น มา ณวัน
เดือน เก้า แรม สิบสี่ ค่ำ, มี คำ ตอบ, ก็ หา ได้ แก้ ใน ข้อ ความ ไม่.
มี คำ อ้าง ฯ พณ ฯ ที่ สมุห พระ กลาโหม ตัดสีน ไม่ ให้ ชำระ ยก
ว่า เปน ภาษี มี กำไร.เรา ผู้ พิเคราะห์ หนังสือ เหน ว่า คำ ฟ้อง เขาว่า
ขี้ซ่อ, ตัดสีน ว่า เปน มี กำไร นั้น เหน จะ ไม่ ถูก. ถ้า อย่าง นั้น
ที่ เจ้า ภาษี ฝ้าย ช่อ ไว้ ได้ นั้น ก็ จะ ต้อง ว่า มี กำไร เหมือน กัน, จะ
ต้อง คืน เงิน ให้ ราษฎร ทำไม. ความ สอง เรื่อง นี้ ตัดสิน หา ถูก
กัน ไม่. ข้าง หนึ่ง ขึ้น ข้าง หนึ่ง ลง. เรา พิเคราะห์ ดู เหน จะ เปน
คน ที่ อยาก ได้ เงิน ที่ ช่อ ไว้, แก้ เขา ไม่ ได้ แล้ว, ขโมย เอา ชื่อ
ฯ พณ ฯ มา อ้าง จะ ได้ พ้น ชำระ ไป. ด้วย ใน หนังสือ นั้น หา
มี ชื่อ เจ้า ของ ไม่. แล้ว ข้าพเจ้า ได้ ความ ว่า จีน อยู่ เจ้าภาษี เหล็ก
ก้อน ทำ ภาษี เงิน หลวง ห้า ร้อย ชั่ง เศษ, ได้ ยื่น ฟ้อง ขาด ลง มา
เหลือ เงิน ๔๐ ชั่ง. คิด เข้า ฟ้อง ขาด มาก กว่า ๑๒ เท่า, ตั้ง แต่
ข้าพเจ้า มา อยู่ ใน กรุง สยาม นี้ ๙ ปี, ไม่ เคย ได้ ยิน ว่า เจ้า
ภาษี คน ไร ฟ้อง ขาด ถึง อย่าง นี้, ท่าน ที่ เคย เข้า มา อยู่ ก่อน แล
คน เมือง นี้ เคย ทราบ อย่าง นี้ บ้าง ฤๅ ไม่. ข้าพเจ้า อยาก จะ ใคร่
รู้, พิเคราะห์ ดู ชื่อ จีน อยู่ เปน ผู้ ฟ้อง ขาด, จะ เปน จีน อยู่ ทิ ใน
เรื่อง ราว หลวง พิไชยวารี, ที่ หลวง พิไชยวารี ฟ้อง หา ว่า เปน คน
ออก เหล็ก คบ คิด กัน ช่อ หลวง, จะ เปน จีน อยู่ คน นั้น ฤๅ ไม่
ใช่. ถ้า ข้าพเจ้า รู้ ว่า ใช่ ฤๅ ไม่ ใช่, สืบ ได้ ความ แล้ว, จะ ได้ ตัด
สีน ให้ ฟัง ใน คราว หลัง. ดว้ย หนังสือ พิมพ์ นี้ ได้ อุประมา ว่า,
เหมือน กล้อง ส่อง, ของ ไกล แล เหน ใก้ล, มี กล้อง แล้ว จำ จะ
ต้อง ส่อง จึ่ง จะ ชอบ.
๏ ความ สอง เรื่อง นี้, ฟ้อง หา ว่า ฉ้อ เหมือน กัน แต่ แปลก,
ข้าง หนึ่ง ฉ้อ หลวง ข้าง หนึ่ง ฉ้อ ราษฎร, กับ เรือน เงิน ผิด กัน
กว่า ๔๐ เท่า. ฤๅ โทษ จะ หา เขา ไม่ จริง, ก็ ควร จะ มี โทษ,
ข้าพเจ้า ผู้ พิเคราะห์ จึ่ง เหน ว่า เปน ความ ตัด สิน ซัน ๆ.
ข่าว มา แต่ เมือง จีน
๏ ปี นี้ อากาศ ร้อน กล้า นัก, ที่ เมือง ฮองกง คน เปน ไข้
ตาย มาก. พวก ทหาร อังกฤษ ที่ เมือง ฮองกง ก็ ตาย มาก. อนึ่ง
เคาเวอเมนต์ อังกฤษ ที่ เมือง ฮองกง, จับ ได้ อ้าย สลัด ผู้ ร้าย ห้า
คน, เปน ชาติ ยุรบ ทั้ง นั้น, แต่ คน หนึ่ง เปน ชาว มะกาว, สาม
คน เปน โปตุเก็ต, คน หนึ่ง เปน ชาว เมือง ซะเปน, ได้ พิจารณา
เปน สัจ แล้ว, จะ ลง โทษ ผูก คอ แขวน ให้ ตาย ทั้ง ห้า คน.
๏ อนึ่ง เซอฮารีพาคค์ ได้ ไป ถึง เมือง ญี่ปุ่น แล้ว, แล ได้ ให้
เปน ข้าหลวงใหญ่ กำกับ พวก อังกฤษ ที่ เมือง นั้น.
๏ อนึ่ง ที่ เมือง เซี่ยงไฮ้ ฝน ตก มาก เกิน ประมาณ, เจ้า
เมื้อง เซี่ยงไฮ้ กลัว ว่า, จะ เปน อันตราย แก่ สินค้า ต่าง ๆ. จึ่ง
สั่ง ราษฎร ไม่ ให้ กิน เนื้อ สัตว์ ต่าง ๆ, ได้ หน่อย หนึ่ง เพื่อ ประ
สงค์ จะ ให้ ฝน เหือด ลง. แต่ เรา ไม่ เหน ฝน นั้น เหือด เลย,
ยัง ตก ชุก อยู่ เสมอ อยู่ เปน นิจ.
๏ อนึ่ง มี ข่าว ฦา กัน ที่ ใน เมื้อง จีน ว่า, ภู เขา ไทซัน ที่
เปน ห้า ยอด, ซึ่ง พวก จีน นับ ถือ ว่า เปน เขา สวรรค์ เขา เหล่า
นั้น ได้ ทำลาย เสีย ยอด หนึ่ง ด้วย แผน ดิน ไหว, มาก คน ตาย
กว่า พัน หนึ่ง.
๏ อนึ่ง มี ข่าว มา ใหม่ ว่า, ความ ศึก ใน เมื้อง จีน ดู ที่ จะ ได้ ดี
ฝ่าย เมื้อง หลวง ขึ้น, แต่ ฝ่าย กระบถ นั้น ยอม แพ้ เขา หลาย ครั้ง.
เมือง เพชร์บุรี
๏ อนึ่ง มี ข่าว มา แต่ เมือง เพชร์บุรี ณวัน พฤหัสบดี ขึ้น สิบ
ค่ำ ว่า, คน ทั้งปวง กลัว ฝน จะ ไม่ ภอ กัน กับ การ ทำ นา. น้ำ
ใน แม่ น้ำ นั้น ยัง น้อย หา ได้ ท่วม ไม่. เมื่อ ณวัน พุท ขึ้น เก้า
ค่ำ, ฝน ได้ ตก บ้าง, ราษฎร ทั้งหลาย จึ่ง ดี ใจ นัก. แต่ เมื่อ
เหน ไม่ ตก ใน วัน พฤหัสบดี ก็ กลับ เสีย ใจ อีก. แล ข่าว ว่า,
คน ทั้งปวง กำลัง อุษาห์ ทำบุญ, แล สวดมนตร์ เพื่อ ประสงค์ จะ
ให้ ฝน มา บริบูรณ.
๏ อนึ่ง มี ขุนนาง คน หนึ่ง ที่ เมือง เพชร์บุรี, ได้ ตาย ใน
เร็ว นี้, เพราะ สุนักข์ บ้า กัด. ๆ ได้ สามสิบ หก วัน เมื่อ ก่อน
ตาย, ความ ตาย นั้น เปน น่า กลัว นัก.
ราคา สินค้า ที่ เมือง จีน
๏ ณวัน เสาร์ เดือน เก้า ขึ้น หก ค่ำ ปี ฉลู สัปตศก ใบ ชา ที่
เมือง เซี่ยงไฮ้ เปน ใบ ชา ดำ, ใบ ชา ที่ เก็บ ครั้ง ก่อน เปน ชา
อย่าง กลาง, หาบ ละ ๒๒ เตล์ ๆ หนึ่ง คิด เปน เงิน เหรียน ได้
เหรียน หนึ่ง กับ ๒๕ เซ็น. ใบ ชา ดำ อย่าง ดี, หาบ ละ ๒๗ เตล์
กับ ๓๒ เตล์. อย่าง ดี ที่ สุด, เปน ๓๒ เตล์ กับ ๓๗ เตล์. ใบ
ชา สี เขียว, หีบ ละ ๑๗ เตล์ แล ๑๙ เตล์ ครึ่ง. ใบ ชา ที่ โยโกฮัม
มา แต่ แขวง เมือง ยี่ปุ่น, ใบ ชา เลว หาบ ละ ๑๖ เหรียน แล ๑๘
เหรียน. ชา อย่าง กลาง ๒๐ เหรียน แล ๒๓ เหรียน, อย่าง ดี
๒๔ เหรียน ๕๐ เซ็น แล ๒๗ เหรียน.
๏ แพร ที่ เมือง เซี่ยงไฮ้, อย่าง ที่ เรียก ว่า ทรัตลี ที่ หนึ่ง
หาบ ละ ๔๓๐ เตล์. ที่ สอง ๕๑๐ เตล์. ที่ สาม ๔๙๕ เตล์
แล ๔๙๕ เตล์. ที่ สี่ ๔๗๕ แล ๔๙๕ เตล์. ที่ ห้า ๔๖๕
แล ๔๕๕ เตล์. ที่ หก ๔๓๕ แล ๔๖๐ เตล์. อย่าง ที่ เรียก
ว่า, เตเชเชม ที่ หนึ่ง ๔๕๐ แล ๔๖๐ เตล์. ที่ สอง ๔๒๕
แล ๔๔๐ เตล์. ที่ สาม ๔๔๐ แล ๔๕๐ เตล์. ที่ สี่ ๓๖๐
แล ๓๙๐ เตล์.
๏ อย่าง ที่ เรียก ว่า ยุเวลฟา, ที่ หนึ่ง หาบ ละ ๔๖๐ แล
๔๗๐. ที่ สอง ๔๔๐ แล ๔๕๐. ที่ สาม ๔๒๐ แล ๔๓๐. ที่
สี่ ๓๗๐ แล ๔๑๐.
๏ อย่าง ที่ เรียก ว่า. ฮาย นิน ๓๗๐. แล ๔๕๐
๏ อย่าง ที่ เรียก ว่า. ซิว ซิง ๔๓๐ กับ ๔๖๐
๏ อย่าง ที่ เรียก ว่า. ฮัง เจา ๓๙๐ แล ๔๑๐
๏ อย่าง ที่ เรียก ว่า. ลี่ยง ๓๕๐ แล ๓๗๐
๏ แพร เมือง โยโกฮัมมา. มี หลาย อย่าง, ราคา หาบ
ละ ๖๕๐ เหรียญ บ้าง. ๖๗๐ บ้าง. ๕๗๐ บ้าง. ๕๔๐
บ้าง. ๕๓๐ บ้าง. ๕๑๐ บ้าง,
๏ ราคา ฝิ่น ที่ เมือง ฮ่องกง. อย่าง ที่ เรียก ว่า, ปั้ดนา
หีบ ละ ๔๓๗ เหรียญ ครึ่ง.
๏ อย่าง ที่ เรียก บินา เร็ดใหม่. ๔๒๗ เหรียญ ครึ่ง.
๏ อย่าง ที่ เรียก ว่า, มลวา. ๗๒๐ เหรียญ,
๏ อย่าง ที่ เรียก ว่า. เตอเก ๓๙๐ เหรียญ,
๏ อย่าง ที่ เรียก ว่า. เปอเชียน ๔๓๐ เหรียญ,
๏ ฝ้าย ที่ เมือง ฮ่องกง. ที่ มา แต่ เมือง บังกลา, ราคา
เบล์ ๒๖ เหรียญ ครึ่ง. แล ๒๗ เหรียญ ครึ่ง, ฝ้าย เมือง
จีน ๒๙ เหรียญ. แล ๓๒ เหรียญ ครึ่ง.
๏ ที่ เมือง นิงโป. ฝ้าย ราคา. เบล์ ๒๘ เหรียญ. เบล์
นั้น, คิด เปน น้ำ หนัก ๑๒๐ ชั่ง.
๏ ฝ้าย ที่ เมือง เซี่ยงไฮ้. ขาย ราคา หาบ ละ ๑๕ เตล์. รา
คา เหน ที่ จะ ขึ้น. ยัง อิก สัก สอง เดือน. ฝ้าย ใหม่ คง จะ มิ
๏ พริก ไทย ขาว. ที่ เมือง ฮ่องกง ขาย หาบ ละ ๑๑
เหรียญ. พริก ไทย ดำ ๖ เหรียญ ๓๕ เซ็น. และ ๖
เหรียญ ๔๕ เซ็น. หมาก แห้ง. หาบ ๓ เหรียญ ๗๐ เซ็น
ฝาง สยาม. หาบ ละ ๒ เหรียญ ๒๐ เซ็น แล ๒ เหรียญ ๔๐
เซ็น. เปลือก โป ลง. หาบละ ๘๐ เซ็น.
ว่าด้วยเหตุไฟไหม้
๏ เมื่อ ณวันอังคาน เดือน สิบ ขึ้น แปด ค่ำ, เพลา ปรมาณ
สอง ยาม เสศ, บัง เกิด ไฟ ไหม้ ที่ แขวง วัด ระฆัง. เมือ
ขณะ ไฟ ไหม้ นั้น, เจ้า ของ เรือน หา อยู่ไม่. ไฟ นั้น ไหม้ จาก
เตา ไฟ เปน ไฟ หุง เข้า, เพราะ เจ้า ของ เรือน หา ระวัง ไม่. เหตุ
ดัง นั้น อำเพอ เขา ได้ เกาะ เอา ตัว เจ้า ของ เรือน ไปใน เพลา กลาง
คืน นั้น เอ็ง. แล เจ้า ของ เรือน นั้น ได้ เสีย เงิน หก บาตร์.
เขา จึ่ง ปล่อยให้ มา บ้าน.
๏ ปืนใหญ่ ๚ะ
๏ มี ปืน ใหญ่ อย่าง หนึ่ง, เขา ได้ ทำ ที่ เมือง ปีศเบอก แขวง
เมือง อเมริก, เขา พึ่ง จะ สร้าง ขึ้นใหม่ เส็จ แล้ว. แล เขา ได้
ลอง ดู แล้ว, เหนว่า ดี กว่า ที่ เคย มี มา แต่ ก่อน มาก นัก. ปืน
ใหญ่ นั้น ปาก บอก กว้าง ศอก หนึ่ง กับ กึ่ง นิ้ว, แต่ ลูก นั้น น้ำ
หนัก ๘ หาบ เสศ ยิง ส่ง ลูก ออก ไกล แรง นัก. ถ้า แม้น ถูก ป้อม
หิน, ฤา สิ่งใด ที่ ก่อ สร้าง ไว้ มั่น คง แน่น หนา แล้ว, ก็ มิ อาจ
ทาน กำลัง นั้นได้. ปืน นั้น เขา เรียก ชื่อ ว่า บีเวลซิบับ, แปล
ว่า ปีสาจใหญ่.
ผู้ ที่ จะ มา ชัก รูป
๏ อนึ่ง เมื่อ เรือ กลไฟ เจ้า พยา จะ กลับ มา ถึง อิก, จะ มี
ชาว ประเทษ ยูโรบ คน หนึ่ง, ที่ เปน คน ช่าง ชัก รูป, ชื่อ มิศเตอ
ทอมซัน, หมาย ว่า จะ มา ด้วย ครั้ง นั้น, เพื่อ ประสงค์ จะ ได้ ชัก
รูป ต่าง ๆ ใน กรุงเทพ ฯ, ด้วย จะ เอาไป สำแดง ที่ ประเทษ
ยูโรป. เขา จะ อยู่ ใน กรุง เทพ ฯ สัก สาม ควบ อาทิตย์ แล้ว จะ
กลับ ไป. เขา จะ อาไศย อยู่ ที่ กบี ตันเอมศ์ นาย กองเตวน.
จด หมาย เหตุ อังกฤษ ฝ่าย ขบถ อเมริกา
๏ หนังสือ จด หมาย เหตุ ที่ เมือง ลอนดอน, มี ชื่อ ว่า มอนิง เฮ
รัลด์, ซึ่ง ได้ สำแดง ใน น้ำ ใจ คน ทั้งปวง ที่ เปน ใหญ่ ใน เมือง
อังกฤษ นั้น, ได้ กล่าว ความ ไว้ ว่า, พวกเรา ได้ ว่า มา แต่ เดิม ว่า,
พวก ขบถ ฝ่าย ใต้ ที่ เมือง อเมริกา นั้น, เขา ได้ รบ ทัพ ฝ่าย เหนือ
นั้น เพราะ พวก เรา ด้วย. แล บัดนี้ เมื่อ เขา แพ้ แก่ ทัพ ฝ่าย
เหนือ แล้ว นั้น, ก็ เหมือน พวก เรา เสีย ทัพ แก่ ฝ่าย เหนือ
เหมือน กัน. เหตุ นี้ คง จะ เกิด ความ อันตราย, แก่ เคาเวอเม็นต์
อังกฤษ ใน พวก เรา ที่ มิได้ เปน รีปับลิก มาก.
๏ ที่ ว่า มา นี้ เปน ใจ ความ แห่ง จดหมาย เหตุ ทั้งปวง ใน
เมือง อังกฤษ, ที่ แต่ ก่อน ไม่ ชอบ ด้วย เคาเวอเม็นต์ รีปับลิก.
แต่ จำ พวก อังกฤษ เหล่า นั้น, ได้ ตก อยู่ ใน ความ ปราไชย แล้ว
เพราะ เมือง อเมริกา ได้ ไชย ชะนะ ใหญ่ นั้น. แต่ บัดนี้ จะ คิด แก้
ตัว ก็ มิ ได้ ด้วย พ้น เวลา เสีย แล้ว. ตั้ง แต่ นี้ ไป เมือง อังกฤษ
จำ เปน ต้อง เปลี่ยน ตัว ต่ำ ลง มา เปน ที่ สอง, จะ ได้ เปน เมือง
เอก แท้ ต่อ ไป อีก มิ ได้ แล้ว. ถ้า เมือง อังกฤษ ได้ สำแดง ความ
รักษ สนิท กัน กับ เมือง อเมริกา เปน แท้, ครั้น พวก ขบถ เมื่อ กำ
ลัง ได้ รบ กับ ทับ ฝ่าย เหนือ อยู่, เพื่อ ประสงค์ จะ ทำลาย เมือง
อเมริกา นั้น, ก็ คง ได้ เอาเนื้อ เอาใจ ชาว อเมริกา, รวบ รัก
เข้า เปน ใจ อัน เดียว กัน ทั้ง สิ้น, จะ ได้ เปน ไมตรี มิ รู้ ขาด จาก
กัน เลย.
๏ อนึ่ง แต่ เดิม การ ขบถ นั้น เมือง อเมริกา, จะ ได้ มี ความ
ปราถนา ให้ เมือง อังกฤษ ช่วย ให้ ปราบ ปราม พวก ขบถ ก็ หา มิได้,
ปราถนา แต่ ที่ จะ ไม่ ให้ ช่วย พวก ขบถ ด้วย เครื่อง ศาตรา วุธ แล
เรือ สลัด ต่าง ๆ, ซึ่ง ยอม ให้ ออก จาก เมือง อังกฤษ, ไป ทำลาย
เรือ ค้า ขาย เมือง อเมริกา, เปน ความ ฉิบหาย แก่ การ ค้า ขาย นั้น
นัก. เมือง อังกฤษ มี อำ นาท ที่ จะ ห้าม ปราม ได้, แต่ ไม่ ได้ ห้าม
กว่า ได้ เหน เปน แน่ ว่า, ฝ่าย ขบถ นั้น จะ ต้อง แพ้ แก่ เมือง ฝ่าย
เหนือ เปน แท้, จึง กลับ เหน ว่า ควร ที่ จะ มี หมาย ประกาศ ห้าม,
อย่า ให้ มี เรือ อังกฤษ, แต่ง เปน เรือ สลัด, ออก ไป ทำลาย เรือ อเม
ริกา อีก เลย. แต่ การที่ เมือง อังกฤษ ทำ เช่นนี้, ก็ ไม่ทัน ที่ จะ แก้
ความ ผิด ของ ตัว ได้. จึง เกิด โทษ แก่ เมือง อังกฤษ เอง ไม่ ต้อง
ยก กอง ทับ ไป ตี. ความ แช่ง ของ เขา กลับ มา อาไศรย อยู่ ใน ใจ
อังกฤษ, ที่ เข้า ด้วย พวก ขบถ นั้น เอง. การ ทั้งปวง ของ เขา ก็
หัก ล้ม เสีย ไป เปน อัน มาก แล้ว, ก็ คง จะ เกิด ความ อัปยศ
แก่ เขา ต่าง ๆ ต่อ ไป อีก ช้า นาน.
เหตุ เมือง อังกริษ เปน นี่ เขา
๏ เมื่อ คฤศ ศักราช ๑๘๕๙ ปี, ณเมือง อังกฤษ เปน หนี้ เขา ถึง
แปดร้อย ห้าล้าน เจ๊ดหมื่น แปด พัน ห้า ร้อย ห้าสิบ สี่ ปอน ซเตอลิง,
คิด เปน เงิน เหรียน ได้ สี่พัน ห้า ล้าน สาม แสน เก้า หมื่น สอง พัน
เจ็ด ร้อย เจ๊ดสิบ เหรียน. อนึ่ง เมือง อเมริกา ณวัน พุทธ์ เดือน
เจ๊ด ขึ้น เจ็ด ค่ำ ปี ฉลู สัปตศก, มิศเตอ แมกคัลลก ผู้ ว่า ที่ คลัง
หลวง แห่ง เมือง ยูไนเตดซเตษ บอก บาญชี ว่า, ใน วัน นั้น เมือง
ยูไนเตดซเตษ นั้น, เปน หนี้ แก่ พวก ราษฎร สอง พัน หก ร้อย สาม
สิบห้า ล้าน สอง แสน ห้า พัน เจ็ด ร้อย ห้าสิบสาม เหรียน, ต้อง
เสีย เงิน ค่า ดอกเบี้ย ปี ละร้อย ยี่สิบสี่ ล้าน หกแสน สามหมื่น แปด
พัน แปดร้อย เจ๊ดสิบสี่ เหรียน. แล นอก นั้น มี ตั๋ว กะดาษ ใช้
ต่าง เงิน ได้ หก ร้อยห้า สิบ เก้า ล้าน แสน กับ หก หมื่น หก ร้อย ห้า
สิบเก้า เหรียน. ตั๋ว เงิน นี้ เมือง ยูไนเตดซเตษ ต้อง เสีย ดอก
เบี้ย ให้ แก่ ราษฎร ทุก ๆ คน ที่ ได้ เอา เงิน เขา ไป ใช้, จึง เข้าใจ
ว่า เมือง ยูไนเตดซเตษ เปน หนี้ ราษฎร, ประมาณ ๓๐๐๐ เหรียน.
ก็ น้อย กว่า เงิน ที่ อังกฤษ เปน ลูก หนี้ เขา, ประมาณ ๑๐๐๐ ล้าน
เหรียน. ความ ที่ เมือง ยูไนเตดซเตษ เปน หนี้ เขา นั้น, ก็ เกิด
ขึ้น ใน สี่ ปี ห้า ปี, เพราะ เกิด การ ศึก ปราบ ปราม พวก ขบถ ใน
เมือง ฝ่าย ใต้ นั้น. [4em ] ๚ะ
๏ ฝ่าย เมือง อังกฤษ ที่ เปน หนี้ เขา นั้น, ก็ เกิด ทวี ขึ้น ใน
สอง ร้อย ปี, เมื่อ คฤศ ศักราช ๑๗๒๐ ปี, ใน ปี นั้น อังกฤษ เปน
หนี้ เขา หกสิบสาม ล้าน แปดแสน สามหมื่น หก พัน สองร้อย ยี่สิบห้า
เหรียน. ครั้น ล่วง มา สี่ ปี ถึง คฤศ ศักราช ๑๗๒๔ ปี, ความ
ที่ เปน นี่ เขา นั้น, ก็ ถึง ร้อย แปด สิบ ล้าน แปด แสน เจ๊ด หมื่น เจ๊ด
พัน แปด ร้อย เหรียน เมื่อ ล่วง มา อีก สาม ปี คฤษ ศักราช ได้
๑๗๒๗ ปี, ความ ที่ เปน นี่ เขา ขึ้น ถึง สอง ร้อย หก สิบ สอง ล้าน
หก แสน หมื่น เก้า พัน สิบ ห้า เหรียน. ครั้น ล่วง มา อีก สาม
สิบ สาม ปี, ก็ ขึ้น ถึง ห้า ร้อย สิบ สี่ ล้าน เก้า แสน สอง หมื่น เก้า
สิบ เหรียญ.
๏ ถัด มา ได้ หก สิบ ปี, เมื่อ คฤษ ศักราช ได้ ๑๘๒๐ ปี,
ก็ ถึง สี่ พัน ร้อย เจ๊ด สิบ สี่ ล้าน ห้า แสน ห้า พัน สาม ร้อย เหรียน.
ใน ระหว่าง หก สิบ ปี นั้น, เมือง อังกฤษ ได้ ทำ ศึก สงคราม ต่อ
เมือง อเมริกา สอง ครั้ง, แพ้ ฆ่า ศึก อเมริกา ทั้ง สอง ครั้ง, เสีย
ทรัพย์ พัศดุ เงิน ทอง เสีย เปล่า ๆ มาก นัก. ครั้น ถึง ศักราช
๑๘๓๐ ปี ความ ที่ เปน นี่ เขา นั้น, ก็ น้อย ลง ถึง สาม พัน เก้า
ร้อย ยี่ สิบ สี่ หมื่น เก้า พัน เก้า ร้อย แปด สิบ ห้า เหรียน. ครั้น ถึง
ศักราช ๑๘๓๗ ก็ เปน นี่ สาม พัน แปด ร้อย สาม สิบ เจ๊ด ล้าน หก
แสน สี่ หมื่น ห้า พัน สี่ ร้อย ยี่ สิบ เหรียน. แล ใน ศักราช ๑๘๕๙
ก็ เปน นี่ สี่พัน ยี่สิบ ห้า ล้าน เก้า แสน เก้า หมื่น สอง พัน เจ๊ด ร้อย เจ๊ด
สิบ เหรียน. แล เมือง อังกฤษ ต้อง เสีย ดอก เบี้ย เงิน ที่ เปน นี่ เขา
นั้น, ร้อย สี่ สิบ เบ็ด ล้าน สอง หมื่น เก้า ร้อย หก สิบ เหรียน. ๚ะ
คัด ออก จาก สยาม ไตม์.
กำปั่น เข้า กรุง เทพ ฯ | |||||
เข้ามา เมื่อไร | กำปั่น ชื่อไร | กับปิตัน ชื่อไร | กี่ ตอน | เรือ ร อะไร | มา แต่ ไหน |
เดือน ๑๐ ขึ้น ๖ ค่ำ | เกศเตอล์ | ฮิกซ์ | ๑๕ | สกูนเนอ อังกฤษ | สิงคโปร์ |
ขึ้น ๑๑ ค่ำ | ไมเตอล์ | โอละนิ | เรือ รบ ฝรั่งเศศ | ไซ่ง่อน | |
ขึ้น ๑๓ ค่ำ | ฟรีเกรงซ์ | บโรงซ์ | ๕๗๖ | บาก ฮอลันด์ | สุระบายา |
ออก เมื่อ ไร | กำปั่น ออก จาก กรุง เทพ ฯ | จะ ไป ไหน | |||
เดือน ๙ แรม ๑๔ ค่ำ | เอมี่ เลีย | เครเมอ | ๖๗๙ | ชิป ฝรั่งเศศ | สุระบายา |
๑๔ ค่ำ | ซอชิวเวอรี่ | แชก | ๔๖๗ | บาก อังกฤษ | ฮองกง |
เดือน ๑๐ ขึ้น ๔ ค่ำ | เจ้าพระยา | ออตัน | ๓๕๓ | สตีมเมอ สยาม | สิงคโปร์ |
ขึ้น ๖ ค่ำ | โคไลอา | ดิ ซิลวา | ๔๕๐ | บาก สยาม | ฮองกง |
ขึ้น ๑๐ ค่ำ | ไตรตัน | ซเซ | ๗๙๑ | ชิป ฮอลันด์ | สุระบายา |
ขึ้น ๑๕ ค่ำ | ไมเตอล์ | โละนิ | เรือรบ ฝรั่งเศศ | ไซ่ง่อน | |
๏ พรรณาด้วยจดหมายเหตุ ๚ะ
๏ หนังสือสำแดงการ
ที่ จะ ทำ หนังสือ จด หมายเหตุ, เรียก ว่า บางกอก รี่คอเดอ ต่อ ไป.
๏ ตั้ง แต่ นี้ ไป จะ ไม่ ให้ ติด อยู่ กับ หนังสือ จด หมาย เหตุ,
ที่ เปน ภาษา อังกฤษ นั้น ต่อ ไป. แต่ จะให้ ตี ต่างหาก, เปน สี่
ใบ แปด น่า เต็ม ๆ เปน อย่าง ฉบับ นี้. แล หนังสือ นั้น, จะ จุ
ความ ที่ ว่า ด้วย การ บ้านเมือง, แล ความ ที่ รู้ รอบ ตาม หนัง
สือ, แล ศิลประสาตร วิชา การ ต่างๆ, แล การ พ่อค้า, แล
ข่าว ที่ บังเกิด ใน เมือง นี้, แล เมือง ที่ ล้อม รอบ. แล จะคัด เอา
ข่าว จาก หนังสือ จด หมาย เหตุ, ที่ มี มา แต่ เมือง จีน, เมือง บัต
เตเวีย, เมือง สิงกะโปร์, เมือง ปีแนง, เมือง พม่า, เมือง บัง
กะล่า, เมือง ลังกา, เมือง บำไบ, ประเทศ ยุรบ, แล ประเทศ อเม
ริกา. จะ คัด เอา ข้อ ความ ออก จาก หนังสือ จด หมายเหตุ เหล่า นั้น,
ซึ่ง จะ เปน ประโยชน์ แก่ ผู้ ใด ๆ ที่ อ่าน. เจ้า ของ บางกอก รี่คอ
เดอ, จะ เอาใจใส่, เพื่อ จะ ให้ หนังสือ จด หมาย เหตุ นั้น, เปน
ของ ดี ยั่ง ยืน มั่น คง, เปน ของ ที่ ควร ชาว ประเทศ สยาม จะ
อ่าน, ได้ ช่วย ให้ มี ความ รู้ จำเริญ ดี ขึ้น.
๏ หนังสือ จด หมาย เหตุ นี้, เปรียบ เหมือน คน เที่ยว ไป ทั่ว
โลกย์, เพื่อ จะ ได้ หา เหตุ ต่าง ๆ เปน สำคัญ, แล้ว ก็ กลับ มา เล่า
เหตุ การ ให้ คน ทั้งปวง ฟัง. ถ้า คน เหล่า นั้น จะ มา แต่ ประเทศ
อเมริกา บ้าง, ประเทศ ยุรบ บ้าง, เมือง บังกะลา บ้าง, เมือง พม่า
บ้าง, เมือง จีน บ้าง, เมือง ชวา บ้าง, เมือง สิงกะโปร์ บ้าง, เมือง
ปีแนง บ้าง, แล เมือง อื่น ๆ หลาย แห่ง นั้น, ท่าน ผู้ อ่าน นี้ จะ มิ
ชอบ ใจ ฟัง เขา บอก ข่าว เดือน ละ สอง หน ฤๅ, แล จะ คิด เสีย ดาย
เงิน ค่า จ้าง ที่ จะ ให้ เขา บี้ ละ ห้า บาท ฤๅ แปด บาท นั้น ได้ ฤๅ.
ฝ่าย หนังสือ จด หมาย เหตุ ที่ เรียก ว่า, บางกอก รี่คอเดอ นี้, จะ มา
บอก ข่าว แก่ ท่าน ทั้งหลาย เดือน ละ สอง ครั้ง, จะ บอก เปน ภาษา
ไทย, ให้ ตัว ท่าน ฟัง ข่าว ต่าง ๆ, ที่ ได้ นำ เอา มา แต่ ทั่ว โลกย์.
หนังสือ บางกอก รี่คอเดอ นี้, ได้ เก็บ เหตุ มา แต่ หลาย แห่ง หลาย
ตำบล เช่น ว่า มา นี้, เพราะ มี หนังสือ บอก ข่าว มา แต่ ที่ เหล่า
นั้น, มา ถึง เจ้า ของ บางกอก รี่คอเดอ, ๆ จึง ได้ แปล ออก จาก
ภาษา อังกฤษ เปน ภาษา ไทย, ตาม ที่ ได้ เห็น ว่า, จะ เปน ประ
โยชน์ แก่ พวก ไทย. อนึ่ง ชาว ประเทศ อเมริกา, แล ประเทศ
ยุรบ นั้น, เขา ได้ อาไศรย หนังสือ จด หมาย เหตุ ต่าง ๆ มั่น คง,
เพื่อ ประสงค์ จะ ได้ ความ รู้ ต่าง ๆ. เขา เข้า ใจ ว่า, ถ้า ไม่ ได้
อ่าน หนังสือ จด หมาย เหตุ ต่าง ๆ แล้ว, ก็ ดู เหมือน เปน คน หา
ปัญญา มิ ได้, เปน น่า อาย แก่คน ทั้งปวง นัก. เพราะ เหตุ
ชะนี้, ชาว อเมริกา ชาว ยุรบ จึ่ง ได้ ซื้อ หนังสือ จด หมาย เหตุ
โดย มาก, จะ หา ผู้ใหญ่ ใด ๆ ที่ มิ ได้ ซื้อ หนังสือ จด หมาย เหตุ
บ้าง นั้น ก็ หา ยาก นัก. ลาง ครอบ ครัว หนึ่ง, ซื้อ เจ็ดวัน ฉบับ
หนึ่ง, ลาง ที่ สอง ฉบับ, สาม ฉบับ, เจ็ด ฉบับ ก็ มี. ด้วย เขา
เข้าใจ ว่า, อัน หนังสือ จด หมาย เหตุ ต่าง ๆ นี้, เปรียบ เหมือน
กล้อง สร่อง, สำหรับ จะ ช่วย ตา ให้ เหน ใก้ล แล ไกล ได้. ถ้า หา
มี กล้อง สร่อง อย่าง นี้ ไม่, ดุจ หนึ่ง ตา บอด มิ ได้ เหน เลย.
๏ ราคา หนังสือ บางกอก รีคอเดอ
๏ เมื่อ จะ ขาย ได้ แต่ นอ้ย เพียง สอง รอ้ย, สามรอ้ย เล่มม
คือ เล่ม ละ ๒๖ ใบ, ตี เดือน ละ สอง ใบ นั้น, ตอ้ง ขาย เปน เล่จะ
ละ ห้า บาท, คือ ปี หนึ่ง ห้า บาท. ถ้า แม้น ได้ เรี่ย ราย ซื้อ คน ที่ คอ
ซื้อ เพียง พัน คน, เปน พัน เล่ม เมื่อไร, เจ้า ของ บางกอก รีซื่อ
เดอ, จะ ลด ราคา ลง ถึง เล่ม ละ สอง บาท เมื่อ นั้น. ถ้า ได้ ร-าะ
สอง พัน คน ที่ จะ ซื้อ, จะ ลด ราคา ลง ถึง เล่ม ละ หก สลึง. เพง
การ ที่ ตี พิมพ์ นอ้ย เล่ม นั้น, ก็ ป่วย การ ลง ทุน เสีย เงิน ค่า จ้า,
มาก, แทบ จะ เหมือน กับ ตี พิมพ์ มาก เล่ม เหมือน กัน.
๏ อนึ่ง ถ้า ผู้ ใด จะ ช่วย เสาะ หา คน ที่ จะ ซื้อ บางกอก รีคอเดอ
จด หมาย เหตุ นี้, ได้ ห้า คน มา ลง ชื่อ เข้า เมื่อไร, ผู้ เจ้า ของ
หนังสือ จด หมาย เหตุ นี้, จะ ให้ เปน รางวัน แก่ ผู้ ที่ ได้ หา ซื้อ คน
นั้น เล่ม หนึ่ง คือ ๒๖ ใบ.
๏ อนึ่ง ถ้า ผู้ ซื้อ เปน คน อยู่ ใน กรุง เทพ ฯ, ข้าพเจ้า จะ
ฝาก จด หมาย เหตุ ให้ เขา เดือน ละ สอง หน. ถ้า เปน คน อยู่ นอก
กรุง ทพ ฯ, บาง ที่ จะ ฝาก ไป ถึง เขา ก็ ได้, บาง ที ไม่ ได้, ตอ้ง
ให้ เขา ใช้ บ่าว มา เอา เอง ที่ โรง พิมพ์. ฯ ของ ข้าพเจ้า อยู่ ริม ป้อม
ปาก คลอง บาง กอก ใหญ่ หลัง วัง กรม หลวง วง ษา.
๏ จดหมาย เหตุ ออก เมื่อไร ๚ะ
๏ ตั้ง แต่ นี้ ไป จดหมาย เหตุ เหล่า นี้, จะ ออก ใน วัน
กลาง เดือน, แล วัน สิ้น เดือน เสมอ ไป เปน นิจ. ผู้ ใด ๆ
ปราถนา จะ ได้ จดหมาย เหตุ ใบ อัน ใด อัน หนึ่ง โดย เรว, ก็ จง
มา เอา ค่ำ วัน กลาง ดือน, แล ค่ำ วัน สิ้น เดือน ก็ ได้,