

| Vol. 1 เล่ม ๑ บางกอก เดือน สิบ แรม สิบห้า ค่ำ จุลศักราช ๑๒๒๗ Sept. 20th 1865 คฤษศักราช ๑๘๖๕, ใบ ที่ ๑๔ No. 14. |
๏ หนังสือ หลวง ว่า ด้วย อัฐ แล ฝรัง เศศ ๚ะ
๏ คน ที่ เขียน หนังสือ ลง พิมพ์ ซ้ำซาก เซ้าซี้, ด้วย เรื่อง
อัฐ ตะกั่ว จะ ให้ ทำ ทอง แดง นั้น, ด้วย คิด อย่างไร. ผู้อ่าน ก็ รู้
อยู่แล้ว, ก็ ผู้ เขียน ผู้ คิด นั้น เปน ข้า ของ คำ ภา ว่า, เจ้า ชีวิตร
เมือง ไทย เปน บ้า ยุะ ๆ ให้ ทำ อะไร ทำ หมด ไม่ รอ รั้ง. ก็ อย่า
เขียน ไป ให้ เหนื่อย เลย. ถ้า อยาก หา กำไร, ก็ ให้ หา ทอง แดง
แท่ง, ทอง แดง ก้อน, มา ขาย เปน สินค้า. ถ้า ราคา เยา ภอ จะ
ซื้อ ได้ ก็ จะ ซื้อ บ้าง. แต่ อย่า พาโล เอา ว่า สั่ง. แต่ ที่ จะ ห้าม
ให้ เลิก อัฐ ตะกั่ว, ยอม ให้ คน อื่น ทำ อัฐ ทอง แดง มา ขาย นั้น,
ไม่ ยอม แล้ว อย่า คิด เลย. ฝี มือ ไทย เดี๋ยว นี้ ทองแดง ก็ ทำ ได้,
แต่ ว่า ตัว ทอง แดง หา ยาก. ดีบุก เปน ของ มี ดื่น ถม ไป ใน
แผ่นดิน ไทย, ก็ ทำ ใช้ ตาม ของ ที่ มี ใน แผ่นดิน ของ ตัว. ถึง คน
หลอม ทำ ปลอม ได้ ง่าย, ก็ ไม่ หลอม ได้ วัน หนึ่ง กี่ อัฐ นัก. อนึ่ง
ก็ ไม่ เหมือน กับ ของ หลวง, หัก ดู ก็ รู้ ว่า อ่อน. เมือ ราษฎร
เชื่อ ใช้ กัน ก็ ใช้ กัน ไป. ก็ เมื่อ มา ส่ง หลวง มา ขึ้น เงิน หลวง
ก็ ทด ลอง ง่าย ดอก ว่า อัฐ ดี อัฐ ปลอม, หัก ดู ก็ ผิด เนื้อ กัน. ก็
เนื้อ อัฐ ใน หลวง นั้น, พวก ทำ ปลอม จะ หล่อ ก็ หล่อ ไม่ ลง,
เพราะ เปน ดีบุก ปน ทอง แดง แล สังกะสี แขง. ถ้า อัฐ ปลอม ใคร
เอา มา ส่ง หลวง, หัก ดู เบา ๆ ก็ อ่อน โอน ไป จับ ได้ ง่าย ๆ.
เมื่อ เปน อัฐ ปลอม แล้ว จะ มา ขึ้น เอา เงิน แต่ ใน หลวง, ก็ จะ
ได้ แต่ หนัก เจ็ด ตำลึง ต่อ เฟื้อง, เหมือน ดีบุก เปล่า. ถ้า เปน
อัฐ แขง ของ แท้, ก็ จะ ให้ แปด อัฐ ต่อ เฟื้อง ตาม ราคา. อย่า เขียน
หนังสือ บ่น เพ้อ ไป เลย คี่เกียจ อ่าน. ถึง ลง หนังสือ พิมพ์ ประ
จาร ก็ ไม่ อาย, เพราะ ว่า เบี้ย อัฐ ดี กว่า เบี้ย หอย ที่ เคย ใช้ กัน
มา แต่ ก่อน, แล งาม กว่า แปะ สังกะสี ญวน อยู่ แล้ว.
๏ อนึ่ง เบี้ย ทอง แดง ก็ จะ ทำ ขึ้น เรว ๆ, สอง แปะ ต่อ
เฟื้อง เรียก ว่า กึ่ง ฤา ซีก, อย่าง หนึ่ง สี่ แปะ ต่อ เฟื้อง เรียก ว่า ซา
ฦๅ เสี้ยว อย่าง หนึ่ง, จะ จ่าย จะ ใช้ กัน เรว ๆ. อย่า พูด เพ้อ เจ้อ
ไป เลย, คี่ เกียจ อ่าน คี่ เกียจ ฟัง.
๏ ถ้า พวก โรง พิมพ์ ได้ จด หมาย นี้ แล้ว, ก็ จง เอา จด
หมาย นี้ ลง พิมพ์ ด้วย, ฦๅ จะ นินทา บ่น เพ้อ ไป ว่า กะไร อีก, ก็
ให้ บ่น ไป ไม่ ถือ โทษ, แต่ เหน ว่า บ่น เพ้อ ไป นั้น, เหนื่อย เปล่า
ไม่ มี ใคร คิด ทำ ตาม. เหมือน เตละแครฟ แล รถ ไฟ, พูด
ไป จะ ให้ ออ จะ ให้ พิศวง, จน จืด เสีย แล้ว คี่ เกียจ อ่าน คี่ เกียจ
ดู คี่ เกียจ ฟัง. ถ้า จะ เอา แต่ ของ เล่น เล็ก น้อย, อย่าง ประ
หลาด ๆ, อย่าง บาลุน แล อื่น ๆ, ฦๅ ของ ใด ๆ ที่ จะ ใช้ เปน
ประโยชน์ เล็ก น้อย ภอ ทำ ได้, ควร จะ ต้อง การ ตาม ภาฃา เมือง
ยาก เมือง จน, ยัง จะ ทำ บ้าง อยู่. ดู แต่ พวก สี่ เช้า, พวก
เลื่อย ไม้, เอะ อะ ๆ มา ทำ ก็ ไม่ เหน ว่า ได้ กำรี้ อี้ ไร เท่า ไร.
๏ อนึ่ง ใน เรื่อง ความ ฝรั่ง เศศ นั้น, ตั้ง แต่ กงสุล ฝรั่ง
เสศ, ให้ มิศเตอ ลามาช, หลวง อุปเทศ ทวยหาร, นำ เอา หนัง
สือ มา ถวาย ใน หลวง, ฯ สั่ง ให้ พระยา ศรี สรราช ไป กราบ เรียน
เจ้าพระยา ศรีสุริยวงษ ให้ ชำระ เรื่อง ความ พระยา วิเสศ สงคราม
นั้น. แล้ว ต่อ ไป ใน วัน อื่น ๆ, กงสุล ฝรั่ง เศศ ไม่ ได้ เขียน
หนังสือ อะ ไร มา ถึง ใน หลวง เลย. ใน หลวง ก็ ไม่ ได้ เขียน หนัง
สือ อะ ไร ไป ถึง กงสุล เลย. ที่ มา ลง พิมพ์ ว่า กงสุล เขียน หนัง
สือ มา ขู่ ใน หลวง, ฯ มี หนังสือ ไป ถึง กงสุล นั้น ผิด ที เดียว.
๏ อนึ่ง หม่อม ราโชทัย ใน หลวง ก็ ไม่ ได้ ใช้ ให้ ไป หา กง
สุล. เรื่อง ความ พระยา วิเสศ นั้น, ใน หลวง ได้ สั่ง ไป แล้ว ว่า,
ให้ เจ้า พระยา ศรีสูริยวงษ ชำระ. เจ้า พระยา ศรีสูริยวงษ จะ ชำระ.
จึ่ง ให้ หม่อมราโชทัย ลง ไป หา กงสุล, ขอ ให้ ใคร ๆ ขึ้น มา ฟัง
ความ. ครั้น กงสุล โกรธ ไม่ พูด ด้วย หม่อมราโชทัย, ๆ กลับ มา
แล้ว เจ้า พระยา พระคลัง จึ่ง มี หนังสือ ไป ถึง กงสุล. ใน หลวง ไม่
ได้ สั่ง ไป เลย, ก็ มา ลง พิมพ์ เอา ใน หลวง เปล่า ๆ ไม่ จริง เลย.
ต่อ จน ถึง วัน กงสุล ฝรั่ง เศศ มา เฝ้า, กราบ ถวาย บังคม ลา จะ
ไป แล้ว. ใน หลวง จึ่ง ได้ มี หนังสือ ไป ถึง กงสุล, ว่า ด้วย ส่ง
ของ เลก น้อย ไป ให้ แก่ กงสุล, ที่ กงสุล ขอ ไว้ แต่ ก่อน นั้น ต่าง
หาก. ไม่ ได้ ว่า ด้วย เรื่อง ความ พระยาวิเสศสงคราม เลย. เพราะ
ความ เรื่อง นั้น, ใน หลวง ได้ สั่ง ให้ ชำระ แล้ว. อะไร ๆ ก็ มา
ลง เอา แต่ ใน หลวง รำไป, ให้ ไป บอก แล้ว ก็ ไม่ เชื่อ, ขืน
แต่ แก่ คำ เล่า ฦๅ อย่าง เดียว มาก นัก, ไม่ จริง เลย ที่ เดียว.
๏ ว่า ด้วย ภาษี น้ำมัน มพร้าว ๚ะ
๏ ด้วย พระยา ราชภักดี ศรีรัตนราชสมบัติ, พระยาพิพิธโภ
ไคยสวริย, รับ พระ บรมราชโองการ ใส่เกล้าใส่กระหม่อม ทรง
พระกรุณา โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม สั่งว่า, เมื่อ ณปีฉลู เบญ
จะศก, โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม, ให้ ข้าหลวง ๘ นาย ออก
เดิน รังวัด สวน ของ ราษฎร, แล้ว ได้ ทำ บัญชี ลงราคา ต้น มพร้าว
ใน น่า ฉโนฎ ต้นละ ๑๐๐ เบี้ย แจก ให้ แก่ ราษฎร เจ้าของ สวน ทุก
ราย. เจ้า ภาษี น้ำมัน มพร้าว มา ร้องว่า ราษฎร ชาวบ้าน สัก ทำ น้ำ
มัน มพร้าว ปลอม แซก ซื้อ ขาย, ครั้น จะแต่ง คน ออก จับ กุม,
ก็ จะ เกิด วิวาท ฟ้อง ร้อง ขึ้น โรงศาล ป่วยการ ทำ อากร, จะขอ
ทำ ภาษี ผล มพร้าว ซื้อ ขาย แต่ ผู้ เดียว. ท่าน เสนาบดี ปฤกษา
พร้อม กัน กราบ บังคมทูล พระกรุณา, ขอรับ พระราชทาน ตั้ง เจ้า
ภาษี ไป เกบ ภาษี ผล มพร้าว. เจ้า ภาษี ก็ หา เกบ ภาษี ตาม พิกัด
ไม่, ทำ ให้ ราษฎร ได้ ความ เดือดร้อน. ณปีมโรง อัฐศก โปรดเกล้า
โปรดกระหม่อม, ให้ ยก ภาษี ผลมพร้าว แล ราคา ค่าต้นมพร้าว ต้น
ละ ๑๐๐ เบี้ย นั้น ออก เสีย, ให้ นาย รวาง เรียก เปน ค่า อากร
มพร้าว ๓ ต้น เปน เงิน สลึง หนึ่ง, ให้ ราษฎร ขาย ผลมพร้าว แล
ทำ น้ำมันพร้าว ตาม ชอบใจ. ณปีชวดฉศกนี้ ผลมพร้าว น้ำมัน
พร้าว มี ราคา แพง มาก ขึ้น กว่า แต่ ก่อน. ทรง พระราชดำริห
เหน ว่า ผล มพร้าว น้ำมัน มพร้าว มี ราคา แพง, เพราะ ต้น มพร้าว
ของเก่า ต้นแก่ สูง ดวด ไป ไม่มีผลบ้าง, ตายเสีย บ้าง, ต้น
มพร้าว จึ่ง น้อย ไป. ราษฎร เจ้าของ สวน ไม่ปลูก เพิ่ม เติม ขึ้น ใน
ที่ สวน, เพราะ กลัว จะต้อง เสีย อากร ค่า ต้น มพร้าว ๓ ต้น เปน
เงิน สลึง หนึ่ง. ผล มพร้าว แล น้ำมันพร้าว จึ่ง แพง ไม่ บริบูรณ.
๏ จึ่ง ทรง พระ กรุณา โปรด เกล้า โปรด กระหม่อม สั่งว่า, แต่
นี้ สืบ ไป, ให้ บอก ประกาศ, แก่ ราษฎร เจ้าของ สวน แขวง กรุง
เทพ มหานคร แล หัว เมือง, ที่ สวน มพร้าว ต้อง เสีย อากร อยู่
นั้น, ถ้า ถึง กำหนด ปีฉลู สัปตศก, จะโปรด เกล้าโปรด กระ
หม่อม ให้ยก ราคา ต้น มพร้าว เสีย, มิให้ นาย รวาง เรียก อากร
ต้น มพร้าว แต่ ราษฎร เจ้าของ สวน สืบไป. แล้ว จะให้ เรียก
ภาษี น้ำมัน แก่ผู้ ทำ น้ำมัน เหมือน อย่าง แต่ ก่อน, ให้เจ้าของ
สวน ซ่อมแซม ปลูก สร้าง ต้น มพร้าว ขึ้นไว้, ให้ บริบูรณ ยู่ใน
สวน ยิ่ง ขึ้น ไป กว่า เก่า เถิด. การ ก็ จะเปน ประโยชน์ แก่ บ้าน
เมือง. เพราะ ว่า น้ำมัน มพร้าว นั้น ใช้ ใน บ้าน เมือง ก็ มาก, แล้ว
ก็ จะได้ เปน สินค้า บันทุก เรือ ออกไป. จำหน่าย หัว เมือง แล
นา ๆ ประเทศ ทุก แห่ง ทุก ตำบล. การ ประกาศ ให้ พระแก้ว
คฤหรัตนบดี เจ้ากรม, ขุนพิพัฒนากร ปลัดซ้าย, ขุน วิสุท
ธากรปลัดขวา, พระคลัง สวน ใน. หลวง แก้ว เจ้ากรม, ขุนศรี
สมบัติ ปลัด กรม, สวน นอก. ขุน หมื่น นาย ระวาง, บอก
ประกาศ แก่ ราษฎร เจ้าของ สวน ให้ รู้ จง ทั่ว กัน, อย่า ให้ มี ความ
เกียจ คร้าน. อุษาหซ่อมแซม ปลูก สร้าง ต้นมพร้าว ขึ้น ให้ มีมาก
เหมือน ๆ กัน จง ทุก ๆ สวน. แต่ใน จำนวน ปีชวด ฉศก
นี้ ยัง คง เรียก อากร ตาม เดิม. แต่ ปีฉลู สัปตศก ไป อากร ต้น
มพร้าว, โปรด ยกพระราชทาน ให้ ราษฎร เจ้าของ สวน ทุก ราย
อย่า ให้ ขาดได้ ตาม รับสั่ง. หมาย ประกาศ มา, ณวันจันทร
เก้า แรม สิบ สองค่ำ ปีชวดฉศก. ปิด ตรา พระยา พิพิทโภไคย.
๏ ความ ตอบ ตัด สิน ซัน ๆ ๚ะ
๏ ข้าพเจ้า ได้ ดู บางกอกริคอเดอ ใบ ที่ ๑๓ นั้น, มี
เปน ษารบาล ต้น ว่า, ตัด สิน เล่น ซัน ๆ. ข้าพเจ้า พิ เคราะห์ ดู
ก็ เหน ด้วย ว่า, ตัด สิน ซัน ๆ เหมือน เด็ก เกิด ใหม่ รู้ จัก
แต่ กิน นม ยัง ไม่ รู้ จัก กิน เข้า นั้น. ข้าพเจ้า ก็ เปน คน ได้ ทำ
ภาษี อากร อยู่ เหมือน กัน. ท่าน ผู้ ตัด สิน นั้น ต้อง พิ เคราะห์ จง
ละเอียด ว่า, ทำการ อย่าง ไร จึ่ง เปน ช่อ หลวง, ประพฤติ
การ อย่าง ไร จึ่ง เปน ช่อ ราษฎร. แล การ ช่อ ๒ อย่าง นี้ จะ
ว่า เหมือน กัน นั้น, ข้าพเจ้า ผู้ ทำ ภาษี อา กร ทั้งหลาย ยอม ไม่
ได้. ข้าพเจ้า ขอ สำแดง การ ช่อ ราษฎร ให้ ท่าน ฟัง ศัก น้อย หนึ่ง
ว่า, ถ้า เจ้า ภาษี คน ใด เก็บ เรียก ภาษี อากร แก่ ราษฎร มาก
กว่า พิกัด ที่ ท่าน เสนาบดี ตั้ง ไว้ แล้ว, เจ้า ภาษี คน นั้น เปน ช่อ
ราษฎร. ซึ่ง จีน ทั้งหลาย ฟ้อง จีน เลก นั้น, อย่า ต้อง เอา ท่าน
ผู้ใหญ่ ผู้ น้อย มา ตัด สิน เลย. ให้ แต่ ลูก จ้าง แจว เรือ ภาย เรือ
ถ่อเรือ, ตัด สิน ก็ได้, ว่า จีนเลก ช่อ ราษฎร, เพราะ เรียก
ภาษี เกิน พิกัด. ก็ เปน ช่อ ราษฎร อยู่ เอง.
๏ ข้อ ที่ ว่า คำ ฟ้อง ว่า ขี้ ช่อ ตัด สิน ว่า เปน มี กำไร เหน จะ
ไม่ ถูก นั้น. ข้าพเจ้า จะ ตัด สิน ให้ ท่าน พึ่ง เปน ข้อ ๆ. ข้อ
หนึ่ง ถ้า เจ้า ภาษี ทั้ง หลาย ไม่ ได้ รับ ผูก ขาด, เกบ ได้ เท่า ไร
ส่ง เท่านั้น. ถ้า เปน ดั่ง นี้ ผู้ ได้ เกบ เงิน ได้ มาก, ส่ง เจ้า
พนัก งาน แต่ น้อย, ผู้ นั้น เปน ช่อ หลวง. ข้อ สอง ผู้ ใด รับ
เงิน หลวง, ไป ซื้อ แล จ่าย ต่าง ๆ น้อย ตั้ง บาญชี มาก, ผู้ ทำ
ดั่ง นี้ ก็ เปน ช่อ หลวง. ข้อ สาม ถ้า ผู้ ใด เปน คน ผู้ เบิก จ่าย
ของ หลวง, เบิก จ่าย น้อย เปน เบิก จ่าย มาก, เปน เจ้า
พนัก งาน รัก ษา ของ หลวง, เอา เสีย ขาย กิน เสีย, ผู้ ทำ
ดั่ง ขี้ ก็ เปน ช่อ หลวง, รวม เปน สาม ข้อ. ข้าพเจ้า ขอ ถาม ท่าน
ว่า, เจ้า ภาษี ผูก ขาด เกบ เรียก แก่ ราษฎร ตาม พิกัด เงิน หลวง
ก็ ส่ง ครบ ตาม รับ ทำ แล้ว, ยัง มี กำไร อยู่ มาก น้อย ก็ ดี,
ดั่ง นี้ เปน ช่อ หลวง ด้วย ฤๆ.
๏ คำ หนึ่ง ว่า คำ ตอบ ไม่ แก้ ใน ข้อ ความ นั้น, ข้าพเจ้า
ขอ สำแดง ตาม พิ เคราะห์ เหน ว่า โรง พิมพ์ ไม่ ใช่ ตระลาการ, แล
ท่าน ผู้ นั้น ก็ ไม่ ได้ เปน คู่ความ แล้ว, จะ แก้ เปน คำ ให้ การ
ทำ ไม เล่า. จะ ประสงค์ แต่ หลวง พิไช วารี่ เอา เรื่อง ราว มา ลง
พิมพ์, ก็ ทำไม จึง ไม่ เอา คำ บัญชา ลง พิมพ์ ด้วย เล่า, ประ
สงค์ ท่าน เหน จะ เปน ดั่ง นี้ แน่ ที่ เดียว. ๏ คำ หนึ่ง ว่า แก้ เขา ไม่
ได้ แล้ว ชะโมย เอา ชื่อ ฯ พณ ฯ มา อ้าง จะ ได้ พ้น ชำระ นั้น.
คำ นี้ ข้าพเจ้า พิ เคราะห์ ดู เหน เปน คำ โทษ ต้อง ใน กฎหมาย, สำ
รับ บ้าน เมือง อยู่. ข้าพเจ้า ขอ ถาม ท่าน ว่า, ท่าน ได้ ซัน
สูท แล้ว ฤา ท่าน จึง พูด ว่า อ้าง. ถ้า ไม่ ได้ ซันสูท ท่าน พูด ดัง นี้,
ท่าน ก็ มี โทษ เท่า กับ ผู้ อ้าง. ข้าพเจ้า รู้ ความ แน่ ว่า, เมื่อ
หลวง พิไชยวารี ยื่น เรื่อง ราว นั้น, หลวง ทิพ อักษร เสมียนตรา
นำ กราบ เรียน ฯ พณ ฯ บันชา ให้ สักหลัง เรื่อง ราว ดั่ง นี้ จริงๆ.
ไม่ ได้ เปน การ ปิด บัง เลย. สักหลัง เรื่อง ราว นั้น, หลวง
พิไชยวารี ก็ ได้ ให้ ข้าพเจ้า ดู, ข้า เหน ว่า ไม่ ได้ แอบ อ้าง.
๏ คำ หนึ่ง ว่า หนังสือ พิมพ์ เหมือน กล้อง ส่อง ของ ไกล แล
เหน ใกล้ นั้น. ข้าพเจ้า ขอ เปรียบ ความ ง่าย ๆ เหมือน คน มี
โทโส มาก, แล คน ไม่ มี โทโส เปน โรง พิมพ์, คน มี โทโส
มาก นั้น ตรึก ตรอง การ ไม่ ละเอียด ไม่ เหน การ ตลอด ว่า ถูก ฤๅ
ผิด. เพราะโทโส ความโกรธ นั้น จึ่ง ปิด กระ หม่อมไว้. คน
ไม่ มีโทโส นั้น เอาสติ แล ปัญญา ตรึกตรอง ปฤกษา หา ฤๅ ต่อ ๆ
ไป. การไกล แล ใกล้ เข้า มา ทุก อย่าง.
๏ คำ หนึ่ง ว่า จีน อยู่ ทำ ภาษี เงิน หลวง ห้าร้อย ชั่งฟ้อง ขาด
มาก กว่า ๑๒ เท่านั้น, การ ข้อ นี้ เปน การ เคาเวอแมนต์ ตัดสิน
ไม่ควร จะ พูด. การ ฟ้อง ขาด มาก น้อย นั้น. เจ้า พนักงาร
ต้อง นำ ขึ้น กราบ บัง คม ทูล. พระ เจ้า แผ่น ดิน โปรด เกล้า ประ
การ ใด, ก็ ต้อง กระ ทำ ตาม การ ฟ้อง ขาด นั้น, เพราะ ทรง
พระมหากรุณา โปรด เกล้า, โปรด กระหม่อม เจ้าภาษี นาย อา
กอร, เจ้า ภาษี นาย อา กอร จึ่ง ฟ้อง ขาด ได้.
ความพวก ด่าน บางไทรข่มเหง
๏ ณวัน ประหัส เดือน สิบ แรม สอง ค่ำ ปี ฉลู สัปตศก จีน
สี่, จีน พง, มา ร้อง ทุกข์ กล่าว โทษ ชาว ด่าน บางไทร ว่า, ข้าพเจ้า
บันทุก เข้า เปลือก ล่อง เรือใหญ่ ลง มา ขาย ยัง กรุง เทพ ฯ พวก
ด่าน บางไทร ร้อง เรียก ให้ ข้าพเจ้า แวะ เข้า จอด ที่ ด่าน, น้ำเชี่ยว
เรือ หนัก จอด ไม่ ทัน. เรือ ก็ ลอย เลย ด่าน ลง ไป, พวก ด่าน ที่
นั้น ภา กัน ลง เรือ ตาม มา เก็บ เอา แจว สามเล่ม หางเสือ ข้าพเจ้า
ไป เสีย. เรือ ข้าพเจ้า ก็ ลอย ไป ปะ ตลิ่ง อยู่. ข้าพเจ้า จึ่ง ลงเรือ
เล็ก ขึ้น ไป ที่ ด่าน ขอ เอา แจว แลหางเสือ, พวก ชาว ด่าน ว่า, มึง
หนี ด่าน, กู จะ เอา เงิน มึง. ข้าพเจ้า จีน สี่, จีน พง, ถาม ว่า จะ
เอา เท่าไร, มึง มีอยู่ เท่า ไร ก็ เอา มา ให้ กู เถิด. ข้าพเจ้า ว่า
ไม่มี. เขา ก็ ด่า เปน คำ หยาบ ต่าง ๆ ไม่ ควร จะ เอา ลง พิมพ์.
แล้วว่า มึง หนี เอา ตัว ไป ใส่ขื่อ เสีย. แล้ว เข้า เตะถีบ เอา ข้าพเจ้า
ข้าพเจ้า กลัว จึ่ง ว่า มี เงิน ติด ตัว มา สี่ บาท. เขา ว่า สี่ บาท, ก็
เอา มา เถิด. ข้าพเจ้า กลัว ต้องให้ เงิน สี่ บาท เขา, จึ่ง ได้ แจว
สาม เล่ม แล หาง เสือ มา, พวก ด่าน ทำ ทั้ง นี้ ข้าพเจ้า ได้ ความ
เดือด ร้อน ยาก แค้น หนัก.
๏ แต่ พวก ด่าน บางไทร, ได้ ทำ ข่มเหง ลูก ค้า ล่อง เรือ
เข้า พวก ข้าพเจ้า, เข้า ยื้อ แย่ง ชิง เอา เข้า เปลือก บ้าง, แกล้ง
พาลพาโล เอา เงิน บ้าง. ย่อม ทำ ข่มเหง อย่าง ว่า มา ทุกครั้ง ๆ.
พวก ข้าพเจ้า ได้ ความ เดือด รอ้น นัก.
๏ อนึ่ง ข้าพเจ้า ผู้ เจ้า ของ หนังสือ จดหมาย เหตุ นี้ ได้ ยิน ข่าว
ว่า, เมื่อ ณวัน ศุกร เดือน สิบ ขึ้น สี่ ค่ำ, จุลศักราช ๑๒๒๗ ปี
ฉลู สัปตศก. จีน จุ่น, จีน มิง, จีน หยง, จีน พง, จีน ก๊อ, จีน กุน,
จีน เล็ก, จีน อุย, จีน คง, จีน เกีย, จีน โหมง. รวม ๑๑ คน เปน
จีน ผูกปี้, พวก จีน เหล่า นี้ ไป เที่ยว ซื้อ เข้า เปลือก, ณแขวง
กรุง เก่า บ้าง, เมือง ลพบุรี บ้าง, เมือง อ่างทอง บ้าง, ตั้ง แต่
ณวัน เดือน แปด เดือน เก้า, เดือนสิบ, ได้ เข้า เปลือก บันทุก เรือ
ล่อง ลง มา ถึง ด่าน บางไทร. ผู้ รักษา ก็ หา ได้ เรียก เรือ พวก จีน
เหล่า นั้น ไม่, แต่ เรือ จีน เหล่า นั้น ลอย คล้อย ใต้ ด่าน ลง มา.
ผู้ รักษา ด่าน ก็ ภา กัน ลง เรือ มา ตาม. ถึง เรือ พวก จีน เหล่า นั้น,
ภา กัน ขิ้น บน เรือ แล้ว, ปลด เอา แจว หัว เรือ แจว ท้าย เรือ,
กับ หางเสือ เรือ ได้ แล้ว, ก็ ภา กัน กลับ มา ที่ ด่าน. เรือ พวก จีน
เหล่า นั้น, ก็ ลอย หัน ปะ ตลิ่ง ติด อยู่, แต่ จีน จุ่น อำแดง เอี่ยม,
ก็ ลง เรือ เล็ก มา ต่อ ว่า ผู้ รักษา ด่าน. ครั้น ถึง ผู้ รักษา ด่าน, ๆ
ว่า อ้าย เจ๊ก คน นี้ หนี ด่าน. ก็ ภา กัน กลุ่ม รุม ชก ต่อย เตะ ถีบ
เจ๊ก คน นั้น ฟก ช้ำ ดำ เขียว. จีน จุ่น ก็ พลัด ตก น้ำ, ว่าย น้ำ ไม่
เปน. อำแดง เอี่ยม ภรรยา เหน จะ จม น้ำ ตาย, จึ่ง จับ มือ ฉุด
ขื้น มา, จีน จุ่น จึ่ง รอด จาก ความ ตาย. แต่ พวก จีน ๑๑ ลำ
เหล่า นั้น, ผู้ รักษา ด่าน ก็ ได้ ทำ ข่มเหง ชก ต่อย เตะ ถีบ ทุก ลำ
ไป. แล้ว ผู้ รักษา ด่าน ก็ บังคับ ให้ ถ่าย แจว แล หาง เสือ, ที่ ยื้อ
แย่ง เอา มา นั้น, พวก จีน เจ้า ของ เรือ, ก็ ถ่าย ทุก ลำ ไป นั้น.
คือ จีน จุ่น เสีย ค่า ถ่าย เงิน ตำลึง สอง บาท, จีน กุน เสีย ค่า ถ่าย
เงิน สาม บาท, จีน มิ่ง เสีย ค่า ถ่าย เงิน สาม บาท, จีน หยง เสีย
ค่า ถ่าย เงิน สอง ตำลึง, จีน คง เสีย ค่า ถ่าย เงิน ตำลึง สอง บาท,
จีน ก๊อ เสีย ค่า ถ่าย เงิน ตำลึง บาท, จีน กุด เสีย ค่า ถ่าย เงิน
ตำลึง บาท, จีน เล็ก เสีย ค่า ถ่าย เงิน หก สลึง, จีน อุย เสีย ค่า ถ่าย
เงิน สาม บาท, จีน พ่ง เสีย ค่า ถ่าย เงิน บาท สาม สลึง, จีน เกีย
เสีย ค่า ถ่าย เงิน บาท หนึ่ง, จีน โหยง เสีย ค่า ถ่าย เงิน สอง บาท.
รวม เปน ๑๒ คน ๑๒ ลำ, เสีย ค่า ถ่าย เปน เงิน สิบ สอง ตำลึง
บาท สลึง, แล พวก รักษา ด่าน, กระทำ ข่มเหง เรือ จร เช่น นี้,
ข้าพเจ้า เหน ว่า ราษฎร จะ ได้ ความ เดือด ร้อน ยิ่ง นัก.
๏ ต้นเหตุ กระบถ เมือง อเมริกา บท ที่ ๒ ๚
๏ หัว เมือง เซา ซแกโรไลนา, เปน เมือง ที่ คิด เอาใจ ออก
หาก จาก เมือง ยูไน ติศเทศ, ก่อน หัว เมือง อื่น ๆ ทั้งปวง.
เมือง นั้น มัก คิด กระบถ มา นาน ได้ ประมาณ กว่า ๓๐ ปี แล้ว.
คราว ก่อน นั้น เมือง เซา ซแกโรไลนา, มี ขุนนาง ผู้ใหญ่ คนหนึ่ง
ชื่อ แกละฮุน, เปน คน มี คำ วาจา ฉลาด มาก. ท่าน ได้ สั่งสอน
คน ทั้งปวง เปน กะทู้ ความ สอง อย่าง, ใจ ความ ว่า, หัว เมือง ยู
ไนติศเทศ ทุก หัวเมือง ย่อม มี อำนาจมาก ใหญ่ กว่า เมือง ยูในติศ
เทศ ประการ หนึ่ง. แล เมือง ยูใน ติศเทศ ทำ กฎ หมายใด ๆ,
ถ้า หัว เมือง เขา ไม่ เหน ด้วย, ก็ ย่อม มี อำนาจ ภอ จะ ขัด ได้,
ให้ กฎหมาย นั้น ตาย ได้ ประการ หนึ่ง. กะทู้ ความ สอง ข้อ นี้คน
ฝ่าย ใต้ ทั้งปวง, ได้ ยิน แล้ว ก็ ชอบใจ. ความ นั้น จึ่ง ฟุ้ง เฟื่อง
ต่อไป. คน ทั้งปวง จึ่ง ได้ นับ ถือ มิศเตอแกละฮุน นั้นว่า เปน ครู
ใหญ่ มี สติ ปัญญา ฉลาด จริง.
๏ เมื่อ ก่อน คฤษ ศักราช ๑๘๓๐ ปี นั้น, มิศเตอแกลฮุน
ยัง เปน ขุน นาง ผู้ใหญ่ อยู่, แล ยัง กำลัง สั่ง สอน กะทู้ ความ
สอง ข้อ นั้น อยู่ ด้วย. ครั้ง นั้น กอนเครศ คือ ผู้ ที่ ได้ ประชุมพร้อม
กัน ปฤกษา ราชการ ที่ วัดชิงตอน เมือง หลวง, ได้ ทำ กฎหมาย
ต่าง ๆ, ที่ เมือง ฝ่าย ใต้ ไม่ ชอบ. ขุนนาง ทั้งปวง, ใน หัว
เมือง เซา ซแกโรไลนา ก็ ขัด ขวาง ว่า, ถ้า ไม่ ยก กฎหมาย
บท นั้น เสีย, เมือง เรา จะ ออก เสีย จาก เมือง ยูในติศเทศ ไม่ ทำ
การ ด้วย ต่อ ไป แล้ว. คราว นั้น เซนนี้รัล แอนดริว แยกซัน,
เปน เปรศซิเต็นต์แห่ง เมือง ยูในติศเทศ, เปน คน ตั้ง อยู่ ใน
ยุติธรรมเข้ม แขง นัก. จึ่ง ตอบ กับ ขุนนาง เหล่า นั้น เปน ใจ
ความ ว่า, การ ที่ คิด นั้น ถ้า จะ สำเร็จ แล้ว เมื่อ ใด ก็ เปน การ
กระบถ แท้, แล เรา จะ ให้ จับ พวก ขุนนาง เหล่า นั้น, ผูก ฅอ
แขวน ที่ สูง ไว้ จน ตาย. ฝ่าย ขุนนาง เหล่า นั้น ได้ ฟัง ก็ กลัว, ไม่
อาจ จะ ทำ ให้ สำเร็จ ได้ ตาม ที่ คิด ไว้ นั้น. ข้อ ที่ เปรศซิเต็นต์ แยก
ซันต์คุกคาม นั้น, ก็ ถูก ต้อง กัน กับ กฎหมาย กอนสติ ติวซัน, ที่
เปน กะทู้ กฎหมาย สำหรับ เมือง ยูใน ติศเทศ นั้น.
๏ คำ ที่ เรียกว่า ยูในติศเทศ นั้น, แปล เปน ภาษา ไทยว่า
หลาย หัว เมือง เข้า กัน เปน เมือง เดียว. ยูในติศเทศ นั้น, แปล
ว่า เข้า ด้วย กัน. ศะเทศ นั้น แปล ว่า หลาย หัว เมือง.
๏ แต่ เดิม นั้น หัว เมือง อเมริกา ทั้ง นั้น, เปน อิศร แก่ ตัว
เอง ทุก หัว เมือง, ไม่ ได้ เข้า กัน. ครั้น มา ภาย หลัง เมื่อ คฤษ
ศักราช ๑๗๘๗ ปี นั้น, แต่ บันดา หัว เมือง ทั้ง หลาย เหน
พร้อม ใจ กัน ว่า, ควร ที่ เรา ทั้งหลาย เข้า กัน ทำ เปน เมือง ใหญ่
ให้ เข้มแขง, จึ่ง จะ สู้ เมือง ใหญ่ อื่น ๆ ได้. ถ้า เปน อิศร แต่
ตัวเอง เมือง เดียว, จะทำการใหญ่ ไม่ ตลอด.
๏ จึ่ง จัด เลือก คน ทั้งหลาย, ที่ มี สติ ปัญญา ให้ มา ประ
ชุม ที่ เมือง พีละเตลเฟีย, ใน คฤศ ศักราช ๑๗๘๗ ปี๊, ใน เดือน
เม. หัว เมือง อเมริกา ใน คราว นั้น, มี แต่ ๑๓ หัว เมือง. ใน ๑๓
หัว เมือง นั้น, ได้ จัด เลือก คน ที่ มี สติ ปัญญา, ให้ ไป ถึง ที่
ประชุม พร้อม กัน นั้น. ลาง เมือง ก็ จัด ให้ ไป ๒ คน. ลาง
เมือง, ก็ จัด ให้ ไป ๔ คน. ลาง เมือง ก็ ให้ ไป ๖ คน. ลาง
เมือง, ก็ ให้ ไป ๘ คน, ตาม แต่ เมือง เล็ก แล เมือง ใหญ่, รวม
เปน คน ๓๙ คน. แต่ เมือง เซาซแคโรไลนา นั้น, ได้ จัด ให้ ไป
๔ คน. คน เหล่า นั้น, เขา ได้ ประชุม ปฤกษา กัน อยู่ ถึง สี่ เดือน.
ท่าน ยอชวัดชิงตอน, เปน ผู้ใหญ่ ใน การ ที่ ประชุม กัน นั้น. ใน
ระหว่าง สี่ เดือน นั้น, เขา ปฤกษา พร้อม ใจ กัน ทำ กดหมาย กอนสติ
ติวชัน นั้น. ครั้น ทำ แล้ว จึ่ง เอา ไป ให้ พวก กอนเค็รส, ให้ พิจา
รณ ดู, สุด แล้ว แต่ พวก กอนเค็รส จะ เหน ชอบ ด้วย ฤา ไม่.
๏ ฝ่าย พวก กอนเค็รส พิเคราะ ดู เหน ชอบ ด้วย พร้อม กัน
แล้ว, จึ่ง วาง หนังสือ กอนสติติวชัน นั้น, ไป ทุก หัว เมือง,
เพื่อ ประสงค์ จะ ให้ พวก ลิซีศเลเซอ, ทุก หัว เมือง พิจารณ ดู ว่า
จะ เหน ชอบ ด้วย ฤา ไม่. ๚ะ
๏ บท ที่ ๗, ใน กอนสติติวชัน นั้น ว่า, เพียง ๙ หัว เมือง
เหน พร้อม ใจ กัน, ใน กอนสติติวชัน นั้น เมื่อ ใด, ก็ จะ เอา ไป
ใช้ เปน กระทู้ กดหมาย, สำหรับ เมือง ยูใน ติศเทศ ได้ เมื่อ นั้น.
ตั้ง แต่ นั้น มา ประมาน ได้ สัก ปี หนึ่ง, พวก หัว เมือง ยูในติศเทศ
ก็ รับ เอา กอนสติติชัน นั้น มาก กว่า ๙ เมือง. ตั้ง แต่ นั้น มา
จึ่ง เปน เมือง หลวง ชื่อ ว่า, ยูใน ติศเทศ. คือ หลาย หัว เมือง
รวม เขา เปน เมือง หลวง อัน เดียว. แล ทุก หัว เมือง ปัติญาณ
กัน ว่า, จะ เปน หัว เมือง อัน เดียว กัน ต่อ ๆ ไป เปน นิจ มิ ให้ ขาด
เลย, ตาม หนังสือ กอนสติติวชัน, ซึ่ง เปน กะทู้ กดหมาย นั้น.
๏ ใน กอนสติติวชัน นั้น, มี ข้อ ความ ว่า, กอนเค็รด แห่ง
เมือง ยูในติศเทศ นั้น, จะ มี อำนาจ สั่ง ให้ กระทำ การ ศึก สง
คราม, แล ให้ มี หนังสือ หมาย ประกาศ ยอม ให้ จับ เรือ ใน มะ
หา สมุท ได้. แล เกน ทัพ บก ทัพ เรือ, แล เลี้ยง กอง ทัพ ได้.
แล เปรศซิเด็นต์ แห่ง เมือง ยูในติศเทศ นั้น, ถ้า ปฤกษา กับ
พวก เซนเอต, ๆ เหน ชอบ ด้วย แล้ว, จะ ทำ ไมตรี กับ เมือง
ต่าง ๆ ประเทศ ก็ ได้. อำนาจ ที่ กล่าว มา นี้, หัว เมือง ทั้งปวง
ก็ ยอม ยก ให้ แก่ กอนเคร็ด แล เปรศซิเด็น สิด ขาด ทั้ง นั้น.
๏ อนึ่ง ใน กอนสติติวชัน นั้น, มี กดหมาย ห้าม ว่า, อย่า
ให้ หัว เมือง ใด ๆ เข้า เปน ไมตรี กัน กับ เมือง อื่น ๆ, ฤๅ ให้
มี หมาย ประกาศ จับ เรือ ใน ท้อง ทะเล, แล ห้าม มิ ให้ หัว เมือง
ใด ๆ, ตั้ง กดหมาย พิกัด เก็บ ค่า ทำเนียม ปาก เรือ, ฤๅ เกน
ทัพ บก ทัพ เรือ, ใน เวลา ที่ มี ความ ศุข. แล ห้าม ไม่ ให้ เข้า กัน
กับ หัว เมือง อื่น ๆ, ฤๅ กับ เมือง ต่าง ประเทศ, ฤๅ ทำ การ ศึก
เลย, ถ้า เว้น ไว้ แต่ ฆ่า ศึก ล่วง เข้า มา, อยู่ ใน เขต แดน
แล้ว, ไม่ ทัน ที่ จะ เอา กอง ทัพ ใน เมือง หลวง มา ช่วย, เปน
การ ร้อน นัก. กดหมาย ห้าม เหล่า นี้, หัว เมือง ทั้งปวง เหน พร้อม
ใจ กัน ลง เปน ใจ อัน เดียว กัน. นอก ที่ ว่า มา นี้,มี ข้อ อื่น หลาย ข้อ
อัน มาก มาย, ที่ หัว เมือง ทั้งปวง, ได้ ยก อำนาฎ ให้ แก่ เมือง ยูไน
ติศเทษ, เปน สิด ขาด ที เดียว. แล มี หน้า ก็ ซ้ำ ว่า กอน สติติว
ซัน, แล กดหมาย แห่ง เมือง ยูใน ติศเทษ, เปน ใหญ่ กว่า กอน
สติติวซัน, แล ดกหมาย แห่ง หัว เมือง ทั้งปวง.
๏ อนึ่ง กอนสติติชัน แห่ง ยูในติศเทษ นั้น, ฝูง ราษฎร ทั้ง
หลาย แห่ง บันดา หัว เมือง ได้ รับ ไว้, ทั้ง บันดา ขุนนง แล เจ้า
พนักงาน ใน หัว เมือง, แล ได้ สาบาน ตัว ว่า, จะ รักษา กอนสติ
ติวชัน นั้น ไว้, ให้ ดี ไม่ ทำลาย เลย.
๏ เนื้อ ความ เปน เช่น นี้ มา นาน ประมาณ ได้ ถึง ๘๐ ปี มา
แล้ว, ก็ ไม่ ควร เลย ที่ จะ ว่า, กอนสติติวซัน แล กดหมาย หัว
เมือง, เปน ใหญ่ กว่า กอน สติติวซัน แล กดหมาย แห่ง เมือง ยูใน
ติศเทษ เล่า. ผู้ ที่ มัก ว่า เช่น นั้น, ดู เหมือน เปน คน เสีย จริต
เสีย แล้ว. ดุจ หัว เมือง ทั้งปวง ที่ ขึ้น แก่ อังกฤษ, จะ กลับ
กล่าว ว่า, เรา เปน ใหญ่ กว่า เมือง หลวง อังกฤษ. แล ดกหมาย
ที่ เมือง หลวง อันกฤษ จะ ทำ นั้น, เรา ก็ ขัด ได้, ไม่ ควร ที่ จะ
เข้าใจ ว่า, เปน การ กระบถ เลย.
๏ การ ที่ เมือง อเมริกา ฝ่าย ใต้ ได้ ทำ นั้น, ก็ เหมือน กัน เช่น
นี้. หัว เมือง ทั้ง ๑๓ หัว เมือง ฝ่าย ใต้ นั้น, ก็ เข้า ด้วย กัน เพื่อ จะ
หัก ทำลาย กอนสติติวซัน, แล ได้ เกน ทัพ บก ทัพ เรือ, เมื่อ
กำลัง มี ความ ศุข ใน เมือง. แล ให้ มี หมาย ประกาศ ทำลาย เรือ
ค้า ขาย แห่ง เมือง ยูไนติศเทษ, ได้ ทำ การ ศึก สงคราม ใหญ่ ต่อ
สู้ เมือง หลวง, เพื่อ จะ ได้ ออก จาก ใต้ ร่ม ธง เมือง หลวง. ซึ่ง
เปน เช่น นี้, ไม่ ควร จะ ว่า เปน การ ที่ ฝ่าย ใต้ หัก ทำลาย กอนสติ
ติวซัน ที่ เปน กะทู้ กดหมาย เมือง ยูในติศเทศ ฦๅ. แล การ กระบถ
ใหญ่ นั้น, มิ ควร ที่ เปรศซิเดนต์ลินกัน จะ ปราบ ปราม ฦๅ.
๏ อนึ่ง ความ กระบถนั้น, เกิด ขึ้น เมื่อ คฤศ ศักราช ๑๘๕๙
นี้. เดือน ดีเซมเบอ, เมื่อ มิศเตอบิวแคนนัน, ยัง เปน เปรศซิ
เดนต์อยู่, เปน สาม เดือน ก่อน ที่ มิศเตอลินกัน ขึ้น เปน เปรศซิ
เดนต์. ถ้า มิศเตอ บิวแคนนัน, เปน คน ถือ ซึ่ง ยุติธรรม
แขง แรง จริง, เหมือน อย่าง เปรศซิเดนต์ แยกชัน, ใน ๓๐ ปี
ก่อน ที่ ล่วง มา แล้ว นั้น, ก็ คง จะให้ ไป จับ คน ที่ เปน ต้น คิด
การ กระบถ นั้น, ให้ สำเร็จ โทษ เสีย ที่ เดียว. การ กระบถ ก็
คง จะ อยุด แต่ เพียง นั้น. แต่ มิศเตอบิวแคนนัน เปน คน สอง ใจ
ไป. จึง ไม่ อาจ จะ ห้าม ปราม แต่ เดิม มา. การ กระบถ นั้น จึง
บังเกิด ลุก ลาม ขึ้น มาก ไป ใน สามเดือน ที่ ท่าน ตกตลึง อยู่ นั้น.
๏ ประโยชน์ แห่ง ความ เพียร ๚ะ
๏ ใน เมือง พีเลเด็ลเฟีย เปน เมือง แว่น แคว้น ยูไนติศเทศ
อะเมริกา, มี ผู้ หนึ่ง ชื่อ ว่า โนลตัน, เปน คน ไม่ สู้ ฉลาด ใน วิชา
หนังสือ นัก. เปน คน รับ จ้าง ต่อ กำปั่น, แต่ มี อัทยาไศรย ไม่
เปน คน สักว่า เปนแต่ เห็น ด้วย ตา, แล มี ความ เพียร กล้า,
หมั่นพิจารณา ใน เหตุ การ ทั้งหลาย มาก. ได้ คิด ประดิฐ ทำ เครื่อง
จักร กลไก ให้ วิเสศ แปลก ประหลาด ได้ หลาย อย่าง. แล ได้ รับ
จ้าง เขา ทำ กำปั่น. เมื่อ เลิก จาก ทำ กำปั่น แล้ว, เพื่อน ที่ ต่อ
กำปั่น ด้วย กัน นั้น, ต่าง คน ต่าง เที่ยว ไป ตาม สนุก สบาย ของ
ตัว. บาง คน ก็ เที่ยว ไป ดู การ เล่น เต้น รำ, แล กระบวน แห่,
แล ยิง ปืน ขี่ ม้า บ้าง. บาง คน ก็ เที่ยว ชวน เพื่อน พา กัน เสพย์
สุรา, แล ซื้อ บันดา สิ่ง ของ ต่าง ๆ . บาง คน มี สุนักข์ น้อย อยู่
ตัว หนึ่ง, ก็ ไป ฝึก หัด สอน ให้ มัน เล่น เต้น รำ ทำ ท่า ยก ท้าว
แยก ขา ตาม ท่า ทำนอง เพลง ต่าง ๆ. ฝ่าย มิศเตอ โนลตัน นั้น,
นั่ง ระฤก ตฤก ตรอง เครื่อง กลไก มิ ได้ เที่ยว ไป ดุจ เขา เหล่า นั้น.
ได้ คิด ทำ เครื่อง จักร อย่าง หนึ่ง สำหรับ เลื่อย ไม้ คด งอ, ที่ เขา
ใช้ ใน ลำ กำปั่น. ก็ คน ทั้งหลาย แล ชาว เมือง อะเมริกา ได้ เหน,
ก็ ออก ปาก สรรเสิญ ชม ว่า ดี, ได้ ซื้อ เอา ไป ใช้ มาก. แล มิศเตอ
โนลตัน ได้ ขาย เครื่อง จักร เลื่อย ไม้, ให้ คน ทั้งหลาย ที่ เลื่อย ไม้
ต่อ กำปั่น. มา ภาย หลัง มิศเตอ โนลตัน ได้ คิด ทำ เครื่อง จักร
อีก สฐาน หนึ่ง, สำหรับ กลิ้ง ให้ กลม.
๏ ครั้น เคาเวอเมนท์ เมือง ยูไนติศเทศ อะเมริกา, ได้ เหน
เครื่อง ที่ มิศเตอ โนลตัน ทำ ไว้ นั้น ก็ ชอบใจ, เหน ว่า จะ ใช้ กลึง
ลูก ปืน ดี, ด้วย ว่า ลูก ปืน ที่ หล่อ ภาย นอก ไม่ เกลี้ยงเกลา,
ควร จะ แต่ง ให้ เกลี้ยง กลม, ก็ ซื้อ เอา ไป ใช้ กลึง ก็ ดี จริง.
ชอบใจ ปูน บำเหน็จ รางวัน ให้ แก่ มิศเตอ โนลตัน เปน อัน มาก.
๏ แล ใน กาล เร็ว ๆ วาน ซืน นี้, มิศเตอ โนลตัน ได้ คิด
ทำ เครื่อง จักร สำหรับ ไช สิลา แชง ให้ เปน รู อีก ชนิด หนึ่ง, ชั่ว
โมง หนึ่ง ไช รู ภูก ยี่สิบสอง นิ้ว. เมื่อ คน ทั้งหลาย ได้ เหน ก็
ออก วาจา สรรเสิญ หนัก. แล มี ผู้ หนึ่ง มา ขอ ซื้อ ปะเต็นท์,
คือ ยอม ให้ เขา เอาอย่าง ไป ทำ ขาย ณเมือง อังกฤษ จะ ให้ เงินหมื่น
เหรียญ. วิชา นี้ ได้ บังเกิด ขึ้น, เพราะ มิศเตอ โนลตัน เปน
คุณ เปน ประโยชน์ แก่ บ้าน เมือง, แล ตัว เขา ก็ มั่ง มี, แล ได้
ความ สรรเสิญ มาก ด้วย.
ข่าว มา แต่ เมือง อเมริกา
๏ ข่าว ที่ เมือง อะเมริกา ว่า, ทุก วัน นี้ การ ศึก ก็ สงบ ลง
แล้ว, มี ความ ศุข มาก ขึ้น. ฝ่าย พวก ขบถ ก็ ได้ หนี เข้า ใน
เมือง เมกซิโก ประมาณ ๑๒๐๐๐ คน, ดู ที่ เหมือน จะ เข้า บัน
จบ กับ ทัพ เอมบีรอ ที่ มี ชื่อ แมกซิมิเลียน, ที่ เอมบีรอ ฝรั่งเสศ
ได้ ตั้ง ไว้ ให้ เปน เจ้า เมือง เมกซิโก นั้น.
๏ อนึ่ง ผู้ ที่ คิด การ กัน กับ วิลซะบุศ ฆ่า เปรศซิเดนต์ ลินกัน
นั้น, พิจารณา เปน สัจ ให้ ลงโทษ ผูก คอ แขวน ตาย สี่ คน แล้ว,
เมื่อ ณวัน สุกร เดือน แปด แรม สิบสี่ ค่ำ. ยัง มี อีก เจ็ด แปด คน,
ที่ คิด การ ร้าย ดั่ง นั้น, ต้อง อยู่ ใน เรือน จำ จน สิ้น ชีวิตร.
๏ อนึ่ง เปรศซิเดนต์ เดวิด ฝ่าย ขบถ นั้น ยัง จำ อยู่. ใน
ข่าว ว่า จะ พิจารณา ตัดสิน เปรศซิเดนต์ เดวิด แต่ ณเดือน สิบเอ็ด,
มี พยาน หลาย คน ว่า, เปรศซิเดนต์ เดวิด คิด การ ฆ่า เปรศซิเดนต์
ลินกัน เปน หลาย คน, ดู การ เหมือน จะ เปน ดั่ง นั้น แน่.
๏ อนึ่ง เปรศซิเดนต์ ยอนซัน, ป่วย อยู่ หลาย วัน โรค นั้น ก็
ค่อย บันเทา ลง. มี ข่าว มา ภาย หลัง ว่า, ท่าน ออก ว่า ราช
การ ได้ แล้ว. แล การ ที่ จัด แจง หัว เมือง อเมริกา ฝ่าย ใต้, ที่
ยับ เยิน ลง เพราะ พวก ขบถ นั้น, ให้ ตั้ง เคาเวอเมนท์ ขึ้น ใหม่
เปน การ ใหญ่ นัก. บัดนี้ กำลัง ทำ อยู่ ทุก วัน. เคาเวอเมนท์
แห่ง เมือง ยูไนติศเทศ, จะ มิ ได้ ยอม ให้ มี การ ใช้ ทาษ นั้น อีก
เลย. แล ทั้ง สี่ ล้าน คน ที่ ปล่อย ออก จาก ที่ เปน ทาษ นั้น, ก็
จะ ยอม ให้ เปน ใหญ่ แก่ ตัว, ได้ นับ เข้า ใน ฝูง ราษฎร ต่อ ไป.
และ ดู เหมือน จะ ยอม ให้ เขา มี อำนาภ, อาจ จะ เลือก ตั้ง ขุน นาง
ขึ้น เปน เจ้านาย ของ ตน ได้. ถ้า ดังนั้น ก็ เหน ควร แก่ การ นัก.
แต่ บัดนี้ พวก ชาติ อฟริกา เหล่า นั้น, ได้ เกิด ความ ทุกข์ ต่าง ๆ,
เพราะ พวก ผิว ขาว ชาติ ยูรบ, ที่ ได้ เปน นาย แต่ เดิม นั้น, ก็
ยัง มี ใจ ดู หมิ่น ใน คน ชาติ นั้น นัก. แล ใจ หมาย จะ ข่ม ขี่ ต่อ
ไป อีก. แต่ เคาเวอเมนต์ นั้น ห้าม มิ ให้ ทำ. ถึง กระนั้น ก็ เกิด
ความ ถะเลาะ ข่ม ขี่ ชาติ อฟริกา นั้น เนื่อง ๆ.
๏ อนึ่ง เคาเวอเมนต์ ยูไนติศเทศ, ได้ ลง ทุน ใน การ
ปราบ พวก ขบถ เมื่อ ปี แล้ว มา นี้, ถึง พัน สอง ร้อย ล้าน เหรียน,
คิด เปน วัน ละ สาม ล้าน ห้า แสน เหรียน.
๏ อนึ่ง ขุน นาง ผู้ ใหญ่ ดู แล อยู่ ฝ่าย คลัง หลวง, มี หนังสือ
บอก ไว้ ว่า, มี ฝ่าย บด ที่ เขา เก็บ มา แต่ ฝ่าย ใต้ นั้น, สอง ล้าน
เบละ จะ จำหน่าย โดย เรว ๆ. เบละ หนึ่ง คิด ประมาณ ได้ เจ๊ดร้อย
หาบ,คิด ราคา เบละ ๑ ๓๐๐ เหรียน,เปน เงิน ๒๖๐๐ ล้าน เหรียน.
๏ อนึ่ง เคาเวอเมนต์ เมือง ยูไนเตดสเตศ, ได้ ใช้ เรือ รบ
ไป ใน ประเทศ ยูรป หลาย ลำ แล้ว, แล จะ ใช้ เรือ รบ ไป เมือง
จีน, เมือง สิงคโปร์, เมือง กาลกัตตา, มาก ภอ ที่ จะ เสมอ กับ
เรือ รบ เมือง อังกฤษ, แล เมือง ฝรั่งเสศ, ที่ มี มา ใน น้ำ เหล่า นั้น.
คง จะ แวะ เข้า มา ใน กรุง เทพ นี้ บ้าง. ๚ะ
ขาว มา แต่ ประ เทศ ยูรป
๏ ว่า พระ ราช บุตร์ องค์ ใหญ่ เอมเปร็รอ เจ้า เมือง ฝรั่งเสศ ที่
ทรง ประชวน นั้น ก็ หาย ดี แล้ว. พระ โรค นั้น เกิด เพราะ ครู เร่ง
ให้ เรียน หนังสือ, เพื่อ จะ ให้ มี พระ สติ ปัญญา ฉลาด, เกิน ที่
สม ควร แก่ เด็ก.
อนึ่ง ที่ เมือง อังกฤษ เมื่อ ณวัน เดือน แปด ข้าง แรม, ราษฎร
มี การ เลือก ตั้ง ขุนนาง สำหรับ ว่า ราชการ, ที่ ปาลิเมนต์ เมือง ลอน
ดอน ใหม่, เปน การ ร้อน รน. แล คน ทั้งปวง แบ่ง ออก เปน สอง
พวก, ๆ หนึ่ง เรียก ว่า กอนเซอเวติฟ, แปล ว่า พวก ที่ ชอบ ขนบ
ธรรมเนียม เดิม ที่ เดียว, พวก หนึ่ง เรียก ว่า ลิบอืรัล, แปล ว่า
พวก ที่ ชอบ ใจ ให้ ตั้ง ขนบ ธรรมเนียม ดี ขึ้น กว่า แต่ ก่อน. ฝ่าย
พวก ลิบอืรัล, เมื่อ กำลัง เลือก ขุนนาง, ก็ ได้ ไชยชนะ แก่ พวก
กอนเซอเวติฟ หลาย อย่าง, แล เกิด ความ เถลาะใหญ่ หลาย แห่ง
เพราะ ความ แข่ง กัน เลือก ขุนนาง นั้น.
๏ อนึ่ง มี ข่าว มาว่า, เรือ อังกฤษ ลำใหญ่ ชื่อ เกรดอีช
เตน นั้น ได้ ออก ไป วาง แอตลันติก เตลี่แครฟ ๒๐๐ ไมล์แล้ว.
แล มี ข่าว มา เมื่อ ภาย หลัง ว่า วาง ไม่ ได้ อีก, การ นั้น เสีย ไป
แล้ว, แต่ทว่า จะ เสีย ฤๅ ยัง ไร ไม่ รู้ แน่.
๏ อนึ่ง มี คน อังกฤษ คน หนึ่ง, คิด วิชา ใหม่ ดี ยิ่ง นัก,
อัน วิชา นั้น เรียก ว่า ปั๊กกา ไฟฟ้า. เหมือน ยัง ใน กรุงเทพ นี้ มี
ทาง ไฟ ฟ้า, วาง สาย ขึ้น ไป ถึง กรุง ลอนดอน ก็ ดี, แล มี คน
หนึ่ง เขียน หนังสือ อยู่ ข้าง ต้น ลวด นี้, ปลาย ลวด ลอนดอน ก็
เขียน ได้ เปน เนื้อ ความ อัน เดียว กัน, ตัว ก็ เหมือน แล เล่น สาย
ก็ มิ ได้ ผิด กัน, แล่น เร็ว เหมือน สาย ฟ้าแลบ.
น้ำ ท่วม เมือง จีน ฝ่าย เหนือ
๏ หนังสือ จดหมาย เหตุ มา แต่ เมือง จีน กล่าว ว่า, เมือง
เซียงไฮ้, แล เมือง ฮัง กาว, แล เมือง อื่น หลาย เมือง ฝน มาก
เกิน นัก, น้ำ ท่วม เข้า แล ฝ้าย ก็ เสีย มาก. ฝูง ราษฎร ทั้งปวง
มี ความ ลำบาก มาก เพราะ เข้า แพง, แล ฝ้าย ก็ จะ แพง ด้วย.
แล นาย ห้าง จีน สำแดง ความ เมตา, เรี่ย ราย เงิน แจก จาย ให้
แก่ คน ยาก จน ก็ มาก, แต่ ยัง หา ภอ ไม่. ถึง มาท ว่า เคา
เวอเมนต์ เมือง จีน จะ เกลื้อ หนุน บ้าง ก็ ยัง ไม่ ภอ. ถ้า แม้น
ถึง ระดู หนาว ข้าง น่า, จะ หนาว เหมือน เมื่อ คราว คฤช ศักราช
๑๘๖๑, แล ๖๒ นั้น, ก็ จะ เกิด ความ น่า พิลึก พึง กลัว นัก.
ใช่ ว่า ได้ เสีย แต่ เข้า เมื่อไร มี, คน ก็ เสีย เพราะ น้ำ ท่วม ตาย
มาก. อนึ่ง ที่ เมือง นันกิ่น นั้น, น้ำ ท่วม ขึ้น ไป ถึง ชาน เขา,
ที่ เจ้า เมือง อยู่ นันกิ่น นั้น น้ำ ภุก เพียง เข่า.
๏ ที่ โยโกฮามะ แขวง เมือง ญี่ปุ่น ฝน มาก เกิน นัก, น้ำ ท่วม
เข้า ก็ เสีย ไป เมื่อ แรก พึ่ง จะ ตั้ง ต้น นั้น, ผล เผือก มัน ต่าง ๆ
ก็ เน่า ไป. แล ผู้ ที่ มี เข้า ขาย ก็ หา ขาย ไม่, เกิด ความ โลภ
ยาก จะ ไว้ ขาย เมื่อ มี ราคา มาก ขึ้น. แต่ บัดนี้ เข้า ใน เมือง
นั้น, ก็ มี ราคา มาก กว่า แต่ ก่อน สอง เท่า แล้ว. อัน ความ
ลำบาก ก็ มา อยู่ ต่อ น่า พลไพร่ ที่ เมือง ญี่ปุ่น แล้ว, ควร น่า จะ สง
สาร นัก. แล กลัว ว่า คน มั่งมี จะ หา มี ความ เมตา ไม่, เหมือน
อย่าง เศรษฐี ที่ เมือง จีน นั้น.
๏ มีข่าว มาว่า, เจ้าเมือง จีน ได้ตั้ง แม่ ทัพ ใหม่, ชื่อ
ตเซงคูฟั่น ให้ เปน แม่ ทัพ รับ อาญาสิท อยู่ ใน กอง ทัพ. แล
พวกต่าง ๆ ประเทศ ที่ เมือง จีน, เหน ว่า เปน เหตุ ใหญ่ ที่ ควร
จะ หวัง ใจ หมาย ว่า, จะ ได้ เปน ดี ต่อ ไป ใน เบื้อง น่า. แล ได้
ตั้ง ซัน เปน แม่ ทัพ, เมื่อ ณวัน พุท เดือน เจ็ด ขึ้น เจ็ด ค่ำ ปี ฉลู
สัปตศก.
๏ มี ข่าว มาแต่ เมือง จีน ว่า,เรือ กลไฟ สยาม ชื่อ ไวเคาต์แกน
นิ่ง, กัปตัน ชื่อ ซฮันนัน, เกิด ความ เถลาะ ทุ่ม เถียง กัน ใน
เรือ เมื่อ ณวัน สุกร เดือน เก่า ขึ้น สี่ ค่ำ, เมื่อ กำลัง แล่น เรือ มา
ขาก เอมอย จะ ไป เมือง เซี่ยง ไฮ้. แล มี กอง ทหาร เมือง จีน โดย
สาน ไป. เขา มี นาย คน ชื่อ ยัง. ความ เถลาะ กัน นั้น ก็ เกิด
เพราะ ลูก เรือ คน หนึ่ง, เมื่อ เขา กำลัง ทำการ อยู่ บน ดาษ ฟ้า
นั้น, เขา จึ่ง บอก ให้ นายทหาร นั้น ลีก ไป ให้ พ้น จาก ทาง,เพราะ
กีด ขวาง เขา จะ ทำ การ. ฝ่าย นายทหาร ก็ ถือ ตัว, แล้ว โกรธ ลูก
เรือ จึ่ง ตี ลูก เรือ. ครั้น ต้นหน เหน ดัง นั้น ก็ เข้า ช่วย ลูก เรือ.
แล้ว กอง ทหาร ก็ ร้อง ขึ้น ตาม ธรรมเนียม ทหาร, จึ่ง เกิด ตี กัน
ตลุมบอน ขึ้น. ฝ่าย ต้นหน ลูก เรือ สอง คน นั้น ถูก ตี เจบ ปวย
มาก, แล ทหาร คน หนึ่ง ก็ ถูก ด้วย, น่า กลัว จะ เปน อัน ตราด
แก่ เขา.
ข่าว มา แต่ เมือง ยาวา แขวง กล๋าป๋า
๏ เมื่อ ณวัน พุทธ์ เดือน เก้า แรม เก้า ค่ำ, เพลา กลาง คืน
เกิด แผ่นดิน ไหว ใน ตำบล อำเปรราวา, ใกล้ กับ เมือง สำปะหลัง
เรือน แล ตึก ที่ ใน บ้าน นั้น พัง ลง แทบ จะ หมด. ป้อม ที่ ไว้ ปืน
แล ลูก ดิน ก็ ทำลาย เสีย จะ ใช้ ต่อ ไป มิ ได้. แต่ ข่าว นั้น ว่า คน
หา ได้ ตาย ใน การ นั้น ไม่.
ข่าว ที่ กรุง เทพ ๚
๏ ว่า มิศเตอ เซมซ์. เอ็ม. ฮูด. เปน กงสุล อเมริกา ว่า
การ ที่ กรุง เทพ, ฯ มา ถึง เมื่อ ณวัน เสาร์ เดือน ๑๐ แรม สี่ ค่ำ,
ก็ ได้ ภรรยา นั้น มา ด้วย. ได้ รับ การ กงสุล เมื่อ ณวัน พุทธ
เดือน ๑๐ แรม ๘ ค่ำ. มิศเตอ เวอชิน ผู้ ว่า ที่ กงสุล ก่อน นั้น ได้
โดย สาน เรือ เจ้า พระยา ออก จาก กรง. เมื่อ ณวัน ประหัศ เดือน
๑๐ แรม ๙ ค่ำ, เพื่อ จะ ไป เที่ยว ที่ สิงคโปร, แล เมือง ปีแนง,
แล้ว จะ กลับ มา ทำ การ นาย ห้าง ต่อ ไป.
๏ อนึ่ง อู่แห้ง ของ กัปตัน บูช แอนก๋ ปนี, ที่ ได้ อุษาห์ ทำ ใน
๑๒ เดือน นี้ พึ่ง จะ แล้ว. เปน อู่ ดี กว่า ที่ เคย มี มา ใน กรุง
เทพ แต่ ก่อน โดย มาก. ครั้น เรือ เข้า อู่ ได้ แล้ว, ก็ ปิด ปะตู
มิ ให้น้ำ ไหล เข้า ออก ได้ ใน ครึ่ง โมง ก็ แล้ว. แล เอา สูบ กล
ไฟ ให้ ดูด น้ำ ใน อู่ นั้น แห้ง ได้ โดย สดวก, ใน ระวาง สี่ โมง แปด
โมง ก็ แห้ง ได้.
๏ อนึ่ง เรา ได้ ยิน ข่าว มิศเตอ เซ. ดับละยู. ติศ, ที่ กรุง เทพ
นี้, ได้ เมล็ด ฝ้าย มา แต่ เมือง อเมริก เปน พืช น์ อัน ดี, หมาย
ว่า จะ ปลูก ขึ้น ฝ่าย เหนือ ประ เทษ ไทย, ที่ ตำบล เมือง พี่ไชย, แล
เคาเวอเมนต์ สยาม ได้ โปรด ให้ มิศตืด เปน นาย สำหรับ บังคับ ใน
การ บด ฝ่าย นั้น. จะ บด ด้วย เครื่อง จักร ที่ มา แต่ ประเทษยูรบ.
ฝ่าย ที่ บด นั้น คง จะ ดี ขึ้น กว่า แต่ ก่อน.
๏ อนึ่ง มงเซีย ออเบริ์, กงสุล ฝรั่งเสศ ได้ ออก ไป
เมื่อ ณวัน อังคาร เดือน ๑๐ ขึ้น สิบ ห้า ค่ำ, ตั้ง แต่ นั้น มา
จึ่ง มี ความ สุข หา ได้ เกิด ความ ขุ่น เคือง สิ่ง ใด ไม่. ท่าน
จะ กลับ มา อีก ฤๅ ยัง ไร หา รู้ แน่ ไม่. ถ้า ท่าน จะ เปน
กงสุล ต่อ ไป ที่ ไหน ๆ, เรา เหน ควร จะ เปน ที่ อื่น, ที่ ไม่
สู้ มี เหตุ ขัด ใจ ท่าน เหมือน ที่ กรุง เทพ นี้. กงสุล เมื่อ จะ
ไป, กลับ มา ขอ โทษ แก่ ใน หลวง เปน ความ ลับ กระซิบ,
กระซาบ, ให้ บ่าว ไป ขอ โทษ หม่อม ราโชทัย. แต่ มงเซีย ถะ
มาซิ หลวง อุป เทศ ฝรั่งเสศ นั้น, เรา ได้ ยิน ข่าว ว่า จะ เลื่อน
จาก ที่ นั้น, แล จะ เลื่อน ขึ้น ฤๅ เลื่อน ลง, ก็ หา แจ้ง ไม่.
ถ้า จะ โปรด ให้ เลื่อน ขึ้น อยู่ ฝ่าย นาย ทหาร, ก็ จะ เปน
ความ อัศจรรย์ ใจ แก่ คน ทั้งปวง.
ราคา สินค้า เมือง จีน
๏ ณวัน เสาร์ เดือน เก้า แรม ห้า ค่ำ ปี ฉลู สัปศก.
น้ำตาล ทราย, เมือง ฮองกง ขาย ใน ๑๕ วัน นั้น ถึง สอง หมื่น ห้า
รอ้ย หาบ. น้ำตาล ทราย ขาว ราค้า ขึ้น กว่า แต่ ก่อน, หาบ ละ
๑๐ เซนต์. ใน วัน แรม ห้า ค่ำ นั้น น้ำตาล ทราย ขาว ที่ หนึ่ง ขาย
หาบ ละ ๘ เหรียน ๓๐ เซนต์, แล ๘ เหรียน ๕๐ เซนต์. ๏ ที่
สอง หาบละ ๗ เหรียน ๘๐ เซนต์, แล ๘ เหรียน ๑๐ เซนต์. ๏ ที่
สาม ๗ เหรียน ๖๐ เซนต์, แล ๗ เหรียน ๗๐ เซนต์. ๏ น้ำตาล
แดง ๕ เหรียน ๖๐ เซนต์, แล ๕ เหรียน ๗๐ เซนต์. ๏ ที่
เมืองเชียงไฮ้, น้ำตาลทรายขาว ๗ เหรียญ ๑๔ เซนต์, แล ๙
เหรียญ ๕ เซนต์. ๏ น้ำตาลแดง ๖ เหรียญ ๕๕ เซนต์, แล
๗ เหรียญ ๖๐ เซซต์. ๏ ที่โยโกฮามาแขวงเมืองญี่ปุ่น, น้ำ
ตาลทรายขาว หาบละ ๙ เหรียญ ๕๐ เซนต์. ๏ น้ำตาลแดง
หาบละ ๕ เหรียญ ๙๐ เซนต์, แล ๖ เหรียญถ้วน. ๏ น้ำตาล
กรวด ๑๖ เหรียญ และ ๑๖ เหรียญครึ่ง.
๏ เข้าสาล ที่ เมือง ฮ่องกง, ราค้า กำลัง ขึ้น กว่า แต่ ก่อน
เพราะ ฝน ที่ ฝ่าย เหนือ เมือง จีน มาก เหลือ เกิน เข้า จึง เสีย, แล
ฝน ฝ่าย ใต้ แล้ง เข้า จึง เสีย. ใน ๑๕ วันนั้น เขา ขาย เข้า ที่
เมือง ฮ่องกง นั้น ถึง แสน หนึ่ง กับ สอง หมื่น, พัน หนึ่ง กับ ๔๐๐
หาบ. ราค้า เข้า ใน วัน แรม ห้า ค่ำ นั้น, คือ เข้า บังกะลา สอง
เหรียญ ๕๕ เซนต์, แล ๓ เหรียญ ๑๐ เซนต์. ๏ เข้า กล้อง
เมือง สยาม ๒ เหรียญ ๓๐ เซนต์, แล ๒ เหรียญ ๔๐ เซนต์. เข้า
อย่าง กลาง ๒ เหรียญ ๕๕ เซนต์, แล ๒ เหรียญ ๗๐ เซนต์.
เข้า ขาว ๒ เหรียญ ๘๐ เซนต์, แล ๓ เหรียญ ถ้วน.
๏ เข้า เมือง ไซ่งอ่น ๒ เหรียญ ๖๕ เซนต์, แล ๒ เหรียญ
๗๐ เซนต์. ๏ เข้า เมือง มนีลา ๒ เหรียญ ๘๕ เซนต์, แล ๓
เหรียญ ๓๐ เซนต์. ๏ เข้า ขาว เมือง ย่าง กุ้ง ๒ เหรียญ ๖๕ เซนต์,
แล ๒ เหรียญ ๘๐ เซนต์. เข้า กล้อง ๒ เหรียญ ๑๕ เซนต์,
แล ๒ เหรียญ ๒๕ เซนต์. ๏ ที่ เมือง เชียง ไฮ้ราค้า เข้า กำลัง
ขึ้น เพราะ ฝน ตก มาก เหลือ เกิน, ไม่ ใคร่ จะ ซื้อ ขาย กัน เพราะ
คอย ดู ว่า เข้า ใหม่ จะ มี มาก ฤๅ นอ้ย. เข้า ใน นา ที่ เมือง นิ่ง โป
เกือบ จะ เกี่ยว ได้, แต่ จะ มี นอ้ย กว่า ปี่ กลาย ประมาณ ใน ๑๐๐
ส่วน, ถ้า จะ แบ่ง ใน ๑๐๐ ออก เปน ห้า ส่วน, เฃ้า จะ ขาด ส่วน
หนึ่ง ได้ แต่ ๔ ส่วน. ๏ ที่ เมือง เอมอย, เข้า ย่าง กุ้ง ขาย หาบ ละ
๒ เหรียญ ๗๕ เซนต์, แล ๓ เหรียญ ๘๐ เซนต์. ๏ เข้า เมือง
ไซ่งอน ๒ เหรียญ ๙๐ เซนต์. ๏ เข้า ขาว เมือง สยาม ๒ เหรียญ
๘๐ เซนต์, เข้า กล้อง ๒ เหรียญ ๒๐ เซนต์. ๏ เข้า เมือง มนีลา
๒ เหรียญ ๙๐ เซนต์. ๏ เข้า เมือง บังกลา ๓ เหรียญ ๑๐ เซนต์.
๏ ฝิ่น ที่ เมือง ฮ่องกง, อย่าง ที่ เรียก ว่า ปั๊ดนา ใหม่ หีบ
ละ ๔๔๐ เหรียญ, แล ๔๕๕ เหรียญ. ๏ อย่าง ที่ เรียก ว่า บินา
เรศ ใหม่ นั้น หีบ ละ ๔๕๕ เหรียญ. ๏ อย่าง ที่ เรียก ว่า มะละวา,
หีบ ละ ๗๓๐ เหรียญ.
๏ ฝ้าย บก, ขา เข้า ใน ๑๕ วัน นั้น ถึง ๑๙๐๐ ยก, มา แต่
เมือง บังกลา, เปน อย่าง ไม่ สู้ ดี จึ่ง ขาย ถูก, เปน เบละ ๒๕
เหรียน ครึ่ง. อย่าง ที่ ยัง ชั่ว น่อย หนึ่ง เบละ ๒๖ เหรียน ครึ่ง,
แล ๒๗ เหรียน ถ้วน. ฝ่าย เกิด ที่ เมือง จีน ฝ่าย เหนือ นั้น, แต่
ปี นี้ จะ มี นัย เพราะ ฝน มาก, แล น้ำ ท่วม ที่ เมือง เซียงไฮ้ กำ
ลัง ขาย, เบละ ๒๙ แล ๓๑ เหรียน. ๏ ฝ่าย เมือง บังกลา ๒๕
เหรียน แล เบละ ๒๗.
๏ พฤกไท ขาว, หาบ ละ ๑๑ เหรียน. พฤกไท ดำ หาบ ละ
๖ เหรียน ๗๕ เซนต์, แล ๗ เหรียน.
๏ หมาก หาบ ละ ๓ เหรียน ๗๐ เซนต์. ขาย ใน ๑๕ วัน
ได้ ๒๕๐ หาบ.
๏ ฝาง แห่ง เมือง มนิลา, หาบ ละ เหรียน ๕๐ เซนต์, แล
เหรียน ๗๐ เซนต์. ฝาง เมือง สยาม หาบ ละ ๒ เหรียน ๒๐
เซนต์, แล ๒ เหรียน ๔๐ เซนต์.
๏ เปลือก โปรง, หาบ ละ ๘๐ เซนต์, ขาย ใน ๑๕ วัน
ได้ ๑๔๐๐ หาบ.
คาดใบหนึ่ง
๏ หนังสือ คาด แห่ง มิศเต.เอ. แซกเลอ, เปน ผู้ ช่าง ชัก รูป
มา ถึง ท่าน ทั้งหลาย, ด้วย ข้าพเจ้า เข้า มา อยู่ ใน กรุง เทพย์, มี
เครื่อง สำรับ ชัก รูป ที่ โฮเตล แห่ง มิศเตอ ฟอสต์, ที่ ถนน ใหม่ ชื่อ
เจริญ กรุง นั้น. จะ ชัก รูป เล็ก ใหญ่ เพียง สิบ ห้า นิ้ว อังกฤษ ก็
ได้. แล ข้าพเจ้า พร้อม ใจ จะ ไป ที่ บ้าน ผู้ ใด ผู้ หนึ่ง, เพื่อ จะ
ชัก รูป ตึก แล เรือน แล ของ อื่น ต่าง ๆ, ตาม ที่ ท่าน ทั้งหลาย
จะ ต้อง ประสง. เขียน เมื่อ ณวัน ศุกร์ เดือน สิบ แรม สิบ ค่ำ.
๏ ผู้ ที่ จะ มา ชัก รูป
๏ อนึ่ง เมื่อ เรือ กล ไฟ เจ้าพยา จะ กลับ มา ถึง อีก, จะ มี
ชาว ประเทศ ยูโรบ คน หนึ่ง, ที่ เปน ช่าง ชัก รูป, ชื่อ มิศเตอ
ตอมซัน, หมาย ว่า จะ มา ด้วย ครั้ง นั้น, เพื่อ ประสงค์ จะ ได้ ชัก
รูป ต่าง ๆ ใน กรุง เทพ ฯ. ด้วย จะ เอา ไป สำแดง ที่ ประเทย ยู
โรบ. เขา จะ อยู่ ใน กรุง ฯ สัก สาม ขวบ อาทิตย์ แล้ว, จะ กลับ
ไป. เขา จะ อาไศย อยู่ ที่ กับบีตัน เอม นาย กอง เตวน.
๏ บางกอก ดอกกำปนี คือ เจ้า ของ อู่ ใหม่
๏ อู่ แห่ง นี้ พึ่ง ทำ แล้ว, พร้อม ใจ จะ รับ เรือ ใหญ่ น้อย ทุก
อย่าง. เชิญ ให้ ท่าน เจ้า ของ เรือ, แล นาย เรือ ทั้งหลาย, จง พึ
จารณา ดู อู่ ใหม่ นี้. คง จะ เหน ว่า เปน อู่ ดี กว่า อู่ ทั้งปวง ใน บุระ
ประเทศ นี้. จะ ได้ แก้ เรือ ซ่อม แปลง เสีย ใหม่ โดย สดวก ดี. ที่
อู่ นั้น ยาว ได้ ๓๐๐ ฟุต, แล คง จะ ให้ ยาว กว่า นั้น อีก. โดย กว้าง
ได้ ๑๐๐ ฟุต, ลึก ๑๕ ฟุต. ที่ ปาก อู่ มี ปะตู เรียกว่า ไกซัน, ถ้า
จะ ปิด มิด ได้ โดย เร็ว. ที่ นอก ปาก อู่ ใน ออก ไป นั้น, จด ถึง
ลำ แม่น้ำ โดย ยาว ๑๒๐ ฟุต. มี เขื่อน สอง ฟาก กว้าง ขวาง แขง
แรง นัก, กำปั่น เล็ก กำปั่น ใหญ่ จะ จอด อาไศร ยู่ ปาก อู่ ได้ ใน
ทุก เวลา ไม่ เปน อันตราย เลย. แล มี เครื่อง จัก สำรับ ยก เสา
กะโดง, แล ม่อ น้ำ สำรับ กล ไฟ แขง แรง นัก. อู่ นั้น พร้อม
ด้วย เครื่อง สูบ ไป ด้วย กำลัง กลไฟ. มี แรง มาก เพื่อ จะ ได้ สูบ
น้ำ ให้ ออก ได้ โดย เร็ว ได้, ไม่ ว่า น้ำ ขึ้น น้ำ ลง. พร้อม ด้วย
เครื่อง ใช้ ใน การ ทำ เรือ ใบ แล เรือ กล. แล การ นั้น มี นาย ที่
เปน ชาติ ยูรบ, ได้ เคย ทำ การ เช่น นั้น หลาย ปี, จึง ชำ นาณ
ใน การ เหล่า นี้ ทุก อย่าง.
๏ แล ลูก จ้าง สำรับ อู่ นั้น เปน คน เลือก มา แต่ ฮ่องกง แล
วัมภู ทั้ง นั้น, เปน คน ชำนาญ ใน การ นั้น. ๏ พวก กำปะนี แห่ง อู่
นั้น, ปราถนา ที่ จะ ให้ คน ทั้งหลาย พิเคราะห์ ดู ว่า, อู่ นี้ ตั้ง อยู่ ที่ มี่
ไม้ สัก บริบูรณ แล ถูก ด้วย. ๏ อนึ่ง อู่ นี้ มี จักร เลื่อย ไม้, เพื่อ จะ
ได้ การ เร็ว. หมอน ที่ รอง เรือ สูง สี่ ฟุต, แล จะ ชัก ออก เมื่อ ใด
ก็ ชัก ได้ โดย สดวก, ไม่ ต้อง เสีย อะไร ใน การ เปลี่ยน หมอน นั้น.
๏ อนึ่ง พวก กำปะนี แห่ง อู่ นั้น, จะ รับ ธุระ คิด ใน การ ที่
จะ ต้อง ลง ทุน ซ่อม แปลง เรือ, แล จะ รับ เหมา เอา การ นั้น,
เรือ ไม้ ก็ ดี เรือ เหล็ก ก็ ดี, แล จะ รับ ต่อ เรือ ใบ เรือ กล ไฟ ฤๅ
การ ใด ๆ ที่ ใน การ ช่าง ต่อ เรือ ซ่อม แปลง เรือ. ๏ ไม้ แล
เหล็ก แล ของ อื่น ๆ ที่ จะ ต้อง ซื้อ นั้น, เรา จะ ขาย ให้ ตาม ราคา
ตลาด กรุงเทพ นี้. ๏ อนึ่ง เรือ ทั้งหลาย ที่ จะ เข้า อู่ นั้น, จะ มา
จอด ที่ ทุ่น แห่ง กำปะนี ฤๅ ที่ เขื่อน นอก อู่ นั้น, ไม่ ต้อง เสีย เงิน
กว่า ผู้ ที่ เปน นาย การ จะ สั่ง ให้ เลื่อน ออก จาก ที่ นั้น เมื่อ ใด.
๏ อนึ่ง กปิตัน แห่ง เรือ ทั้งหลาย, เมื่อ จะ ออก จาก อู่ นั้น,
ต้อง เขียน ชื่อ ตัว ลง ที่ บาญชี แห่ง นาย อู่ นั้น เสีย ก่อน จึ่ง ออก
ได้. ๏ อนึ่ง แต่ บันดา หนังสือ, ที่ จะ ฝาก มา ถึง อู่ นั้น, ต้อง
ฝาก ไป ถึง กะปิตัน ยอน บุช กว่า จะ ได้ เปลี่ยน อย่าง นั้น, บัดนี้
กะบิตัน บุช เปน นาย กอง นั้น, เปน เจ้า กระทรวง ใน การ ที่ จะ
ใช้ เงิน เกบ เงิน แต่ ผู้ เดียว.
นายช่าง ต่าง ๆ
๏ ผู้ ที่ จด ชื่อ ที่ สุด ท้าย หนังสือ นี้, เคย ทำ การ ช่าง ใน
ประเทศ ยูรบ มา หลาย ปี่, คือ เปน ช่าง จักร, ช่าง เอนชิเนีย, แล
เคย ชำนาญ ใน การ ทำ แผนที่, แล การ คิด ราคา เครื่อง จักร
ต่าง ๆ, แล ได้ รับ การ ตั้ง แล ซ่อม แปลง หม้อ น้ำ กล ไฟ, แล
จักร หีบ อ้อย, แล เครื่อง ไฮโดร เอกซ์แทรกตอ สำหรับ ให้ น้ำตาล
แห้ง เร็ว. แล เครื่อง จักร สี เข้า, แล เครื่อง จักร เลื่อย ไม้, แล
เครื่อง หีบ น้ำมัน มพร้าว. แล เครื่อง จักร สำหรับ กวาด ตกั่ว, แล
เงิน แล ทอง แดง, แล เครื่อง อัฏ ชื่อ ไฮดรอลิกเปรสซ์, แล ตะ
ภาน เหล็ก, เครื่อง เหล็ก สำรับ ยก ของ ที่ ตะภาน กำปั้น, แล จักร
น้ำ, แล เครื่อง สำรับ จักร ต่าง ๆ, แล การ ใส่ ฟัน จักร ใหญ่, แล
จักร สำรับ สูบ น้ำ ซึน บน พื้น นา, แล การ ช่าง อื่น ต่าง ๆ.
๏ ข้าพเจ้า ขอ แจ้ง มา ถึง เจ้าของ เรือ กลไฟ, แล จักร สี
เข้า, แล จักร หีบ อ้อย, แล ผู้ อื่น ๆ ทั้งปวง ว่า, ข้าพเจ้า พร้อม
ใจ จะ รับ เอา การ ที่ ว่า มา แล้ว ใน หนังสือ นี้. ถ้า ผู้ ใด ๆ ปราถนา
มา หา ข้าพเจ้า โดย การ นี้, ขอ เชิญ ท่าน มา หา ข้าพเจ้า ที่ อู่ ใหม่
ตำบล บ้าน คอก ควาย ใน แขวง กรุง เทพ นี้, ให้ มา ใน ระหว่าง
เวลา สี่ โมง เช้า, แล สี่ โมง บ่าย.
๏ แล ตัว ข้าพเจ้า มี ชื่อ ซาเลโฮวาดซิ, ได้ ถือ หนังสือ สำ
คัญ มา แต่ เคาเวอเมนต์ อังกฤษ ว่า, ข้าพเจ้า เปน เอนชิเนีย,
แล ช่าง จักร ต่าง ๆ แท้. เขียน มา ณ วัน จันทร์ เดือน สิบ แรม
สิบสาม ค่ำ ปี ฉลู สัปตศก.
การ เล หลัง
๏ จ มี การ เล หลัง, เมื่อ ณ วัน อังคาร เดือน สิบ เอก
แรม ห้า ค่ำ หก ค่ำ เจ็ด ค่ำ, ที่ ห้าง มิศเทอ อีส์ มา เลอบ์ แอน
กำเปนี, ของ มี ราคา ประเสิฐ ต่าง ๆ, คือ เพชร์, พลอย,
แหวน เพชร์, แล ของ ต่าง ๆ, ที่ ประดับ ด้วย เพชร์ แล พลอย
หลาย อย่าง, ทั้ง เขม ขัด แล สาย สร้อย ตุ้ม หู, แล เขม ขัด
รัด เสื้อ ที่ คอ, แล ลูก กะดุม ที่ ทำ ด้วย เงิน ด้วย ทอง ประ
ดับ เพชร์, นาฬิกา พก แล สาย สร้อย ทอง คำ ถูก กุนแจ สำ
รับ นาฬิกา, แล เครื่อง ประดับ นาฬิกา ต่าง ๆ เครื่อง ไล่ ดอก
ไม้ ทำ ด้วย เงิน, แล ถาด กะไหล่ ด้วย เงิน, แล เครื่อง อื่น ๆ
เปน อัน มาก. บาญชี ยี่ ชื่อ ของ ทั้ง หลาย ที่ จะ ขาย นั้น,
คง จะ ลง เปน หนังสือ พิมพ์, ถ้า ผู้ ใต ปราถนา จะ ดู ก็ ดู
ได้, แต่ ใน รว่าง เดือน ๑๑ แรม ๒ ค่ำ, แล แรม ๕ ค่ำ นั้น.
๏ อนึ่ง ข้าพเจ้า จะ จับ การ เลหลัง, ตั้ง แต่ ณวัน แรม
ห้า ค่ำ นี้ : เพลา ๕ โมง เช้า เปน แน่. กับตัน ฮาซูน จะ เปน
ผู้ ขาย.
เรือ สยาม ค้าง อยู่ เมือง จีน
๏ เรือ สยาม อยู่ ใน เมือง จีน, เมื่อ ณวัน เสาร์ เดือน เก้า
แรม ห้า ค่ำ. ที่ ฮองกง มี เรือ สยาม ๑๑ ลำ, คือ แอดแวนซ์ ๑,
แกนติศ ๑, แกนตอน ๑, คุแรด ๑, กิ่มสุนไท ๑, มืริดเดียน ๑,
นอร์ซีมัน ๑, ปรินเซ็ด เซราพี ๑, เรละเว ๑, เซลิศครื่น
มัน ๑, ไทวัด ๑. ๏ ที่ เมือง เอมอย แขวง เมือง จีน แรม สอง
ค่ำ, มี สอง ลำ, ฅือ, เบ็นติก ๑, กอนเต็ศ ๑. ๏ ที่ เมือง
เซี่ยงไฮ้ สาม ลำ, คือ ราบิด ๑, ชฮุตติง ซตา ๑, ไทลง ๑. ๏ ที่
เมือง เจฟู เดือน เก้า ขึ้น ห้า ค่ำ สาม ลำ, คือเดน มาก หนึ่ง, ซิมัน
ซ์ บโรด์ ๑, ไทงวน ๑. ๏ ที่เมือง นิงโป มี ลำ หนึ่ง, คือ เองปบี.
๏ คำ เปรียบ ข้อ หนึ่ง
๏ ณ กาล ครั้ง หนึ่ง สุนักข์ ตัว หนึ่ง คาบ ท่อน เนื้อ จะ ชาม
แม่ น้ำ ไป, ก็ แล เหน เงา ของ ตัว, สำคัญ ว่า สุนักข์ ตัว อื่น คาบ
เนื้อ ไป เหมือน กัน. ตัว เดิม นั้น เหน แล้ว อยาก ได้ อีก, คิด ไม่
ทล, จึง อ้า ปาก จะ ชิง เอา เนื้อ จาก ปาก สุนักข์ อื่น. ครั้น อ้า
ปาก แล้ว, เนื้อ ที่ คาบ ไป นั้น ตก น้ำ จม เสีย ก็ สูญหาย ฉิบ.
๏ คำ เปรียบ ข้อ สอง
๏ มี สุกข์ จิงจอก ตัว ภอใจ กิน ลูก องุ่น รักษ์ นัก. กาถ
วัน หนึ่ง สุนักข์ จิงจอก ตัว หนึ่ง เข้า ไป ใน สวน, เหน พวง ลูก อะ
หงุ่น เปน อัน มาก สุก งอม ดี, แต่ ว่า แขวน ไว้ สูง ๆ, ดู หน้า
กิน น้ำ ลาย ไหล. อ้าย จิงจอก โดด ขึ้น จะ ชิง เอา, โดด ขึ้น สัก
กำลัง เปน หลาย ที่ หลาย ครั้ง, จน ตัว เหนื่อย นัก, จะ ชิง เอา ไม่
ได้. เหน เปน แน่ ว่า ไม่ ได้ แล้ว, ก็ ขัด ใจ ว่า ใคร จะ เอา ก็ เอา
เถิด, เหน จะ เปรี้ยว นัก ไม่ เอา และ. ๚ะ
กำปั่น เข้า กรุงเทพฯ | |||||
เข้ามา เมื่อไร | กำปั่น ชื่อ ไร | กับปิตัน ชื่อ ไร | กี่ ตอน | เรือ อะไร | มา แต่ ไหน |
เดือน ๑๐ ขึ้น ๑๒ ค่ำ | ตวิลินเคน | ปรีวิซัค | ๕๗๖ | ปาก ฮอลันดา | สุระบายา |
แรม ๒ ค่ำ | คิมคูแวน | จีน | ๒๕๐ | ปาก ฮอลันดา | สิงคโปร์ |
๓ ค่ำ | เจ้าพระยา | ออตัน | ๓๕๓ | กลไฟ สยาม | สิงคโปร์ |
๓ ค่ำ | มาเรีย | ฮินเคอมัน | ๖๐๐ | ปาก ฮอลันดา | ปัตตาเวีย |
๔ ค่ำ | เรเวนซ์ โบน | คุปเปอ | ๔๑๐ | ปาก อังกฤษ | ฮาเตลปูล์ |
ออก เมื่อไร | กำปั่น ออก จาก กรุงเทพฯ | จะ ไป ไหน | |||
เดือน ๑๐ ขึ้น ๑๕ ค่ำ | ออกัศ | โบออก | ๔๑๒ | ปาก สยาม | ฮองกง |
แรม ค่ำ ๑ | กะตินา | คำมิง | ๒๕๔ | บริก อังกฤษ | สิงคโปร์ |
ค่ำ ๑ | ปอนตีแนก | แครศซ์ วิงเกลอ | ๓๘๙ | ปาก ฮอลันดา | ปตาเวีย |
๒ ค่ำ | วิรีนา | ปแลศซ์กี | ๕๖๐ | ชิป สยาม | ฮองกง |
๒ ค่ำ | ตึงไฮ | เครต | ๘๐ | สกุนเนอ อังกฤษ | สิงคโปร์ |
๕ ค่ำ | กำไร | บัตโฟด์ | ๒๕๗ | สกุนเนอ สยาม | ฮองกง |
๘ ค่ำ | เจ้าพระยา | ออตัน | ๓๕๓ | กลไฟ สยาม | สิงคโปร์ |
๏ หนังสือ หลวง เลิก อากร ต้น มพร้าว ๚
๏ เจ้า พระยา พระคลัง เสนา บดี, ซึ่ง ได้ ว่า การ ต่าง ประ
เทศ, ขอ แจ้ง ความ มา ยัง ท่าน มอง ซิเออ ออบาเรต กงสุล ฝรั่ง
เสศ, มิศเตอนอด กงสุล อังกฤษ, มิศเตอกอด กงสุน เดนมาก,
มิศเตอเวอชิน ว่า การ กงสุล อเมริก, อันโตเนียว เฟตริกโมเออ
กงสุล โปรตุเกศ, มิศเตอปีก กิแปก กงสุล แฮนซิยาติก, มิศ
เตอริศกิ้ลผู้ ว่า การ กงสุล ปรุสเลี่ย.
๏ ด้วย ท่าน เสนา บดี พร้อม กัน ให้ ข้าพเจ้า แจ้ง ความ ชี้
แจง เหตุ ผล เรื่อง หนึ่ง มา ให้ ท่าน ได้ ทราบ ความ, ว่า แต่ กอ่น
มี ธรรมเนียม ใน กรุง เทพ มหานคร, มี ภาษี น้ำมัน มพร้าว, เจ้า
ภาษี ตั้ง ทำ, แล ให้ มี ผู้ รับ ช่วง ไป ทำ. แล ต้น มะพร้าว เจ้า ของ
ตอ้ง เสีย ค่า ที่ ๑๖ ต้น ต่อ สลึง. ภาย หลัง เจ้า ภาษี ว่า ตั้ง ทำ น้ำ
มัน มะพร้าว นั้น ลำบาก ไป. จึ่ง ขอ ทำ ภาษี เก็บ เอา แต่ ผล มะ
พร้าว ที่ ราษฎร ซื้อ ขาย กัน. ยอม ให้ ราษฎร ทำ น้ำมัน มะพร้าว
ซื้อ ขาย ไม่ เรียก ภาษี แต่ ราษฎร. ครั้น เมื่อ เซอยอนโบริง ราช
ทูต สมเด็จ พระเจ้า กรุง ลอนดอน, กับ มิศตอฮารีปิก ขุน นาง
อังกฤษ เข้า มา ขอ ทำ หนังสือ สัญญา ทาง พระราช ไมตรี ใน รวาง,
อังกฤษ กับ สยาม เปน คราว แรก กอ่น สัญญา ประเทศ อื่น ทั้งปวง
ได้ ปฤกษา กัน กับ ผู้ รับ สั่ง ฝ่าย สยาม ว่า, ภาษี อากร สิ่ง ไร เปน
สอง ชั้น, ขอ ยก เสีย ให้ เรียก แต่ ชั้น เดียว. จึ่ง ได้ ยอม ยก
เลิก ภาษี ซึ่ง เปน สอง ชั้น อยู่ เสีย หลาย ราย. แล้ว จึ่ง ได้ ยอม
กัน เลิก ลบ ภาษี ผล มะพร้าว มา บวก เข้า ใน อากร ต้น, เปน
มะพร้าว ตอ้ง เสีย อากร สาม ต้น สลึง ตั้ง แต่ เวลา นั้น มา. ครั้น
ภาย หลัง ราษฎร เหน ว่า อากร ต้น มะพร้าว แรง นัก, จึ่ง ไม่ ใคร่
มี ผู้ ปลูก สร้าง ขึ้น อีก, มะพร้าว เก่า ก็ แก่ ตาย ไป, ผล มะพร้าว
ก็ แพง ขึ้น ทุก ปี ๆ. ผู้ ที่ ใช้ มะพร้าว แล น้ำมัน มะพร้าว บ่น อยู่
มาก จน ความ ได้ ทราบ ใต้ฝ่า ลออง ธุลี พระบาท, สมเด็จ พระ
จอมเกล้า เจ้า อยู่ หัว, แล ท่าน เสนา บดี มา นาน แล้ว. แล ถึง
ปี ฉลูสัปตศก, ครบ ๑๓ ปี ถึง กำหนด จะ ตั้ง แต่ง ข้า หลวง
ออก เดิน สวร ตรวจ ต้น ผลไม้ ตาม อย่าง ธรรมเนียม สืบ ๆ มา.
จึ่ง ทรง พระ ราช ดำริห์ พร้อม กับ ความ คิด ท่าน เสนา บดี เหน
ว่า, ราษฎร ละ ทิ้ง มะพร้าว เก่า ไม่ ปลูก เพิ่ม เติม ขึ้น อีก นั้น,
เพราะ เหน ว่า อากร ต้น แรง. ควร จะ กลับ คิด อย่าง ใหม่ ให้ ยก
อากร ต้น มะพร้าว เลิก เสีย, ราษฎร จะ ได้ มี ใจ ปลูก ต้น มะ
พร้าว ใหม่ ให้ มาก ขึ้น. แล เงิน อากร ต้น มะพร้าว นั้น ขาด ไป ถึง
๑๒๘๕ ชั่ง กับ ๘ ตำลึง บาท. จึ่ง จะ ตั้ง ขอ เรียก ภาษี น้ำมัน
มะพร้าว แต่ ผู้ ทำ ซื้อ ขาย ๑๐ หยิบ ๑, แก้ไข เงิน แผ่นดิน ที่ ขาด.
มี ผู้ รับ ผูก เก็บ ภาษี น้ำมัน มะพร้าว ตาม พิกัด นี้, รับ จะ เก็บ ได้
เงิน ภาษี ขึ้น แต่ ๗๐๐ ชั่ง, ยัง ขาด จาก เงิน อากร ต้น มะพร้าว
อยู่ ถึง ๕๘๕ ชั่ง กับ ๘ ตำลึง บาท. ก็ การ สิ่งไร เหน ว่า รว่งโรย
ไม่ บริบูรณ แล้ว, ก็ ยก เลิก ภาษี อากร, สู้ ลด หย่อน เงิน ลง
เสีย. การ สิ่งไร เกิด ขึ้น ควร เปน ภาษี อากร สำหรับ แผ่นดิน ได้,
ก็ ตอ้ง ให้ มี เจ้า ภาษี, นาย อากอร เก็บ เรียก ตาม แบบ อย่าง แต่
กอ่น. ภาษี อากร ก็ เปน อยู่ แต่ ชั้น เดียว.
๏ ความ ข้อ ๙ ใน หนังสือ ใบ ข้อ สัญญา แก่ มิศเตอ ฮาริปัก
นั้น มี ว่า, ฝ่าย ไทย ขอ ว่า, การ ใน บ้าน ใน เมือง ของ ไทย, การ
สิ่งไร ที่ ยัง ไม่ มี ภาษี, ไทย เหน ว่า จะ เปน ประโยชน์ กับ บ้าน
เมือง, ควร จะ ตั้ง เรียก เอา ภาษี ได้. ไทย จะ ตั้ง ภาษี ขึ้น ใหม่
ก็ ได้. ฝ่าย มิศเตอ ฮาริปัก ก็ ยอม, แต่ ให้ เรียก เอา ภอ สม
ควร อย่า ให้ มาก นัก, เรียก แต่ ชั้น เดียว. มี ความ แจ้ง อยู่ ดัง
นี้, ขอ แจ้ง ความ มา ให้ ทราบ, เพื่อ จะ มิ ให้ ชาว ต่าง ประเทศ
เข้า ใจ ผิด ๆ ไป. แจ้ง ความ มา ณวัน จันทร์ เดือน เก้า ขึ้น แปด
ค่ำ ปี ฉลู สัปตศก.