

| Vol. 1 เล่ม ๑ บางกอก เดือน สิบเบ็ด แรม สิบสี่ ค่ำ จุลศักราช ๑๒๒๗ Oct. 19th 1865 กฤษศักราช ๑๘๖๕, ใบ ที่ ๑๖ No. 16 |
๏ กระสัตริย์ เมือง ยูใน ติศเทศ ๚
๏ คน ที่ ดู ใน หัว ข้อ นี้ ก็ คง จะ ถาม ว่า, เมือง ยูใน ทิศ
เทศ มี กระสัตริย์ ฤๅ. ได้ ยิน ข่าว เปน ความ ปะรำ ปะรา ว่า มา ว่า,
ไม่ มี กระสัตริย์, มี แต่ เปรศซิเดนต์ ที่ ฝูง ราษฎร จัด เลือก ตั้ง ขึ้น
ไว้, ให้ เปน เจ้า เมือง สี่ ปี, เมื่อ ครบ แล้ว ก็ จัด เลือก ใหม่. ที่
เข้าใจ ดัง นั้น ก็ ถูก บ้าง ผิด บ้าง. แต่ เมือง ยูในทิศเทศ ไม่ มี
คน เปน กระสัตริย์ ก็ จริง, มี แต่ กอนสติติวซัน คือ กดหมาย
อย่าง หนึ่ง สั้น ๆ เปน แบบ อย่าง สำรับ จะ ให้ เจ้า เมือง รักษา ตัว
แล รักษา เมือง ตาม กดหมาย นั้น. เมื่อ ตั้ง ขึ้น เปน เจ้า เมือง ก็
ต้อง ษาบาล ตัว ว่า จะ รักษา บท กอนสติติวซัน ให้ ถี่ ถ้วน ตาม สติ
ปัญญา แล กำลัง อัน ครบ บรีบูรณ ฃอง ตัว. แล หัว เมือง ยูในทิศ
เทศ ทั้ง ปวง ก็ ได้ ปฏิญาณ ตัว ไว้, เปน ใจ ความ ว่า, จะ ให้ บท
กอนสติติวซัน ตั้ง ไว้ เปน ต่าง กระษัตริย์. ถ้า แม้น เปรศซิเดนต์
จะ หัก ทำลาย กอนสติติวซัน เมื่อ ได ก็ คง จะ เปน โทษ ใหญ่ เมื่อ
นั้น. ถ้า หัว เมือง ใด ๆ เอา ใจ ออก หาก จาก กอนสติติวซัน นั้น
ก็ จัด ได้ ชื่อ ว่า เปน เชน ขบถ. ฝูง ราษฎร หัว เมือง ทั้ง ปวง นั้น เปน
ผู้ จัด เลือก ตั้ง บท กอนสติติวซัน ขึ้น เปน ใหญ่ แทน กระสัตริย์.
แล ราษฎร ทั้ง ปวง ได้ เลือก คน ตั้ง เปน เปรศซิเดนต์, สำรับ จะ
ป้อง กัน รักษา บท กอนสติติวซัน ให้ มั่น คง.
๏ ที่ นี้ ข้าพเจ้า จะ สำแดง ให้ ท่าน ทั้ง ปวง รู้ ว่า กอนสติติวซัน
นั้น เปน อย่าง ไร. ข้าพเจ้า ได้ แปล ออก เปน ภาษา ไทย ตรง ๆ.
บาง ที่ แปล ยาก จะ เข้า ใจ ก็ ยาก, แต่ ข้าพเจ้า นึก เหน ว่า ท่าน
ทั้ง หลาย จะ ภอ ใจ อ่าน ตรึก ตรอง ดู กระสัตริย์ เมือง ยูในทิศเทศ
บ้าง ดอก กระมัง. ถ้า เหน ข้อ ได บท ได มี สำ คัญ เปน เล็บ
นิ้ว วง กัน ฉนี้,() ก็ ให้ เข้า ใจ ว่า เปน แต่ คำ อธิบาย ความ ดอก.
๏ กอน สติ ติว ซัน
๏ ข้าพเจ้า ทั้งหลาย, คือ ฝูง ราษฎร แห่ง เมือง ยูในติศ
เทศ, เพื่อ ประสงค์ จะ ได้ กระทำ ให้ เมือง ของ เรา, เปน อัน
อนึ่ง อัน เดียว กัน กว่า แต่ ก่อน, แล ให้ ตั้ง มั่น คง ใน การ ยุตติ
ธรรม, แล ให้ ความ ศุข ใน บ้าน เมือง เรา จำเริญ ขึ้น, แล จัด
แจง การ เพื่อ จะ ได้ ปอ้ง กัน เมือง เรา ไว้ ทุก เมือง, เปน ธุระ อัน
เดียว กัน, แล เพื่อ จะ ได้ บำรุง ซึ่ง ความ ศุข ทุก ๆ หัว เมือง,
แล รักษา ซึ่ง ความ เจริญ แห่ง ลิเบอติ, (คือ ความ เปน อิสร แก่
ตัว,) สำรับ ตัว ข้าพเจ้า ทั้งหลาย, แล ลูก หลาน เหลน ของ
ข้าพเจ้า ทั้งหลาย, เรา จึ่ง ได้ ตั้ง บท กอนสติติวชัน นี้ ไว้, ให้
มั่น คง, สำหรับ เมือง ยูในติศเทศ แห่ง อเมริกา.
๏ ส่วน ที่ ๑
๏ ข้อ ที่ หนึ่ง. แต่ บันดา อำ นาถ สำหรับ เมือง, ที่
บท กอนสติติวชัน นี้ จะ ยอม ให้ ตั้ง นั้น, ก็ คง จะ ให้ อยู่ ใน คอน
เคร็ศ, (คือ ที่ ท่าน ผู้ ว่า ราชการ ทั้งหลาย, แห่ง เมือง ยูในติศ
เทศ ประชุม กัน.) แล คอนเครัศ นั้น, จะ แบ่ง ออก เปน สอง
จำ พวก. คือ พวก เซ็นเอ็ด พวก หนึ่ง, แล พวก เร็บรีเซ็น
เตดิฟ พวก หนึ่ง.
๏ ส่วน ที่ ๒
๏ ข้อ ที่ หนึ่ง. พวก เร็บรีเซ็นเตติฟ นั้น, จะ เปน คน ที่
ราษฎร ใน หัว เมือง ทั้งปวง, ได้ ตั้ง ไว้ ครบ สอง ปี แล้ว ตั้ง ที่
หนึ่ง ทุก ๆ ปี. แล ผู้ ที่ สำหรับ เลือก ตั้ง เร็ปรีเซ็นเตติฟ นั้น,
คือ พวก ราษฎร ที่ หัว เมือง ทั้งปวง เหน มี ลักขณะ ภอ ควร ที่ จะ ให้
เขา เข้า ใน การ เลือก ขุนนาง จำ พวก ใหญ่, สำหรับ ที่ ว่า ราชการ
ใน หัว เมือง ทุก หัว เมือง นั้น เอง.
๏ ข้อ ที่ สอง. ห้าม มิ ให้ ผู้ ใด ผู้หนึ่ง, เปน เร็บรีเซ็นเตติฟ, ที่
อายุศม์ ไม่ ถึง ๒๕ ปี แล้ว, แล ที่ ไม่ ได้ เปน ชาว เมือง ยูในติศ
เทศ ท่วน ๗ ปี, แล ที่ ไม่ ได้ เปน ชาว ประเทศ หัว เมือง อัน นั้น,
เมื่อ ขณะ เขา เลือก ตัว ตั้ง ไว้ นั้น.
๏ ข้อ ที่ สาม. ทุก หัว เมือง ทั้งปวง, จะ ให้ มี พวก เร็บรี
เซ็นเตติฟ, แล จะ ให้ เก็บ ภาษี, สำหรับ ใช้ ใน การ เมือง ยูใน
ติศเทศ นั้น, มาก น้อย ตาม คน ที่ มาก แล น้อย เท่า ใด. ใน ทุก หัว
เมือง นั้น. ครั้น เมื่อ จะ ใคร่ รู้ ว่า, หัว เมือง ใด ๆ, ควร ที่ จะ
ตั้ง เรีบรีเซ็นเตติฟ ขึ้น ขี่ คน, แล จะ ต้อง เก็บ ภาษี สำหรับ ใช้
ใน เมือง ยูไน ติศเทศ มาก น้อย เท่า ใด จึ่ง จะ ควร, ก็ ต้อง นับ
พวก ผู้ ชาย ทั่ว ไป ทั้ง เมือง, ตั้ง แต่ อายุ ๒๑ ปี ขึ้น ไป, กับ
คน ทั้งปวง ที่ เปน ผู้ รับ ใช้ ใน ร่าง หลาย ปี, เว้น แต่ ชาว ป่า ทั้ง
หลาย ที่ ไม่ ได้ ต้อง เสีย ค่า สร่วย แล อากร นั้น. แล ชาย ทั้งปวง
นอก นั้น, (คือ พวก ทาย ทั้งหลาย,) แบ่ง ออก เปน ห้า ส่วน, ที่
นับ เข้า นั้น ๓ ส่วน, ที่ มิ ได้ นับ นั้น ๒ ส่วน. การ ที่ นับ ผู้ ชาย
ทั้งหลาย นั้น, ต้อง ให้ แล้ว ใน ร่าง สาม ปี, ตั้ง แต่ คอนเคร็ศ
แห่ง เมือง ยูในติศเทศ, เมื่อ จะ ประชุม กัน หน แรก นั้น. การ
นับ คน นั้น, เมื่อ ครบ ๑๐ ปี แล้ว, ได้ นับ ที หนึ่ง, เปน การนับ
ต่อ ๆ ไป, ตาม อย่าง เมือง ยูในติศเทศ, จะ มี กฎหมาย ให้ ทำ.
แต่ ผู้ ชาย นั้น นับ ได้ ๓๐๐๐๐ คน นั้น แล จะ ยอม ให้ มี ผู้ เร็บรี
เซ็นเตติฟ แต่ คน หนึ่ง เท่า นั้น. หัว เมือง ทั้งปวง ถึง จะ นับ ผู้
ชาย ได้ น้อย, แต่ จะ ต้อง มี เร็บรีเซ็นเตติฟ คน หนึ่ง. เมื่อ
แรก ยัง มี ได้ นับ ผู้ ชาย, ต้อง จัด ให้ หัว เมือง นิวแฮมซเรีย มี
เร็บรีเซ็นเตติฟ ๓ คน. แล หัว เมือง แมแซชิว เซศ มี แปด คน.
แล เมือง โรไดลันด์ แล โปรวิเด็นซ์ แปลน เตชัน นั้น มี คน หนึ่ง.
แล เมือง กอนเน็กติคัด มี ห้า คน. แล เมือง นิวยอก มี หก คน,
แล เมือง นิวเซอซี มี สี่ คน. แล เมือง เพน ซิลเวเนี่ย มี แปด คน
แล เมือง เด๊นลแวระ มี คน หนึ่ง. แล เมือง เมเรแลนด์ หก คน.
แล เมือง เวอซินเนีย มี ๑๐ คน. แล เมือง นอดซ์ แกโรไลนา
มี ๕ คน. แล เมือง เซาซ์ กาโรไลนา มี ๕ คน. แล เมือง ฌอ
เฉีย ๓ คน.
๏ ข้อ ที่ สี่. เมื่อ คน ขาด ใน จำนวน เร็บรีเซ็นเตติฟ, ที่ หัว
เมือง ใด ๆ, ฝ่าย เจ้า มือง ยูในติศเทศ ต้อง รับ สั่ง, ให้ เมือง
นั้น เลือก คน ตั้ง ขึ้น, เปน เร็บรีเซ็นเตติฟ แทน คน ที่ ขาด นั้น.
๏ ข้อ ที่ ห้า. พวก เร็บรีเซ็นเตติฟ นั้น, จะ ต้อง เลือก มา จาก ใน
จำ พวก ของ ตน คน หนึ่ง, ตั้ง ไว้ สำหรับ เปน คน ใหญ่ ว่า กล่าว
ใน ข้อ ราชการ. แล จะ ได้ เลือก ตั้ง เจ้าพนักงาน อื่น ต่าง ๆ, ที่
จะ ต้อง การ ใน ที่ ประชุม กัน นั้น. ฝ่าย พวก เร็บรีเซ็นเตติฟ นั้น,
แต่ พวก เดียว ได้ มี อำนาถ, ที่ จะ ฟ้อง หา กล่าว โทษ แก่ คน
คน ใด หนึ่ง, ที่ เปน ผู้ ว่า ราชการ ใน เมือง หลวง ได้.
๑ ส่วน ที่ สาม
๏ ข้อ ที่ หนึ่ง. พวก ที่ เรียก ว่า เซนเอต แห่ง เมือง ยูใน
ติษเทศ นั้น, เปน คน ที่ ลีซิศเลเชอ, (คือ ขุนนาง พวก หนึ่ง
ที่ เปน พนักงาน, ทำ กด หมาย สำรับ หัว เมือง นั้น,) ได้ เลือก
ตั้ง ขึ้น เปน เซนเนตอร์, เมือง ละ สอง คน ให้ เปน ขุนนาง ว่า
ราชการ ใน ที่ เมืองหลวง ครบ ๖ ปี. พวก เซนเนตอร์ จะมี โวต
คนละโวตเดียว. (คือ เมื่อ จะ ใคร่ รู้ ว่า การ ใด ๆ นั้น เขา จะ
ชอบ หฤๅ มิ ชอบ มี สัก กี่ คน, เมื่อ จะ นับ เซนเนตอร์ นั้น ต้อง
นับ ทุกคน ๆ ว่า เปน คน หนึ่งๆ. อย่า ให้ นับ ซ้ำ เปน สอง ได้. )
๏ ข้อ ที่ สอง. เมื่อ เดิม ที่ พวก เซนเนตอร์ จะ ประชุม
กัน นั้น, เขา ต้อง แบ่ง ออก เปน สาม ส่วน เท่า ๆ กัน, นับ เปน
พวก ที่ หนึ่ง ที่ สอง ที่ สาม. แต่ พวก หนึ่ง นั้น เมื่อ ครบ สอง ปี
แล้ว, จะ เปลี่ยน เซนเนตอร์ ใน พวก ที่ หนึ่ง นั้น ตั้ง ผู้ อื่น แทน.
ครั้น ครบ ๔ ปี แล้ว จะ เปลี่ยน พวก ที่ สอง เหมือน กัน. ครั้น
ถึง หกปี แล้ว, ต้อง เปลี่ยน พวก ที่ สาม ด้วย. เพราะ เหตุ นี้ ทุก หัว
เมือง ต้อง เลือก เซนเนตอร์ สอง ปี เลือก ที่ หนึ่ง, เสมอ มา ดัง
นั้น. ถ้า แม้น เซนเนตอร์ ผู้ ใด ผู้ หนึ่ง, ได้ ออก นอก ราชการ
เพราะ เหตุ ใด เหตุ หนึ่ง ก็ ดี, แล พวก ลิซิศเลเชอ ได้ เลิก ไป
แล้ว, ฝ่าย เจ้า เมือง จะ ตั้ง คน ให้ เปน เซ๊นเนตอร์ แทน เซน
เนตอร์ ที่ นอก ราชการ นั้น ก็ ได้, กว่า ลีซิศเลเชอ จะ ประชุม กัน
ใหม่. เมื่อ จะ ประชุม ใหม่ นั้น, ลิซิตเลเชอ จะ เลือก ตั้ง เซน
เนตอร์ ได้ ตาม ชอบ ใจ.
๏ ข้อ ที่ ๓. ห้าม ว่า มิ ให้ ผู้ ใด ๆ เปน เซ็นเนตอร์, ถ้า มิ
ได้ มี อายุ ถึง ๓๐ ปี, แล ที่ มิ ได้ เปน ชาว หัว เมือง อยู่ในติษ
เตศ ครบ ๙ ปี แล้ว, แล ผู้ ที่ เมื่อ ขณะ เขา เลือก นั้น หา ได้ เปน
ชาว หัว เมือง นั้น ไม่, แต่ เปน คน ต่าง เมือง.
๏ ข้อ ที่ ๔. ผู้ ที่ เปน ไวซิเปรศซิเดนต์ แห่ง เมือง ยูในติษ
เตศ, จะ เปน ผู้ ใหญ่ เหนือ พวก เซ๊นเอต. แต่ เมื่อ พวก เซ๊น
เนต, หมาย การ ใด ๆ จะ นับ ดู ว่า พวก เซ็นเนต, เหน ชอบ
ด้วย และ ไม่ เหน ชอบ ด้วย ซี่ คน นั้น, ห้าม อย่า ให้ ไวซิเปรศซิ
เดนต์ เข้า ใน ที่ นับ กัน เลย, เว้น ไว้ แต่ พวก เซ๊นเนต, ทั้ง
สอง ฝ่าย จะ นับ เปน เท่า กัน. ถ้า เปน อย่าง นั้น จะ ให้ ไวซีเปรศ
ซิเดนต์, เข้า ฝ่าย ข้าง หนึ่ง ตาม ที่ จะ เหน ด้วย, และ จะ นับ
ตัว ท่าน ว่า เปน คน หนึ่ง ใน ฝ่าย นั้น ก็ ได้.
๏ ข้อ ที่ ๕. พวก เซนเอ็ศ, ต้อง เลือก ตั้ง ขึ้น ซึ่ง เจ้า
พนัก งาน ทั้งหลาย ที่ เขา จะต้องการ, แล เปรศซิเด็นต์ คนหนึ่ง,
ที่ จะว่า กล่าว บังคับ แทน ไวซิเปรศซิเด็นต์, เมื่อ ท่าน ไม่ อยู่, ฤา
เมื่อ ท่าน จะ เลื่อน ที่ ขึ้น เปน เปรศซิเด็นต์ แห่ง เมือง ยูในติศเทศ.
๏ ข้อ ที่ ๖, พวก เซ๊นเอ็ด นั้น, คง มี อำนาท จะ ตัด สิน
โทษ แต่ พวก เซนเอ็ด นั้น พวก เดียว, คือ โทษ ที่ พวก เร็บรีเซ๊น
ตีติฟ กล่าว มา นั้น. แล เมือ จะนั่ง พิภาคษา ความ อยู่, เขา
ทั้งหลาย จะต้อง ษาบาล ตัว ว่า, จะทำ การ โดย สุจริต. ครั้น เมือ
จะ พิภาคษา โทษ ของ เปรศซิเด็นต์ แห่ง เมือง ยูในติศเทศ นั้น,
ท่าน ผู้ เปน ที่ ปฤกษา การ สัจธรรม ใน แผ่นดิน, จะต้อง เปน ผู้
ใหญ่ ใน การ พิภาคษา, แล จะชี้ ขาดว่า, ผู้ ได ผู้ หนึ่ง เปน ผิด
แท้ มิ ได้ นั้น, ถ้า เว้น ไว้ แต่ พวก เซ๊นเอ็ด, เมือ แบ่ง กัน ออก
เปน สาม ส่วน, จะเหน พร้อม ใจ กัน สอง ส่วน, จึง จะชี้ ขาด ลง
แท้ ได้.
๏ ข้อ ที่ ๗. ความ ชี้ ขาด ผิด เปน แท้ นั้น, พวก เซ๊น
เอ็ด มี อำ นาถ แต่ เพียง จะ ถอด ผู้ ผิด นั้น เสีย, จาก ตำแหน่ง ที่,
แล ห้าม มิ ให้ อยู่ ใน ที่ ตำแหน่ง ได ๆ ที่ มี ยศถา ศักดิ์ ฤา วางใจ,
ฦา ที่ มี ประโยชน์ ได ๆ ใต่ ร่มธง เมือง ยูในติศเทศ. แต่ ผู้ ที่ ทำ
ผิด นั้น, ครั้น เมื่อ ถอด เสีย จากที่ แล้ว, ผู้ อื่น จะ มา กล่าว โทษ,
แล้ว เกาะ ตัว มา พิจารณา พิภาคษา ตัก สิน ตาม กฎหมาย ก็ ได้.
รูป คน บอก เส้น โลหิต ไหล
๏ รูป ภาพ นี้ ก็ เขียน ไว้ ให้ เหน ปรากฎ, ด้วย ว่า จะ สำ
แดง ซึ่ง โลหิต แดง ไหล, ออก จาก หัว ใจ ไป ทั่ว ทั้ง กาย, แล
สำแดง ซึ่ง โลหิต ดำ อัน ไหล กลับ เข้า มา สู่ หัว ใจ ดั่ง เก่า. ตัว,
ก นั้น, คือ หัว ใจ ตั้ง อยู่ ใน ทรวง อก มนุษ เปน ธรรมดา. หัว ใจ
นั้น ตั้ง อยู่ ข้าง ทร้าย. ปลาย หัว ใจ นั้น อยู่ ตรง ซี่ โครง ที่ ห้า, นับ
แต่ ซี่ โครง ข้าง บน ลง มา. เมื่อ หัว ใจ นั้น ดูด โล หิต เข้า ออก,
ปลาย หัว ใจ นั้น, ก็ งอน ขึ้น ไป เซด สี กับ ซี่ โครง ไป มา. ถ้า
แล คน จะ เอา มือ ต้อง เข้า ที่ ซี่ โครง ที่ ห้า, แล สังเกต ดู, ก็ จะ
รู้ ว่า เต้น ไป มา เหมือน กับ เทพจร, เต้น พร้อม กับ เทพจร. หัว
ใจ นั้น มี พังผืด หนา หุ้ม อยู่, แต่ ว่า หุ้ม อยู่ ไม่ ตึง นัก. หัว ใจ
พังผืด นั้น เหมือน กับ ถุง ใส่ หัว ใจ ไว้. ถ้า ผู้ ใด จะ ใคร่ รู้ แน่, ก็
ให้ พิจาณา ดู ซึ่ง หัว ใจ สัตว ต่าง ๆ, มี หัว ใจ วัว แล หมู เปน
ตัน. หัวใจ สัตว เหล่า นั้น, ก็มี เครื่อง สูบ เข้า สูบ ออก สอง
สำรับ. แล โลหิต เดิน ไป มา, แล มี พั้งผืด หุ้ม ห่อ อยู่ เหมือน มนุษ
เหมือน กัน. ใน พั้งผืด มี น้ำ อย่าง หนึ่ง, ติด อยู่ กับ พั้งผืด สำรับ ที่
จะ ให้ หัวใจ นั้น เดิน ไป มา ให้ คล่อง, ไม่ ให้ ฝืด คับ กับ พั้งผืด ได้.
![[]](../1865-10-19_3_3.png)
๏ เส้น สอง เส้น ที่ ไม่ ขีด เปน ฟัน ปลา นั้น, เปน คลอง
โลหิต แดง เดิน ออก จาก หัว ใจ ไป ทั่ว ทั้ง กาย. แล มี คลอง
เลก ๆ แตก ออก ไป ทุก แห่ง. ที่ มี เส้น ซีก เปน พื้น ปลา ไป นั้น
คือ คลอง โลหิต ดำ กลับ มา แต่ ทั่ว กาย, คืน เข้า ไป สู้ หัว ใจ.
เส้น โลหิต แดง ที่ ออก จาก หัว ใจ นั้น, ก็ แตก ออก เปน คลอง
ไป ตาม ลำ แขน ข้าง ทร้าย แล คอ ขวา คลอง หนึ่ง. แล แตก
ออก ไป ตาม ลำ คอ ข้าง ทร้าย คลอง หนึ่ง. แล แตก ออก ไป ตาม
ลำ แขน ทร้าย คลอง หนึ่ง, แล้ว คลอง โลหิต แดง นั้น, ก็ เลี้ยว
ลง มา ตาม กระดูก สัน หลัง คลอง หนึ่ง. ลง มา เกือบ จะ ถึง ก้น
กบ แล้ว , ก็ แยก ออก ไป เปน สอง คลอง. ๆ หนึ่ง ลง ไป ตาม
ฑา ข้าง ทร้าย, คลอง หนึ่ง, แยก ลง ไป ตาม ฑา ข้าง ขวา คลอง
หนึ่ง. แต่ ทว่า คลอง โลหิต ที่ เดิน ไป ตาม ฑา นั้น เดิน ภุก เดิน ไป
ตาม ท้อง ซา. แล รูป นี้ เรา จึ่ง เขียน คลอง โลหิต นั้น ไม่ ได้,
ด้วย กระดูก ฑา นั้น มัน บัง คลอง โลหิต อยู่. คลอง โลหิต นั้น เมื่อ
ลง ไป ถึง ต้น ฑา แล้ว, ก็ แตก เปน สอง เส้น อยู่, ข้าง หน้า ซา
เส้น หนึ่ง, หลัง ซา เส้น หนึ่ง, เหมือน กัน ฑา ทั้ง ทร้าย ขวา.
คลอง ที่ หลัง ฑา นั้น, ครั้น ถึง ข้อ หัว เข่า ข้าง หลัง, ก็ แตก ออก
ไป เปน สอง คลอง, ๆ หนึ่ง ลง ไป ตาม หลัง แข้ง, คลอง หนึ่ง
ออก มา ตาม หน้า แข้ง, เช่น สำแดง ตาม รูป ภาบ ที่ เขียน ไว้ นั้น.
คลอง โลหิต แดง ที่ ขึ้น ไป ตาม คอ นั้น, ที่ รูป ภาพ นั้น, สำแดง
ไม่ ตลอด ได้, เพราะ กระดูก คาง บัง อยู่. ครั้น ถึง ต้น คาง, ก็
แตก ออก เปน สอง คลอง. คลอง หนึ่ง เดิน ใน กระดูก, เดิน ซั้น
ไป ถึง สมอง ศีศะ. คลอง หนึ่ง เดิน ขึ้น ไป ตาม หมวก หู เดิน ไป
ข้าง นอก สมอง, สำรับ เลี้ยง เนื้อ หนัง กระดูก ข้าง นอก ศีศะ.
คลอง โลหิต แดง ที่ ลง ไป ตาม ต้น แขน นั้น, ครั้น ถึง ข้อ สอก
แล้ว ก็ แยก ออก ไป เปน สอง คลอง. ๆ หนึ่ง ไป ตาม หัว แม่ มือ,
คลอง หนึ่ง ไป ตาม นิ้ว ก้อย. ที่ ไป ข้าง หัว แม่ มือ นั้น, เปน ที่
จับ เทพจร ปรากฎ อยู่ ตื้น ๆ. ที่ ไป ข้าง นิ้ว ก้อย นั้น ก็ ภุก,
จับ เทพจร ไม่ ได้. คลอง โลหิต สอง คลอง นั้น ครั้น ถึง ฝ่า มือ
แล้ว, ก็ รวม กัน เข้า เปน คลอง เดียว กัน. แล้ว ก็ แตก ออก
ไป เปน คลอง เลก น้อย ตาม นิ้ว มือ ต่าง ต่าง นั้น.
๏ ที่ นี้ จะ ว่า ด้วย คลอง โลหิต ดำ, ที่ สำแดง ใน รูป ภาพ
นั้น ภอ ให้ เห็น บ้าง เลก นอ้ย, ดว้ย จะ ให้ รู้ วิธี เลือก นั้น. ต้น
เส้น โลหิต ดำ นั้น, บังเกิด ที่ ปลาย เส้น โลหิต แดง. เมื่อ โลหิต
แดง เลี้ยง เนื้อ หนัง แล กระดูก เปน ต้น, โลหิต แดง นั้น แบ่ง
เปน ส่วน ไป ตาม ที่ แบ่ง แล้ว. ครั้น เหลือ อยู่ นั้น, ก็ กลับ เปน
โลหิต ดำ, คืนไป สู่หัวใจ ดัง เก่า, ไป ตาม ทาง อื่น, ไม่ ได้ ไป
ตาม ที่ แรก มา นั้น. ทาง ที่ กลับ ไป นั้น คือ คลอง โลหิต ดำ
นั้น. คลอง โลหิต ดำ ทั้ง กาย นั้น ก็ เดิน มา รวม กัน เข้า ที่ หัวใจ
หั้ง ข้าง ขวา, แล้ว ก็ ฉีด ไหล ออก จาก ห้อง นั้น, แล้ว ก็ เข้า
ไป ใน ปอด ทั้ง ทร้าย ขวา, ถูก ลม หายใจ เข้า, รับ เอา อกซเยีน
ที่ อยู่ ใน ลม นั้น, โลหิต จึ่ง แดง ไป, เพราะ อกซุเช๊น เข้า ดว้ย
กัน. ครั้น แดง ไป แล้ว, ก็ กลับ ไป สู่ หัวใจ หอ้ง ข้าง ทร้าย.
ห้อง นั้น จึ่ง บีบ เข้า ให้ ไหล ออก ตาม คลอง โลหิต แดง เช่น ว่า
มา แล้ว นั้น.
๏ ถ้า ผู้ใด สง ไสย ว่า, โลหิต ดำ จะ ไหล ขึ้น ไป จาก ตีน
แล มือ เปน แน่ ฤๅ ไม่, ก็ ให้ เอา ผ้า มา ฉีก เปน เชือก ผูก รัด ที่
ต้น แขน ให้ ตึง, จึ่ง จะ เหน เส้น โลหิต ดำ ที่ อยู่ ก่ง นั้น เปล่ง
โต ขึ้น, เพราะ เชือก นั้น กัน มิ ให้ โลหิต ดำ ไหล ขึ้น ได้. ถ้า
แล แก้ เชือก เสีย, เส้น โลหิต ดำ นั้น ก็ จะ ราบ เหมือน ดัง เก่า.
ถ้า แล ผูก ตึง นัก, ก็ จะ กัน โลหิต แดง เสีย ด้วย, เทพจร ที่
มือ ก็ จะ หยุด ไม่ ปรากฏ, เพราะ โลหิต เดิน ลง มา ตาม คลอง
นั้น ก็ ไม่ ได้. คลอง โลหิต แดง นั้น, อยู่ ภุก กว่า โลหิต ดำ. ถ้า
ผูก รัด นัก จึ่ง จะ กัน ลง ไป ถึง เส้น โลหิต แดง ก็ จะ ไม่ เดิน. ถ้า
แล ผูก ไม่ สู้ ตึง นัก ก็ จะ กัน แต่ คลอง โลหิต ดำ เทา นั้น
๏ ลูก หนู นั้น, คือ บอก คลอง โลหิต เดิน. ถ้า ลูก หนู นั้น
ไป ทาง ไหน, โลหิต ก็ เดิน ใน คลอง ไป ทาง นั้น เปน ธรรมดา
๏ ผู้ กลัว พุทธศาสนา จะ หมด เรว ไป
๏ ด้วย ข้าพเจ้า ผู้ ได้ อ่าน หนังสือ ภิมพฺ์ ริคอะดอ นี้, ได้ ยิน
ท่าน พรรณา เรื่อง ความ เมือง อื่น ๆ, ว่า มี เสรฐี เมือง ใหญ่ ๆ,
เรี่ย ไร กัน ออก เงิน ส้าง ตึก ใหญ่, ไว้ สำรับ เปน ที่ สอน หนังสือ
เดก, แล สอน วิชา การ ต่าง ๆ เปน หลาย แห่ง หลาย ตำบล.
เหน เปน คุณ เปน ประโยชน์ แก่ แผ่นดิน มาก, ดี กว่า ส้าง วัด วา
อาราม. แต่ ได้ ฟัง นี้ แทบ ทุก คราว มา, พิเคราะห์ ดู ความ ของ
ท่าน ว่า มา ก็ เหน ว่า เปน ประโยชน์ แก่ แผ่นดิน จริง. แต่ ผู้ ที่ มี
ทรัพย อยู่ใน ประเทศ สยาม นี้, ถ้า จะ เรี่ย ไร กัน ออก เงิน ก็ ภอ จะ
ทำ ได้ อยู่ ดอก, จะ ลง ทุน เงิน น้อย กว่า สร้าง วัด ๆ หนึ่ง เสีย อีก.
แต่ เขา รังเกียด อยู่ ว่า ทุก วัน นี้ พวก ชาว สยาม, ได้ ยิน ได้ ฟัง
การ ต่าง ประเทศ หนา หู เข้า จิตร ใจ ก็ จะ เปรี้ยว ไป เสีย หมด. ถ้า
ตั้ง ตึก ใหญ่ ขึ้น หา ครู มา สอน หนังสือ แล วิชา การ ต่าง ๆ ขึ้น
ดัง ว่า แล้ว, ครู นั้น ก็ จะ ไม่ สอน แต่ หนังสือ แล วิชา อย่าง
เดียว, ก็ คง จะสอน ทาง สาสนา ที่ ครู นับ ถือ นั้น ด้วย. เดก
นั้น โต ใหญ่ ขึ้น, ก็ คง จะ ถือ ลักธิ ต่าง ๆ, จาก พุทธสาสนา ไป.
ครั้น การ นาน ไป ข้างน่า คน ที่ นับ ถือ พุทธ สาสนา ก็ จะ หมด เรว
ไป. เพราะ ดังนั้น จึง ไม่ มี ผู้ใด ออก เงิน แล ลง ทุน เรี่ย ไร กัน.
มิใช่ ว่า คน ที่ มี ทรัพย นั้น, เขา จะ ตระหนี่ เสีย ดาย ทรัพย นั้น
เมื่อไร. แต่ ท่าน เจ้าของ หนังสือ พิมพ์ ริคอเดอ, ก็ยังชักโยง
ใน เรื่อง ราว หนังสือ พิมพ์, สรรเสิญ แทบ ทุก ฉบัป. ท่าน ก็ ไม่
ได้ ว่า ตรง ๆ แต่ เรื่อง ความ, ท่าน เอา ทาง ศาสนา เข้า มา ประ
กับ ร่ำ ไป.
๏ ผู้ ที่ เขียน หนังสือ ข้าง บน นี้, ดู เหมือน จะ ไม่ ชอบ ใจ
ฟัง เรื่อง ราว สรรเสิญ เมือง อื่น ๆ, อย่าง ธรรมเนียม ใด ๆ ที่
ไม่ เข้า กัน กับ พุทธสาสนา. จึง เฃียน ว่า, “ได้ ยิน ได้ ฟัง
การ ต่าง ประเทศ หนา หู เข้า จิตร ใจ ก็ จะ เปรียว ไป เสีย หมด.”
ข้าพเจ้า มี น้ำ ใจ รักษ ชาว สยาม ประเทศ, ปราถนา จะ ให้ ได้ ความ
ดี ขึ้น ทุก อย่าง. จึง คัด เอา เรื่อง สรรเสิญ ชาว เมือง บำเบ เขา
เรี่ยราย กัน ออก เงิน สร้าง ตึก ใหญ่, ไว้ สำรับ เปน ที่ สั่งสอน
หนังสือ เด็ก, แล สอน วิชา การ ต่าง ๆ เปน หลาย แห่ง หลาย
ตำบล ดั่ง นี้, เพื่อ ประสงค์ จะ ให้ เปน ประโยชน์ แก่ แผ่นดิน ไทย
มาก. ข้าพเจ้า คัด ความ สรรเสิญ ฉะนี้ สอง หน สาม หน แต่
เท่า นั้น, ท่าน ยัง กลับ ติ ว่า, “หนา หู เข้า จิตร ใจ ก็ จะ เปรียว
ไป เสีย หมด.” การ ดัง นี้ ดุจ เด็ก เล็ก ๆ ที่ ขี้ เกียจ เล่า หนัง
สือ แก่ ครู, เพราะ เหน ว่า, เปน การ “หนา หู เข้า ใน ใจ เปรียว
ไป หมด แล้ว.” ถึง กระนั้น ก็ ไม่ ควร ที่ พ่อ แม่, แล ครู จะ
หยุด คำ สั่ง สอน. ถ้า หยุด เสีย เด็ก ก็ คง จะ โง่ ไป ที เดียว. ถ้า
อุษ่าห์ สั่งสอน, ไม่ ช้า ไม่ นาน เด็ก นั้น ก็ จะ กลับ มี ใจ รักษ คำ สั่ง
สอน, แล จะ ได้ มี ความ รู้ มาก ทวี่ ขึ้น เรว. สม กับ คำ สุภา
สิต ว่า, ผู้ ได มี ความ รู้ น้อย, ก็ จะ อิ่ม ด้วย น้อย นั้น, ก็ ถ้า มี
ความ รู้ มาก, คง จะ ปราถนา ความ รู้ มาก,แล จะ อุษ่าห์ อ่าน อุษ่าห์
ฟัง กว่า จะ ได้ มี ปัญญา ดี แท้.
๏ อนึ่ง ผู้ ที่ เขียน หนังสือ ข้าง บน นี้, ติ ข้าพเจ้า ว่า, “ท่าน
ก็ ไม่ ได้ ว่า โดย ตรง ๆ แต่ เรื่อง ความ, ท่าน ก็ เอา ทาง ศาสนา
เข้า มา ปะกับ ร่ำ ไป.” ข้าพเจ้า ขอ ถาม ท่าน สัก คำ หนึ่ง ว่า,
ข้อ ไหน เหตุ ไร ที่ ข้าพเจ้า ไม่ ตรง เล่า. ข้าพเจ้า ได้ สัญา ไว้ ว่า ใน
จตหมาย เหตุ บังก็อก รีกอเดอ, จะ ไม่ มี เรื่อง ความ เอา ทาง
สาสนา เข้า มา ปะกับ กัน บ้าง เมื่อ ไร่ เล่า. การ ก็ จำ เปน กล่าว
ด้วย สาสนา บ้าง. เพราะ วิ ไสย ธรรมดา สาสนา ทั้งปวง, ใช่ จะว่า
แต่ คริศ สาสนาเมื่อไร, ถ้า เมือง ใด ๆ ก็ ย่อม เข้าใจ ว่า เปน ใหญ่
ยิ่ง. ถ้า จะ มี การ งาร ฤา เรื่อง ความ ประการ ใด, ก็ ย่อม เอา
สาสนา นั้น เข้า ระคน ปน ด้วย บ้าง. ที่ จะ หลบ หลีก ให้ พ้น
สาสนา ที่ เดียว ก็ ยาก นัก. ที่ ข้าพเจ้า ได้ เอา เรื่อง คริศ สาศนา
มา ชักโยง ลง ใน เรื่อง จตหมาย เหตุ สรรเสริญ แทบ ทุก ฉบับ นั้น,
ขอ อไภยโทย แก่ ท่าน. ถ้า ต่อ ไป ข้าง น่า ข้าพเจ้า “จะ ชักโยง
ลง มา อีก” ขอ ท่าน อย่า ได้ ถือ โทษ ข้าพเจ้า เลย. ถ้า พุทธ
สาสนา เปน ดี เที่ยง แท้ เหมือน ท่าน ได้ ถือ นั้น, ถึง จะ เปรียบ
เทียบ กัน กับ คริศ สาสนา บ้าง, ก็ คง จะ ออก ปรากฎ ว่า ดี แท้.
เหมือน เอา เงิน ที่ ดี ที่ แท้ มา เปรียบ กับ เงิน ปลอม, ก็ คง จะ
ได้ ที่ สรรเสริญ เปน แท้.
ทอด กะถิน หลวง
๏ ใน เพลา ๑๐ วัน ที่ ล่วง มา นี้, พระ บาท สมเดจ์ พระ
จอม เกล้า เจ้า อยู่ หัว, ได้ เสดจ์ ไป ทอด พระ กะถิน ทุก วัน. เมื่อ
ณวัน พุทธ เดือน ๑๑ แรม หก ค่ำ, เสดจ์ ทาง สถล มารค ทรง
ถวาย พระ กะถิน ณวัด จักรวัดดิ์, แล้ว เสดจ์ ไป ตาม ถนน ตลาด
สำเพง, ถึง วัด เกาะ แก้ว ลังกา เสดจ์ ประทับ ถวาย พระ กะถิน
ณที่ นั่น. แล้ว เสดจ์ เลย ไป ถวาย พระ กะถิน ที่ วัด ประทุม คงคา
อีก. แล้ว ก็ เสดจ์ กลับ คืน ยัง พระ ราช วัง.
๏ ครั้น ณวัน พฤหัสบดี เดือน ๑๑ แรม ๗ ค่ำ, จึง เสดจ์
ด้วย เรือ พระ ที่นั่ง กล ไฟ ไป ทาง ชลมารค์, ถึง เมือง สมุท ปราการ
ทรง ถวาย พระ กะถิน ทาน ที่ วัด หลวง เหล่า นั้น อีก.
๏ ครั้น ณวัน ศุกร เดือน ๑๑ แรม ๘ ค่ำ, ทรง เครื่อง
ต้น แล เสดจ์ ออก จาก พระ บรม มหา ราชวัง, ตั้ง พยุห์ บาตรา
น่า หลัง, มา ยัง วัด พระ เชตุพน จะ ทรง ถวาย พระ กะถิน. ครั้น
เสดจ์ ถึง ซุ้ม ประตู วัด แล้ว, ทรง ประทับ อยู่ ที่ นั้น, พระ ราช
ทาน ให้ มิศเตอ ตำซัน ชัก รูป พระฉาย, เมื่อ ขณะ ทรง เครื่อง ต้น
ประทับ อยู่ บน พระ ที่นั่ง นั้น. ได้ ยิน ว่า รูป พระฉาย ที่ ชัก นั้น
ถูก ตอ้ง งาม ดี พร้อม ตาม พระ ลักษนะ. แล้ว เสดจ์ เข้าไป ถวาย
พระ กะถิน, ประทับ อยู่ ณพระ อุโบสถ ประมาณ สัก ชั่ว โมง เสศ
แล้ว กลับ ออก มา, เสดจ์ โดย กระบวน พยุห์ บาตรา น่า หลัง
ไป ยัง วัด ราช บูรณะ, เสดจ์ ประทับ ถวายพระ กะถิน อยู่ ณพระ
อุโบสถ ประมาณ สักโมง เสศ, แล้ว เสดจ์ โดย พยุห์ บาตรา น่า
หลั่งไป ยังวัด สุทัศน์ เทพวราราม. ครั้น ถึง จึ่ง เสดจ์ เข้าไป ใน
พระ อุโบสถ, ถวาย ผ้า พระ กะถิน แก่ พระสงฆ์ อัน จำ พรรษา อยู่
ใน พระ อาราม นั้น เสร์จ แล้ว, ก็ เสดจ์ เคลื่อน พยุห์ บาตรา กลับ
คืน ยัง พระ บรม มหา ราชวัง ตาม ธรรมเนียม.
๏ ครั้น ถึง ณวัน เสาร์ เดือน ๑๑ แรม ๙ ค่ำ, จึ่ง เสดจ์
ทรง เรือ พระ ที่ นั่ง อนันตนาคราช, โดย กระบวน พยุห์ บาตรา น่า
หลั่ง ไป โดย ทาง ชลมารค วิภี ยัง วัด สุวรรณ ธาราม แล้ว, ถวาย
ผ้า พระ กะถิน แก่ พระสงฆ์, อัน จำ พรรษา อยู่ ใน พระ อาราม นั้น.
เสร์จ แล้ว, จึ่ง เสดจ์ ไป ถวาย ผ้า พระ กะถิน แก่ พระสงฆ์ ใน
พระ อุโบสถวัด อรุณ ราช ธาราม. เสร์จ แล้ว จึ่ง เคลื่อน กระบวน
พยุห์ บาตรา เสดจ์ ไป ยัง วัด หงษ วราราม. เมื่อ พระ บาท สม
เดจ์ พระ จอมเกล้า เจ้า อยู่ หัว ยัง ไม่ ถึง พระ อาราม นั้น, ข้าพเจ้า
เจ้า ของ นังสึอ นี้, ได้ ภา ภรรยา กับ บุตร ชาย หญิง ไป คอย เฝ้า
ได้ ชม พระ บรม โพธิ สมภาร อยู่ ณ ที่นั้น. ครั้น เรือ พระ ที่นั่ง มา
ถึง ที่ ประทับ, ข้าพเจ้า กับ บุตร ภรรยา ก็ ได้ เหน กระบวน พยุห์
บาตรา, ดู เปน ศรี งาม นัก หนา, แล้ว ได้ เหน พระ ราช กุมาร
น้อย ๆ ประดับ เครื่อง เพชร์ พลอย ต่าง ๆ, ดู รุ่งเรือง งาม นัก.
แล้ว ท่าน ได้ ทรง พระ กรุณา โปรด ให้ ข้าพเจ้า ภา บุตร พรรยา เข้า
ไป ดู ใน พระ อุโบสถ ใก้ล พระองค์. แล้ว โปรด ให้ ข้าพเจ้า เขียน
เรื่อง ราว อะไร ๆ ที่ ข้าพเจ้า ได้ เหน ใน ที่ นั้น. ข้าพเจ้า ชอบ คุณ
ที่ พระองค์ ท่าน ได้ โปรด นั้น นักหนา.
๏ เมื่อ เข้าพเจ้า เหน ควร ที่ จะ สรรเสิญ ท่าน ผู้ เปน กระษัตริย์
องค์ ใหญ่ นั้น, เพราะ การ รุ่ง เรือง สำรับ กระษัตริย์ ที่ ได้ ปรากฎ
ออก งด งาม ใน วัน นั้น, ข้าพเจ้า จะ ได้ สรรเสิญ การ ที่ ไหว้ พระ
พทธรูป, แล การ ยก ยอ พระพุทธสาสนา นั้น ก็ หามิ ได้ เลย. ความ
นี้ ใน หลวง ได้ ทรง ทราบ แล้ว. แต่ ข้าพเจ้า นึก กลัว ว่า, จะ มี ผู้
อื่น ที่ จะ เข้าใจ ว่า ตัว ข้าพเจ้า มี ใจ ยอม นับถือ พระ พุทธสาสนา
สัก ครึ่ง หนึ่ง ดอก กระมัง, จึ่ง เข้า ไป ใน พระ อุโบสถ, ดู การ
ไหว้ พระ พุทธรูป ทรง ถวาย พระ กะ ถิน. ข้าพเจ้า ยัง มี ใจ ตั้ง
มั่นคง อยู่ ใน พระ บัญัติ ฝ่าย คริศสาสนา นัก. บัญัติ ใหญ่ เปน ต้น
นั้น ห้าม ว่า อย่า ให้ มี พระเจ้า อื่น ต่อ หน้า พระ ยะโฮวา เลย. อย่า
กระ ทำ รูป สลัก สำรับ ตัว, ฤา สัน ถาน รูป สิ่ง หนึ่ง สิ่ง ใด, ซึ่ง
มี อยู่ ใน อากาษ เบื้อง บน ก็ ดี, ซึ่ง มี อยู่ ใน น้ำ ใต้ แผ่นดิน ก็ ดี
เจ้า อย่า กราบ ไหว้ อย่า ปรนิบัติ แก่ รูป เคารพย ได ๆ เลย.
๏ บัญัติ บท นี้ เปน คำ แห่ง พระผู้ สร้าง โลกย์ ยัง กำลัง ทรง
โลกย์ อยู่ ทุก วัน นี้, เปน ผู้ใหญ่ ยิ่ง ที่ สุด แต่ องค์ เดียว, เปน
เจ้า ฃอง ความ เปน, แล เจ้า ของ ความ ตาย. จึ่ง ไม่ รู้ สิ้น สุด. ผู้
ใด แล เมือง ใด ที่ จะ ทำลาย พระ บัญัติ บท นั้น ต่อ ๆ ไป ไม่ หยุด,
เมือง นั้น จะ ดี ขึ้น มี ความ ศุข จำเริญ นาน ก็ มิ ได้. ข้าพเจ้า มี
ใจ รักษ เมือง ไทย จริง, ปราถนา จะ ให้ มี ความ จำเริญ ทุก อย่าง,
จึ่ง อาจ ว่า ได้ ซื่อ ๆ ตรง เช่น นี้, ไม่ อยาก พูด เปน คำ พ้อลวง
ชาว สยาม ประเทศ เลย.
๏ อนึ่ง การ ที่ ไหว้ รูปเคารพย ไช่ ว่า จะ ห้าม แต่ คริศศาสนา
ฝ่าย เดียว เมื่อไร. ต้น พระพุทธศาสนา ก็ได้ ห้าม ด้วย. ข้าพเจ้า
ได้ อ่าน ใน เรื่อง ราว สมณโคดม เข้าใจ ว่า ท่าน ไม่ ชอบ ใน การ ที่
ไหว้ รูป เลย, เพราะ รูป เปน ของ อนิจัง หา ควร จะ ยก เปน ฃอง
ประเสริฐ ไม่.
ตลาด สำเพง
๏ อนึ่ง เมื่อ ณวัน พฤหัศบดี เดือน สิบเอ็ด แรม เจตค่ำ, ข้าพ
เจ้า ได้ เดิน เที่ยว ดู ตาม ตลาด สามเพ็ง, ได้ เหน ถนน ที่ ชำ
รุท ทรุดโทรม, เปน ที่ เดิน ยาก ลำบาก อยู่ แต่ ก่อน นั้น, เหน
ได้ ซ่อม แปลง ขึ้น ใหม่ ดี เรียบ ร้อย แล้ว. เปน ไป ทั้งนี้ เพราะ
พระบารมี ของ สมเด็จ พระเจ้า แผ่นดิน, ได้ เสด็จ พระราช ดำ
เนิน ไป ตาม ท้อง ถนล นั้น, ชน ทั้งหลาย จึ่ง พลอย ได้ ความ ศุข
ด้วย ดัง นี้ แล.
ข่าว ลัก โค กะบือ
๏ ข้อ หนึ่ง, แขก เขมร บ้าน ครัว ตั้ง แต่ วัด บรม นิวาศ ออก
ไป, ตั้ง กอง สม คบ นักเลง ลัก โค กระบือ รับ ซื้อ โค กระบือ,
มา ฆ่า เอา เนื้อ ซือ ขาย วันละ เก้า ตัว สิบ ตัว. เดือน หนึ่ง ถึง
สาม ร้อย เสศ, ปี หนึ่ง ก็ นับ พัน. ไม่ เปน ประโยชน์ กับ บ้าน
เมือง เลย. ถ้า ห้าม ปราม เสีย ไม่ ให้ ทำ การ เช่น นี้ ก็ จะ เปน ประ
โยชน์ กับ บ้าน เมือง. ราษฎร ที่ มี โค กระบือ โดย จะ หาย ถ้า ไม่
ฆ่า เสีย, ก็ คง จะ ติด ตาม ถ่าย ถอน ได้.
๏ การ ขโมย โค กระบือ, ที่ ว่า มา นี้, ผู้ มี ชื่อ เปน ใหญ่
ได้ เขียน มา ให้ ข้าพเจ้า, แล ได้ ขอ ให้ ลง พิมพ์. ข้าพเจ้า เหน ว่า
จะ เปน ความ จริง กระมัง. ชะรอย พวก แขก ที่ ขาย เนื้อ วัว ที่
คอกควาย นั้น, ได้ ซื้อ ตัว วัว มา จาก ขโมย ที่ บ้าน เขมร นั้น. บาง
ที ผู้ ที่ ซื้อ ตัว วัว ไป ฆ่า เสีย นั้น, จะ ไม่ รู้ ว่า เปน ของ ขโมย.
ได้ ยิน ข่าว ว่า ไม่ มี ใคร อาจ กล่าว โทษ คน ร้าย นั้น เลย, เพราะ
เขา อาไศรย ร่ม อำนาถ ท่าน ผู้ ใหญ่. เพราะ เหตุ นี้ ผู้ ลัก โค กระบือ
นั้น, จึง อง อาจ ทำ ตาม ชอบ ใจ ของ ตัว ทุก ๆ วัน.
๏ ข้าพเจ้า มี ความ หวัง ใจ ว่า, ถ้า ใน หลวง ได้ ทราบ ถึง
เหตุ ร้าย นี้ แล้ว, ก็ คง จะ มี รับ สั่ง ให้ ชำระ การ นั้น โดย เร็ว,
เพราะ ท่าน ประกอบ ด้วย ความ ยุติธรรค์, ประสงค์ จะ ให้ ราษ
ฎร อยู่ เอย็น เปน สุข, ปราษจาก อันตราย. ข้าพเจ้า พิเคราะห์
ดู เหน ว่า การ อาสัจ อาธรรม์ ยัง มี อีก หลาย อย่าง, ที่ ได้ พึ่ง
อา ไศรย ร่ม อำนาถ ผู้ ใหญ่ ใน ประเทศ สยาม นี้ เหมือน กัน.
๏ ขอ ให้ ท่าน ทั้งปวง ที่ มี ใจ ซื่อ สัจ แก่ บ้าน เมือง, ได้
กล่าว การ ร้าย ต่าง ๆ ที่ ได้ เหน ให้ ข้าพเจ้า ลง พิมพ์, จะ ได้
เปน ต่าง พระ เนตร พระ กรรณ์, เพื่อ จะ กล่าว โทษ ผู้ ร้าย. อย่า
กลัว ว่า ข้าพเจ้า จะ บอก ให้ อ้าย ผู้ ร้าย รู้ จัก ชื่อ ของ ท่าน ทั้งหลาย
เลย. แต่ทว่า ตอ้ง มี หนังสือ ฝาก มา ถึง ข้าพเจ้า, ให้ ข้าพเจ้า รู้
ว่า ความ ผิด นั้น ยังไร, แล คือ ผู้ ใด เปน ผู้ กล่าว โทษ. ข้าพเจ้า
จึง จะ ปิด ชื่อ ของ เขา ไว้ มิ ให้ ผู้ ใด รู้.
๏ การ สั่งสอน วิชา ยย่าง ประเทศ ยูรบ
๏ ผู้ ที่ กลัว พุทธสาศนา จะ หมด เร็ว ไป นั้น, มี ใจ สรรเสิญ
การ ที่ เรี่ย ราย กัน ออก เงิน สร้าง ตึก ใหญ่ ไว้ สำหรับ เปน ที่ สอน
หนังสือ เด๊ก, แล สอน วิชา การ ต่าง ๆ เปน หลาย แห่ง หลาย
ตำ บล, เหน เปน คุณ เปน ประโยชน์ แก่ แผ่น ดิน มาก จริง.
แต่ ท่าน พิเคราะห์ เหน ว่า, จะ เอา อย่าง ธรรมเนียม นั้น มา ทำ ใน
เมือง สยาม ไม่ ได้, เพราะ พุทธสาศนา ขัด ขวาง อยู่ จะ ไม่ ชอบ
ด้วย. ถ้า ได้ จัดแจง ตึก ใหญ่ เช่น ว่า มา นั้น, จะ ต้อง หา ครู
ใหญ่ สำรับ สอน เด๊ก นั้น มา แต่ นอก, เพราะ ใน พุทธสาศนา ไม่
มี คน ที่ ควร จะ ตั้ง เปน ครู ใหญ่ ได้. แล ครู ที่ มา แต่ นอก นั้น
คง จะ ไม่ เปน คน นับถือ พุทธสาศนา, “คง จะ สั่ง สอน ใน ทาง
สาศนา ที่ ครู นับถือ ด้วย, เด๊ก นั้น โต ใหญ่ ขึ้น คง จะ ถือ ลัทธิ
ต่าง ๆ จาก พุทธสาศนา ไป, ครั้น การ นาน ไป ข้าง น่า, คน ที่
นับถือ พุทธสาศนา, ก็ จะ หมด เร็ว ไป, เพราะ ดัง นั้น ไม่ มี ผู้
ได ออก เงิน ลงทุน เรี่ย ราย กัน” เพื่อ จะ ทำ ตึก สำหรับ สั่ง สอน
เด็ก เลย.
๏ เพราะ คำ ที่ ท่าน ว่า มา นี้, ข้าพเจ้า เข้าใจ ความ ของ
ท่าน ว่า, ชาว สยาม มีใจ รัก พุทธศาสนา มาก กว่า รัก ซึ่ง ประ
โยชน์ ใหญ่ ที่ จะ เกิด เพราะ การ สอน วิชา ต่างๆ, เช่น ว่า มา
นั้น. แล เข้าใจ ท่าน ว่า พุทธศาสนา จะ จำ เริญ ใน สว่าง แห่ง ศิส
ประสาตร์ วิชา ต่างๆ, ที่ เกิด ใน คริศ ศาสนา ไม่ได้, ดุจ มืด
กลาง คืน จะ ตั้ง ดำรง อยู่ ไม่ได้, เมื่อ ตวัน ขึ้น แล้วนั้น.
๏ ข้าพเจ้า เห้น ด้วย แล้ว, ได้ พิจารณา เอา เมือง ลังกา เปน
แบบ อย่าง. เมื้อง ลังกา นั้น เปน ต้น พุทธศาสนา. ครั้ง ก่อน
พุทธศาสนา จำเริญ ใน ที่ นั่น นัก. แต่ เมื่อ มี คน มา แต่ ประ
เทศ คริศ ศาสนา, มา ตั้ง สำนักนี้ สั่ง สอน เด็ก ให้ รู้ วิชา การ
ต่าง ๆ มากมาย, ฝ่าย พุทธศาสนา ก็ เสื่อม หมด เร็ว ไป, เปน
เหมือน ท่าน ได้ ว่า นั้น จริง.
๏ แล ควร ที่ จะ ถาม ท่าน ว่า, เหตุ อัน ใด จึ่ง เปน ไป ดังนั้น.
มิ ใช่ เพราะ พุทธศาสนา จะ ทน สว่าง ไม่ ได้ ฤๅ. ถ้า พุทธศาสนา
เปน ดี ยิ่ง เหมือน พวก ไทย ถือ นั้น, ทำ ไม จึ่ง มิ ได้ ชอบ แก่
สว่าง ต่าง ๆ เล่า. ทำ ไม ไม่ ได้ บังเกิด ครู ใหญ่ รู้ วิชา มาก
เหมือน ครู ที่ เกิด ใน ประเทศ ยูรบ เล่า. ถ้า จะ สืบ หา ทั่ว ไป ใน
เมือง พม่า เมือง จีน แล เมือง สยาม, ที่ พุทธศาสนา ได้ จำเริญ
เปน ใหญ่ ยิ่ง นั้น, ก็ ที่ ไหน จะ ภบ ปะ ผู้ ใด ผู้ หนึ่ง, ที่ ได้ ประกอบ
ด้วย วิชา ความ รู้ มาก, ผู้ ควร จะ สรรเสิญ ว่า เปน เอก, แล สนัด
ใน ภาษา ต่าง ๆ แล ใน วิชา คิด เลข, แล สนัด ทาง ที่ จะ รู้ วิชา
ดู ดวง อาทิตย์ แล ดาว ทั้งปวง, แล วิชา ความ รู้ ใน รูป คน แล
สัตว์ ทั้งหลาย, แล สันทัด ใน การ ที่ ทำ สรพสิ่ง ทั้งปวง อัน ทำ ดว้ย
ไม้, แล เหล็ก แล เงิน แล ทอง เปน ต้น, ให้ เปน อย่าง ใหม่ ดี ขึ้น
กว่า แต่ ก่อน เล่า. ถ้า พุทธศาสนา เปน ดี เปน เอก จริง ไซ้, ทำ
ไม ไม่ ได้ บังเกิด เมือง งาม เข้ม แขง เหมือน ที่ มี ใน แว่น แคว้น
คริศศาสนา เล่า. ท่าน จะ ตอบ คำ ถาม เหล่า นี้ ประการ ใด. มิ
ต้อง ยอม ว่า สว่าง เกิก ขื้น เพราะ คริศศาสนา มาก กว่า พุทธศาสนา
แท้ ฤๅ. ถ้า การ เปน ดัง นั้น เหตุผล ประการ ใด พวก ไทย ก็ ยัง
กำลัง รัก ใน พุทธศาสนา มาก ตั้งใจ ปย้ง กัน ว่า, จะ ไม่ ให้ เสื่อม
หมด เร็ว ไป เล่า. ถ้า การ เปน ดัง นั้น มิ ควร ที่ จะ ว่า ไทย รัก มืด
มาก กว่า สว่าง ฤๅ, จึ่ง ข้าว นาย ขุนนาง ผู้ มั่ง เงิน, ไม่ ออก เงิน
ลง ทุน เรีย ราย กัน, เพื่อ จะ ได้ ให้ ครู ชาติ ยูโรบ มา สั่ง สอน
กุลบุตร ตาม อย่าง แขก ที่ เมือง บำไบ นั้น ฤๅ. แม้น พุทธสาศนา จะ
หมด เร็ว ไป ใน สว่าง สำนัก นี้ สั่ง สอน วิชา อย่าง ธรรมเนียม ยูรบ.
เช่น ท่าน ว่า นั้น, ก็ มิ ควร ที่ จะ เปรียบ ความ ว่า, ดุจ ดัง ใต้ จะ
สูญ เร็ว ใน สว่าง แห่ง ดวง อาทิตย ฤๅ. แล เมื่อ ดวง อาทิตย ขึ้น
มา แล้ว, จะ ต้อง การ จุด ใต้ ให้ สว่าง ฤๅ
๏ ข้าพเจ้า ปราถนา จะ ถาม ท่าน อีก สัก สอง สาม ข้อ. ถ้า ครู
ใหญ่ ใน พุทธสาศนา จะ ออก ไป ถึง ประเทศ ยูรบ, เข้า ไป ใน สำนัก นี้
ตั้ง เปน ครู สั่ง สอน กลบุตร์ ทั้ง หลาย, ท่าน จะ นึก ว่า คริศสาศนา
จะ หมด เร็ว ไป เพราะ เขา ฤๅ. บ้าน เมือง ที่ ได้ ทิ้ง คริศสาศนา
เพราะ เหน แก่ พุทธสาศนา ที่ ไหน มี. ถ้า แม้น ครู ใน พุทธสาศนา
นับ เปน พัน, ออก ไป เที่ยว สำแดง พุทธสาศนา ใน ประเทศ ยูรบ,
อัน มี สว่าง กล้า นั้น คง สูญ ไป เหมือน เทียน ใน กลาง วัน. ถึง
จะ มี คน เข้า เปน สิษ บ้าง ก็ จะ น้อย นัก, ไม่ ภอ ที่ จะ เปลี่ยน
ขนบ ทำเนียม คริศสาศนา ได้. คง จะ เปน ดัง นั้น เพราะ ข้อ สำ
คัญ พยาน ใน พุทธสาศนา น้อย นัก, แล ที่ มี นั้น ไม่ อาษา มาก
ทน สว่าง แห่ง คริศสาศนา ได้. ครั้ง ก่อน นั้น พุทธสาศนา แผ่
ออก จาก เมือง ลังกา ไป, มี อำนาถ เปลี่ยน ศาสนา หลาย เมือง ก็
จริง, แต่ เปน ดัง นั้น เพราะ ชาว เมือง เหล่า นั้น กำลัง จม ใน
มืด, ความ รู้ มี แต่ น้อย, จึง หา ได้ ตรึก ตรอง ใน ศาสนา ละเอียด
ไม่. เขา รับ เชื่อ ง่าย เพราะ เปน คำ สัง สอน อย่าง ปลาด ๆ แต่
เท่า นั้น.
ข่าว มา แต่ เมือง จีน
๏ ณเดือน ๑๑ ขึ้น ๗ ค่ำ, เรือ กล ไฟ อเมริกา ชื่อ ซวานา
คา, กัปตัน เซน ได้ แล่น ออก จาก เมือง เซี่ยงไฮ้, เมื่อ ณ เดือน
๑๑ ขึ้น ๒ ค่ำ. ครั้น ณวัน เสาร์ เดือน ๑๑ ขึ้น สาม ค่ำ ก็ ได้ ภบ
เรือ บาก สยาม ชื่อ เด็นหมาก ทอด อยู่ ใน รว่าง, ที่ ชื่อ คันทันแลทังซู
ซั๊ย, ถูก ลม พยุห์ เสา กะโดง น่า หลัง หัก, แต่ เสา กลาง นั้น หัก
ชั้น ยอด. ฝ่าย กับตัน เรือ ไฟ ถาม กัปตัน เรือ บาก สยาม ว่า, จะ
ตอ้ง การ อะไร บ้าง, ฤๅ จะ ตอ้ง การ ให้ เรา ไป ชว่ย จง บอก เถิด.
เขา ตอบ ว่า, ขอบ คุณ แล้ว, แต่ หา ต้อง การ สิ่ง ใด ไม่. จะ ซ่อม
แปลง เสีย ใหม่ แล้ว จะ แล่น ไป ฮองกง ดอก.
ราคา สินค้า ที่ เมือง ฮองกอง
๏ ณวัน พุธ เดือน สิบเอ็ด ขึ้น เจ็ด ค่ำ ปี ฉลู สัปตศก.
๏ เข้า สาน บังกลา ๒ เหรียน ๕๕ เซ็นต์, แล ๓ เหรียน ถ้วน.
๏ เข้ากล้อง สยาม ๒ เหรียน ๒๕ เซ็นต์, แล ๒ เหรียน ๓๐
เซ็นต์. ๏ เข้า อย่าง กลาง ๒ เหรียน ๓๕ เซ็นต์, แล ๒
เหรี่ยน ๕๐ เซ็นต์. ๏ เข้า ขาว ๒ เหรียน ๗๐ เซ็นต์, แล ๒
เหรี่ยน ๘๐ เซ็นต์. ๏ เข้าเมือง ไส้ง่อน ๒ เหรียน ๕๐
เซ็นต์. ๏ เข้า มนิลา หาบละ ๒ หรี่ยน ๕๕ เซ็นต์, แล ๒
เหรียน ๘๕ เซ็นต์. ๏ เข้า ขาว เมือง ยางกุง หาบละ ๒ เหรียน
๕๕ เซ็นต์, แล ๒ เหรียน ๓๕ เซ็นต์. ๏ เข้ากล้อง หาบ
ละ ๒ เหรียน ๒๐ เซ็นต์. แล ๒ เหรี่ยน ๒๕ เซ็นต์.
๏ เข้า ที่ เมือง ไอ้มุ่ย เข้า อย่างกุ้ง หาบละ ๒ เหรียน ๗๕
เซ็นต์. เข้า ที่ บังกลา หาบละ ๒ เหรียน ๘๐ เซ็นต์.
๏ เข้า ที่ เมือง เสี้ยงไฮ้. เข้า กล้อง กรุงเทพฯ หาบละ ๒
เหรี่ยน ๑๓ เซ็นต์, แล ๒ เหรี่ยน ๔๗ เซ็นต์
๏ เข้า ขาว หาบละ ๒ เหรี่ยน ๖๓ เซ็นต์ แล ๒ เหรี่ยน ๗๕
เซ็นต์.
๏ ราคา เข้า ที่ นิงโป. เข้า บังกลา หาบละ ๒ เหรียน ๙๐ เซ็นต์
แล ๓ เหรียน ๘๕ เซ็นต์. ๏ เข้า ขาว สยาม หาบละ ๒ เหรียน
๙๐ เซ็นต์ แล ๓ เหรียน ๒๕ เซ็นต์. ๏ เข้า กล้อง หาบละ ๒
เหรียน ๗๐ เซ็นต์ แล ๒ เหรียน ๙๐ เซ็นต์. ๏ เข้ากล้อง ไซ่ ง่อน
หาบละ ๒ เหรียน ๗๐ เซ็นต์ แล ๒ เหรียน ๘๐ เซ็นต์. ๏ เข้า
กล้อง มนิลา หาบละ ๒ เหรียน ๖๐ เซ็นต์ แล ๒ เหรี่ยน ๘๐
เซ็นต์. ๏ เข้า ขาว ย่างกุ้ง หาบละ ๒ เหรียน ๘๐ เซ็นต์ แล
๓ เหรียน ๒๐ เซ็นต์.
๏ ราคา เมือง ที่ ซัวเถา, เข้า ขาว ที่ ๑ หาบละ ๓ เหรียน
๕ เซ็นต์, ที่ สอง หาบละ ๒ เหรียน ๙๕ เซ็นต์. ๏ เข้าขาว
ยางกุ้ง ที่ ๑ หาบ ละ ๒ เหรียน ๙๐ เซ็นต์, ที่ สอง ๒ เหรียน
๖๕ เซ็นต์. เข้า ไซ่งอน หาบ ละ ๒ เหรียน ๗๖ เซ็นต์.
น้ำตาน ทราย
๏ น้ำ ตาล ทราย ที่ เมือง ฮองกง, ที่ หนึ่ง หาบ ละ ๘ เหรียน
๕๐ เซ็นต์ แล ๘ เหรียน ๙๐ เซ็นต์. ที่ สอง ๘ เหรียน ๑๐ เซ็นต์.
แล ๘ เหรี่ยน ๓๐ เซ็นต์. ที่ สาม ๗ เหรียน ๗๐ เซ็นต์ แล ๗
เหรียน ๙๐ เซ็น ๏ น้ำตาลแดง เมือง กวางตุ้ง หาบ ละ ๕ เหรียน
๓๐ เซ็นต์ แล ๕ เหรียน ๔๐ เซ็นต์.
๏ ฝิ่น ที่ เมือง ฮองกง, อย่าง ที่ เรียก ว่า ปั้ตนา ใหม่ หีบ ละ
๖๔๐ เหรียน. อย่าง ที่ เรียก บินาเรศ ใหม่ หีบ ละ ๖๒๒ กับ ๕๐
เซ็นต์. อย่าง ที่ เรียก ว่า มันละวา หีบ ละ ๙๖๕ เหรียน.
๏ วัน เฉลิม พระ ชนม์ พรรษา
๏ เมื่อ ณวัน พุท เดือน สิบเอก แรม ๑๓ ค่ำ, เปน วัน ที่
ได้ ทรง เฉลิม พระชันษา, ใน พระบาท สมเด็จ พระจอมเกล้า เจ้า
อยู่ หัว ครบ ๖๑ ปี, เปน วัน ที่ ต้น ปี ที่ ๑๒. ได้ ทรง พระกรุณา
โปรด ให้ เชิญ พวก กงสุล ต่าง ประเทศ, เข้า ไป รับ พระ ราชทาน
ของ เลี้ยง ณ พระ ราชวัง. ฝ่าย พวก มิศชันเอรี่, กับ พวก นาย
ห้าง นั้น, ได้ ทรง โปรด ให้ เชิญ เข้า ไป รับ พระ ราชทาน ของ
เลี้ยง เมื่อ เวลา เช้า, ณวัน ประหัส เดือน สิบเอก แรม ๑๓ ค่ำ.
ข้าพเจ้า ได้ ถูก เชิญ ด้วย, หา ได้ ไป ไม่, เพราะ มี ธุระ จัด แจง
หนังสือ จด หมาย เหตุ ใบ นี้, ให้ ออก ตาม ที่ ได้ กำหนด ไว้ นั้น.
ใน หลวง ไม่ ได้ เชิญ ให้ พวก กงสุล, แล มิศชันเอรี่, แล พวก
นาย ห้าง, ไป รับ พระราชทาน พร้อม กัน เหมือน อย่าง เคย มา แต่
ก่อน ไม่, เพราะ เมื่อ ปี ที่ ล่วง มา แล้ว นี้, กงสุล อังกฤษ แล
กงสุล ฝรั่งเศศ, ถือ ตัว เกิน นัก จึ่ง ทูล ใน หลวง เปน ใจ ความ
ว่า, ฝ่าย ข้าพเจ้า ทั้ง สอง เปน กงสุล เมือง เอก, หา ควร จะ
นั่ง รับ พระราชทาน รคน ปน กับ ผู้อื่น ไม่. ขอ ได้ ทรง พระ
กรุณา โปรฎ ให้ มี โตะ ฝ่าย พวก กงสุล ต่าง หาก. จึ่ง ทรง
พระ กรุณา โปรฎ ให้ ตั้ง โตะ ขึ้น ใน ห้อง เดียว กัน นั้น, จัด
เปน สาม โตะ ๆ หนึ่ง สำรับ กงสุล, โตะ หนึ่ง, สำรับ พวก
บาท หลวง, โตะ หนึ่ง สำรับ พวก มิศชันเอรี่ แล นาย ห้าง.
๏ เมื่อ นั่ง ลง จะ รับ พระราชทาน นั้น, พวก นาย ห้าง เหน
ว่า ใน หลวง ได้ ทรง โปรฎ กงสุล เกิน ประมาณ, ดู เหมือน จะ ดู
หมิ่น พวก นาย ห้าง, แล ผิด จาก ทำเนียม ประเทศ ยูรบ นัก. เพราะ
ทำเนียม ประเทศ ยูรบ นั้น, เมื่อ เจ้านาย ได้ เชิญ เข้า ไป กิน
โตะ ด้วย กัน นั้น, ที่ จะ ได้ แบ่ง ออก เปน ๒ เปน ๓ พวก, ให้ นั่ง
โตะ พวก ละ ต่าง ๆ กัน หา มิ ได้. พวก นาย ห้าง ได้ เหน ดัง นั้น ก็
หา รับ พระราชทาน ไม่. พร้อม ใจ กัน ลุก ขึ้น เดิน ออก จาก
พระราชวัง. ใน หลวง ทอด พระเนตร เหน ดัง นั้น, จึ่ง
ตรัส ถาม กงสุล อังกฤษ ว่า, เหตุใด เขา จึ่ง ไป. เมื่อ ได้ ทรง
ทราบ เหตุ นั้น แล้ว, ดู เหมือน ไม่ สบาย พระ ไทย เลย. ด้วย
ตั้ง พระ ไทย หมาย ว่า, จะ โปรฎ ให้ สาม จำพวก นี้ มี ความ
สบาย มาก กว่า แต่ ก่อน. แล มิได้ สม กับ น้ำ พระ ไทย เพราะ
ตาม คำ กงสุล อังกฤษ แล ฝรั่งเศศ ทูล ขอ นั้น. ข้าพเจ้า เหน
ว่า ไม่ ควร ผู้ใด จะ ติ ใน หลวง เพราะ การ นั้น เลย. ใน หลวง ได้
ทราบ ว่า กงสุล รู้ จัก ขนบ ทำเนียม ชาว ยูรบ ดี แล้ว, ซึ่ง เข้า พระ
ไทย ว่า เขา ทูล ขอ นั้น จะ ถูก ต้อง ทำเนียม ยูรบ, ถ้า ถูก ต้อง
แล้ว หา ใคร จะ ติ ไม่ ได้.
๏ อนึ่ง ใน วัน ที่ ๒ ปีใหม่ นี้, ข้าพเจ้า บังคม มา ยัง ฝ่า
พระบาท สมเด็จ พระจอม เกล้า เจ้า อยู่ หัว, ด้วย ขอ ให้ จำเริญ
พระ ชันษา สืบ ไป เปน หลาย ปี. แล ขอ ให้ เมือง สยาม จำเริญ
ใน ความ ดี ทั้งปวง, ที่ จะ ให้ เมือง ตั้ง ดำรงค์ อยู่ เป็น นิจ เทิญ.
๏ มี คน หลาย คน มา ถาม ข้าพเจ้า ว่า พระ เจ้า นอ้ง
ยา เธอ กรมหลวง วงษา ธิราช สนิท มิ ได้ เกี่ยว ค่อง ใน เรื่อง
จด หมาย เหตุ บ้าง ฤา เหตุ เช่น นี้ ข้าพเจ้า จะ บอก ให้ คน ทั้ง
ปวง รู้ แน่ ว่า ท่าน มิ ได้ เอา เป็น ธุระ มา หลาย เดือน แล้ว
แต่ ใน เรื่อง จด หมาย ที่ ออก ทุก ๆ ครั้ง นั้น ท่าน หา ได้ รู้ ไม่
ต่ๆ ออก แล้ว ได้ เอา ไป ถวาย เมื่อใด ท่าน จึ่ง ได้ รู้ เมื่อ นั้น.
๏ จด หมาย คราว นี้ ได้ ออก ช้า ไป เพราะ คอย เหตุ ที่
เรือ เจ้า พระยา จะ เข้า มา หมาย ว่า จะ ได้ ข่าว ใหม่ อีก เปน
สำคัญ แต่ ได้ บ้าง เลก นอ้ย.
๏ บางกอก ดอกกำปนี คือ เจ้า ของ อู่ ใหม่
๏ อู่ แห้ง นี้ พึ่ง ทำ แล้ว, พร้อม ใจ จะ รับ เรือ ใหญ่ น้อย ทุก
อย่าง. เชิญ ให้ ท่าน เจ้า ของ เรือ, แล นาย เรือ ทั้งหลาย, จง พิ
จารณา ดู อู่ ใหม่ นี้. คง จะ เหน ว่า เปน อู่ ดี กว่า อู่ ทั้งปวง ใน บุระ
ประเทศ นี้. จะ ได้ แก้ เรือ ซ่อม แปลง เสีย ใหม่ โดย สดวก ดี. ที่
อู่ นั้น ยาว ได้ ๓๐๐ ฟุต, แล คง จะ ให้ ยาว กว่า นั้น อีก. โดย กว้าง
ได้ ๑๐๐ ฟุต, ฦก ๑๕ ฟุต. ที่ ปาก อู่ มี ปตู เรียก ว่า ไกซัน, ถ้า
จะ ปิด มิด ได้ โดย เร็ว. ที่ นอก ปาก อู่ ใน ออก ไป นั้น, จด ถึง
ลำ แม่น้ำ โดย ยาว ๑๒๐ ฟุต. มี เขื่อน สอง ฟาก กว้าง ขวาง แขง
แรง นัก, กำปั่น เล็ก กำปั่น ใหญ่ จะ จอด อาไศร อยู่ ปาก อู่ ได้ ใน
ทุก เวลา ไม่ เช่น อันตราย เลย. แล มี เครื่อง จักร สำรับ ยก เสา
กะโดง, แล หม้อ น้ำ สำรับ กล ไฟ แขง แรง นัก. อู่ นั้น พร้อม
ด้วย เครื่อง สูบ ไป ด้วย กำลัง กลไฟ. มี แรง มาก เพื่อ จะ ได้ สูบ
น้ำให้ ออก ได้ โดย เร็ว ได้, ไม่ ว่า น้ำ ขึ้น น้ำ ลง. พร้อม ด้วย
เครื่องใช้ ใน การ ทำเรือใบ แล เรือ กล. แล การ นั้น มี นาย ที่
เปน ชาติ ยูรบ, ได้ เคย ทำ การ เช่น นั้น หลาย ปี, จึง ชำ นาณ
ใน การ เหล่า นี้ ทุก อย่าง.
๏ แล ลูก จ้าง สำรับ อู่ นั้น เปน คน เลือก มา แต่ ฮ่องกง แล
วัมภู ทั้ง นั้น, เปน คน ชำนาญ ใน การ นั้น. ๏ พวก กำปะนี แห่ง อู่
นั้น, ปราถนา ที่ จะ ให้คน ทั้งหลาย พิเคราะ ดู ว่า, อู่นี้ ตั้ง อยู่ ที่ ที่ มี
ไม้ สัก บริบูรณ แล ถูก ด้วย. ๏ อนึ่ง อู่นี้ มี จักร เลื่อย ไม้, เพื่อ จะ
ได้การเร็ว. หมอน ที่ รอง เรือ สูง สี่ ฟุต, แล จะ ชัก ออก เมื่อใด
ก็ ชัก ได้ โดย สดวก, ไม่ ต้อง เสีย อะไร ใน การ เปลี่ยน หมอน นั้น.
๏ อนึ่ง พวก กำปะนี แห่ง อู่นั้น, จะ รับ ธุระ คิด ใน การ ที่
จะ ต้อง ลง ทุน ซ่อม แปลง เรือ, แล จะ รับ เหมา เอา การ นั้น,
เรือ ไม้ ก็ ดี เรือ เหล็ก ก็ ดี, แล จะ รับ ต่อ เรือใบ เรือ กล ไฟ ฤๅ
การ ใด ๆ ที่ ใน การ ช่าง ต่อ เรือ ซ่อม แปลง เรือ. ๏ ไม้ แล
เหล็ก แล ของ อื่น ๆ ที่ จะ ต้อง ซื้อ นั้น, เรา จะ ขาย ให้ ตาม ราคา
ตลาด กรุง เทพ นี้. ๏ อนึ่ง เรือ ทั้งหลาย ที่ จะ เข้า อู่ นั้น, จะ มา
จอด ที่ ทุ่น แห่ง กำปะนี ฤๅ ที่ เขื่อน นอก อู่ นั้น, ไม่ ต้อง เสีย เงิน
กว่า ผู้ ที่ เปน นาย การ จะ สั่ง ให้ เลื่อน ออก จาก ที่ นั้น เมื่อใด.
๏ อนึ่ง กะปิตัน แห่ง เรือ ทั้งหลาย, เมื่อ จะ ออก จาก อู่ นั้น,
ต้อง เขียน ชื่อ ตัว ลง ที่ บาญชี แห่ง นาย อู่ นั้น เสีย ก่อน จึง ออก
ได้. ๑ อนึ่ง แต่ บันดา หนังสือ, ที่ จะ ฝากมาถึง อู่นั้น, ต้อง
ฝาก ไป ถึง กะปิตัน ยอน บุช กว่า จะ ได้ เปลี่ยน อย่าง นั้น, บัดนี้
กะปิตัน บุช เปน นาย กอง นั้น, เปน เจ้า กระทรวง ใน การ ที่ จะ
ใช้ เงิน เก็บ เงิน แต่ ผู้ เดียว.
นายช่าง ต่าง ๆ
๏ ผู้ ที่ จด ชื่อ ที่ สุด ท้าย หนังสือ นี้, เคย ทำ การ ช่างใน
ประเทศ ยูรบ มาหลาย ปี, คือ เปน ช่าง จักร, ช่าง เอนชิเนีย, แล
เคย ชำนาญ ใน การ ทำ แผนที่, แล การ คิด ราคา เครื่อง จักร
ต่าง ๆ, แลได้รับ การ ตั้ง แล ซ่อม แปลง หม้อน้ำ กล ไฟ, แล
จักร หีบ อ้อย, แล เครื่อง ไฮโตร เอกซ์แตรกตอ สำรับ ให้ น้ำตาล
แห้ง เร็ว. แลเครื่อง จักรษี เข้า, แล เครื่อง จักร เลื่อยไม้, แล
เครื่อง หีบ น้ำมัน มพร้าว. แล เครื่อง จักร สำรับ กวาด ตกั่ว, แล
เงิน แล ทอง แดง, แล เครื่อง อัฐ ชื่อ ไฮดรอลิกเปรศซ์, แล ตะ
ภานเหล็ก, เครื่องเหล็ก สำรับ ยก ของ ที่ ตะภาน กำปั้น, แล จักร
น้ำ, แล เครื่อง สำรับ จักร ต่าง ๆ, แล การ ใส่ ฟัน จักร ใหญ่, แล
จักร สำรับ สูบ น้ำ ขึ้น บน พื้น นา, แล การ ช่าง อื่น ต่าง ๆ.
๏ ข้าพเจ้า ฃอ แจ้ง มา ถึง เจ้าฃอง เรือ กล ไฟ, แล จักร ษี
เข้า, แล จักร หีบ อ้อย, แล ผู้ อื่น ๆ ทั้งปวง ว่า, ข้าพเจ้า พร้อม
ใจ จะ รับ เอา การ ที่ ว่า มา แล้ว ใน หนังสือ นี้. ถ้า ผู้ ใด ๆ ปราถนา
มา หา ข้าพเจ้า โดย การ นี้, ขอ เชิญ ท่าน มา หา ข้าพเจ้า ที่ อยู่ ใหม่
ตำบล บ้าน คอก ควาย ใน แขวง กรุง เทพ นี้, ให้ มา ใน ระหว่าง
เวลา สี่ โมง เช้า, แล สี่ โมง บ่าย.
โรง พิมพ์
๏ โรง พิมพ์ ที่ ได้ ตี หนังสือ จด หมาย เหตุ นี้, ตั้ง อยู่ ที่ ริม
ปอ้ม ปาก คลอง บางกอก ใหญ่, หลัง วัง กรมหลวง วงษาธิ ราช
สนิท. ถ้า ผู้ ใด ๆ ปราถนา จะ ให้ ตี พิมพ์ หนังสือ ไทย, ฤา หนังสือ
อังกฤษ, จะ เปน เนื้อ ความ มาก นอ้ย ประการ ใด, ขอ เชิญ ท่าน
มา พูด กับ ข้าพเจ้า ๆ ปราถนา จะ รับ จ้าง ตี พิมพ์ หนังสือ ต่าง. ๆ
ราคา ค่า จ้าง นั้น, จะ รับ ให้ ถูก กว่า แต่ ก่อน มาก. ถ้า ฎีกา ต่าง ๆ
กว้าง ยาว เท่า แผ่น กระดาด น้ำซับ, ถ้า ตี เต็ม น่า ข้าง หนึ่ง, ถ้า
ต้อง การ แต่ พัน หนึ่ง, จะ คิด เอา ราคา พัน แผ่น ๒๐. บาท. ถ้า ต้อง
การ หลาย พัน, จะ เอา ราคา แต่ พัน ละ ๑๕ บาท เท่า นั้น. อนึ่ง
หนังสือ อังกฤษ ที่ เรียก ว่า, โบคโนฏ นั้น, เปน หนังสือ จด หมาย
สำหบ ที่ นาย ห้าง ฝาก สินค้า บันทุก ไป ลง กำปั้น นั้น, ๑๐๐ แผ่น
เปน ราคา ๕ บาท. อนึ่ง หนังสือ ที่ เรียก ว่า, เอ็นเต๊ร แล ชิปปิง
บิล, ถ้า จะ เอา แต่ ๓๐๐ ก็ เปน ๑๐๐ ละ ๔ บาท, ถ้า เอา ถึง
๑๐๐๐ เปน ๑๐๐ ละ กึ่ง ตำลึง. อนึ่ง หนังสือ บิล เลดิง, ถ้า
เอา แต่ ๓๐๐ เปน ๑๐๐ ละ ๕ บาท. ถ้า ต้อง การ ถึง ๑๐๐๐
จะ เอา ๑๐๐ ละ ๑๐ สลึง. อนึ่ง ถ้า เปน หนังสือ กาด เปน ๑๐๐
ละ ๕ บาท.
๏ การ ผูก หนังสือ เปน เล่ม. ๚
๏ อนึ่ง การ ที่ ผูก หนังสือ เปน เล่ม สมุท อังกฤษ, เท่า กับ
กฎหมาย ที่ ขาย อยู่ ทุก วัน นี้, ถ้า หุ้ม หนัง ล้วน เปน เล่ม ละ กึ่ง
ตำลึง. ถ้า ขลิบ หนัง เปน เล่ม ละ ๖ สลึง, ถ้า เอา มาก กว่า ๑๐
เล่ม ขึ้น ไป, ก็ จะ ลด ราคา เอา แต่ เล่ม ละ บาท. ถ้า เปน เล่ม
เล็ก กว่า กฎหมาย, ก็ จะ คิด เอา ราคา ตาม เล็ก แล ใหญ่ ภอ
สม ควร.
๏ การ แปล หนังสือ. ๚
๏ คำ ไทย ฤๅ คำ อังกฤษ แปล, ถ้า ร้อย คำ เปน ราคา ๕๐
เซ็น. ถ้า มาก กว่า ๑๐๐๐ คำ จะ คิด เอา ๑๐ คำ เปน ๔ เซ็น จน
ถึง ๒๐๐๐ คำ. ถ้า มาก กว่า ๒๐๐๐ คำ, ก็ จะ เอา แต่ สมควร
ภอ ตก ลง กัน ได้.
๏ หนังสือ ขาย. ฯะ
๏ อนึ่ง ที่ โรง พิมพ์ นั้น มี หนังสือ ขาย ต่าง ๆ, คือ หนังสือ
หัด พูด คำ อังกฤษ จบ ละ ๘ สลึง. แล หนังสือ จินดามะณี นั้น
เล่ม ละ บาท. หนังสือ กฎหมาย ไทย ๕๕ เล่ม สมุท ไทย ผูก เปน
หนังสือ อังกฤษ สอง เล่ม, ขาย เปน ราคา จบ ละ ๑๓ บาท สลึง,
แล หนังสือ พระ ราช พงษาวดาร ไทย ๔๒ เล่ม สมุด ไทย, ทำ เปน
สอง เล่ม อังกฤษ, ขาย จบ ละ ๑๐ บาท สอง สลึง. แล พงษาวดาร
ฝรั่งเศศ ย่อ, ขาย เล่ม ละ สอง สลึง. แล มี กระดาษ สมุด เปล่า
ต่าง ๆ ขาย เล่ม ละ บาท บ้าง, เล่ม ละ สอง สลึง บ้าง, เฟื้อง หนึ่ง บ้าง,
หลาย อย่าง ต่าง ๆ. เชิญ ท่าน ทั้ง หลาย มา หา ข้าพเจ้า ที่ โรง พิมพ์
๏ ไก่ ตัว ภู่ กับ เพชร ๚ะ
๏ อยู่ มา มี ชาย ผู้ หนึ่ง มี เพชร เม็ด หนึ่ง เท่า ผล เข้า โภช
สาลี, ชาย นั้น ถือ ไป ตก เสีย แห่ง ใด ไม่ รู้ ที่. ภาย หลัง มี ไก่
ตัว ภู่ พา ฝูง ไก่ ไป เที่ยว คุ้ย เขี่ย หา อาหาร. ครั้น คุย มา ถึง ที่
เพชร หาย นั้น, ก็ ได้ เหน เพชร เม็ด นั้น มี แสง สว่าง รุ่ง เรือง.
ไก่ นั้น นึก ว่า เพชร นี้ จะ มี ประโยชน์ อะไร แก่ เรา เล่า, ถึง ดู
งาม ก็ จริง, แต่ กิน มิ ได้. จึ่ง สั่น ศีศะ ว่า, เรา ไม่ ชอบ. แต่
สัตว อื่น จะ นับ ถือ ว่า เปน ดี ดอก กระมัง. ตัว : รา ไม่ ต้อง การ
แล้ว, ชั่ง มัน เถิด. เรา เหน ว่า เข้า เปลือก เม็ด เดียว ก็ จะ ดี
กว่า เพชร ทั้งปวง ใน โลกย์ อย่าง นี้ อีก.
๏ ดุจ นี้ แล มนุษย์ ผู้ ยัง รู้ น้อย ถึง ไม่ รู้ ที่ จัก กำหนด ของ ดี
ของ ชั่ว มัก ดูหมิ่น ดูถูก ของ ประเสริฐ.
เรือ สยาม ค้าง ที่ อยู่ เมือง จีน
๏ ค้าง อยู่ ที่ เมือง ซีฟู, แต่ ณ เดือน ๑๐ ขึ้น ๓ ค่ำ. คือ ไว
เคาน์ กันนิง ๑ น อ ร์ มัน ๑ ไตวัท ๑ กอนเตศ ๑ กวีน ออฟ อิง ลันก์ ๑
กองเกรอ ๑ ญอน พัด ฮิน ๑ ญอน ใจ ๑ เอมิก อกลัศ ๑ มีริ ตี ฮัน ๑
เอม เบ ย ๑ ซี แมน ไบรด์ ๑ เซน เอต อ ๑ ปริน เซศ รับ พี ๑ โซ ฮาก
พี ศ ๑. ๚ะ
๏ ค้าง อยู่ ที่ เมือง ซองกง, แต่ ณ เดือน ๑๑ ขึ้น ๗ ค่ำ. ออ
คัศ ๑ แกศ เตล ๑ โกไลอา ๑ คำราย ๑ คิมซองไต ๑ เมรีรอค ๑ มึริ
ดีอัน ๑ มูลไลต์ ๑ โอเรศติซ์ ๑ ปรินเซศ รับพี ๑ ซีฟอด ๑ ซีแมน
ไบรด์ ๑ ชูติงสตา ๑ วอลเตอ ๑ ยังไตเฮง ๑. ๚ะ
๏ ที่ ค้าง อยู่ เมือง ฟอเตา, ณเดือน ๑๑ ขึ้น ๒ ค่ำ. คือ แคน
ตอน ๑ ไตงอน ๑. ๚ะ
๏ ค้าง อยู่ ที่ เมือง เซี่ยงไฮ, ฅือ ฮักซิง ๑ ปาเรคอน ๑ รา
ปีก ๑ ชูติงศตา ๑ เซนต์ชอศ ๑ ไตลง ๑. ๚ะ
กำปั่น เข้า กรุงเทพ ฯ | |||||
เข้ามาเมื่อไร | กำปั่น ชื่อไร | กับบิตันชื่อไร | กี่ ตอน | เรือ อะไร | มาแต่ไหน |
เดือน ๑๑ แรม ค่ำ ๑ | บินเตล. ซี. ติโมร์ | เปน จีน | ๑๑๐ | บาก ฮอลันด์ | สิงคโปร์ |
แรม ๕ ค่ำ | ตะวิเปล | แลนซี้ | ๔๕๐ | บาก ปรอเซี่ย | จันตะบูน |
๑๓ ค่ำ | เจ้า พระยา | ออร์ตัน | ๓๕๓ | กล ไฟ สยาม | สิงคโปร์ |
ออก เมื่อไร | กำปั่น ออก จาก กรุงเทพ ฯ | จะ ไป ไหน | |||
เดือน ๑๑ แรม ๑๒ ค่ำ | เจ้า พระยา | ออร์ตัน | ๓๕๓ | กล ไฟ สยาม | สิงคโปร์ |
แรม ค่ำ ๑ | เรซืชอร์ช | ฮิมซัน | ๓๘๙ | ชิบ สยาม | ชองกง |
๗ ค่ำ | ระกมา | บาก อังกฤษ | ชองกง | ||
๏ หนังสือสำแดงการ
ที่ จะทำ หนังสือ จด หมายเหตุ, เรียกว่า บางกอก รีคอเดอ ต่อ ไป.
๏ ตั้ง แต่ นี้ ไป จะ ไม่ให้ติด อยู่กับ หนังสือ จด หมาย เหตุ,
ที่เป็น ภาษา อังกฤษ นั้น ต่อ ไป. แต่ จะ ให้ ตี ต่างหาก, เปน สี่
ใบ แปด น่า เต็ม ๆ เปน อย่าง ฉบับ นี้. แล หนังสือ นั้น, จะ จุ
ความ ที่ ว่า ด้วย การ บ้านเมือง, แล ความ ที่ รู้ รอบ ตาม หนัง
สือ, แล ศิลประสาตร วิชา การ ต่างๆ, แล การ พ่อค้า, แล
ข่าว ที่ บังเกิด ใน เมือง นี้, แล เมือง ที่ ล้อม รอบ. แล จะ คัด เอา
ข่าว จาก หนังสือ จด หมาย เหตุ, ที่ มี มา แต่ เมือง จีน, เมือง บัก
เตเวีย, เมือง สิงกะโปร์, เมือง ปีแนง, เมือง พม่า, เมือง บัง
กะล่า, เมือง ลังกา, เมือง บำไบ, ประเทศ ยุรบ, แล ประเทศ อเม
ริกา. จะ คัด เอา ข้อ ความ ออก จาก หนังสือ จด หมายเหตุ เหล่า นั้น,
ซึ่ง จะ เปน ประโยชน์ แก่ ผู้ ใด ๆ ที่ อ่าน. เจ้า ของ บางกอก รีคอ
เดอ, จะ เอา ใจใส่, เพื่อ จะ ให้ หนังสือ จด หมายเหตุ นั้น, เปน
ของ ดี ยั่ง ยืน มั่น คง, เปน ของ ที่ ควร ชาว ประเทศ สยาม จะ
อ่าน, ได้ ช่วย ให้ มี ความ รู้ จำเริญ ดี ขึ้น.
๏ หนังสือ จด หมายเหตุ นี้, เปรียบ เหมือน คน เที่ยว ไป ทั่ว
โลกย์, เพื่อ จะ ได้ หา เหตุ ต่าง ๆ เปน สำคัญ, แล้ว ก็ กลับ มา เล่า
เหตุ การ ให้ คน ทั้งปวง ฟัง. ถ้า คน เหล่า นั้น จะ มา แต่ ประเทศ
อเมริกา บ้าง, ประเทศ ยุรบ บ้าง, เมือง บังกะลา บ้าง, เมือง พม่า
บ้าง, เมือง จีน บ้าง, เมือง ชวา บ้าง, เมือง สิงกะโปร์ บ้าง, เมือง
ปีแนง บ้าง, แล เมือง อื่น ๆ หลาย แห่ง นั้น, ท่าน ผู้ อ่าน นี้ จะ มิ
ชอบใจ ฟัง เขา บอก ข่าว เดือน ละสอง หน ฤๅ, และ จะ คิด เสีย ดาย
เงิน ค่า จ้าง ที่ จะ ให้ เขา ปี ละ ห้า บาท ฤๅ แปด บาท นั้น ได้ ฤๅ.
ฝ่าย หนังสือ จด หมายเหตุ ที่ เรียก ว่า, บางกอก รีคอเดอ นี้, จะ มา
บอก ข่าว แก่ ท่าน ทั้งหลาย เดือน ละสอง ครั้ง, จะ บอก เปน ภาษา
ไทย, ให้ ตัว ท่าน ฟัง ข่าว ต่าง ๆ, ที่ ได้ นำ เอา มา แต่ ทั่ว โลกย์.
หนังสือ บางกอก รีคอเกอ นี้, ได้ เก็บ เหตุ มา แต่ หลาย แห่ง หลาย
ตำบล เช่น ว่า มา นี้, เพราะ มี หนังสือ บอก ข่าว มา แต่ ที่ เหล่า
นั้น, มา ถึง เจ้า ของ บางกอก รีคอเดอ, ๆ จึง ได้ แปล ออก จาก
ภาษา อังกฤษ เปน ภาษา ไทย, ตาม ที่ ได้ เหน ว่า, จะ เปน ประ
โยชน์ แก่ พวก ไทย. อนึ่ง ชาว ประเทศ อเมริกา, แล ประเทศ
ยุรบ นั้น, เขา ได้ อาไศรย หนังสือ จด หมายเหตุ ต่าง ๆ มั่น คง,
เพื่อ ประสงค์ จะ ได้ ความ รู้ ต่าง ๆ. เขาเข้าใจว่า, ถ้า ไม่ ได้
อ่าน หนังสือ จด หมาย เหตุ ต่าง ๆ แล้ว, ก็ดู เหมือน เปน คน หา
ปัญญา มิ ได้, เปน น่า อาย แก่คน ทั้งปวง นัก. เพราะ เหตุ
ชะนี้, ชาว อเมริกา ชาว ยุรบ จึง ได้ ซื้อ หนังสือ จด หมาย เหตุ
โดย มาก, จะ หาผู้ใหญ่ใด ๆ ที่มิได้ ซื้อ หนังสือ จด หมาย เหตุ
บ้าง นั้น ก็ หา ยาก นัก. ลาง ครอบ ครัว หนึ่ง, ซื้อ เจ๊ด วัน ฉบบ
หนึ่ง, ลาง ที่ สอง ฉบับ, สาม ฉบับ, เจ็ด ฉบับ ก็ มี. ด้วย เขา
เข้าใจ ว่า, อัน หนังสือ จด หมาย เหตุต่าง ๆนี้, เปรียบ เหมือน
กล้อง สร่อง, สำรับ จะ ชว่ย ตาให้เหนใกล้ แล ไกล ได้. ถ้า หา
มี กล้อง สร่อง อย่าง นี้ ไม่, ดุจ หนึ่ง ตาบอด มิได้ เหน เลย.
๏ ราคา หนังสือ บางกอกรีคอเดอ
๏ เมื่อ จะ ขาย ได้ แต่ นอ้ย เพียง สอง รอ้ย, สามรอ้ย เล่ม
คือ เล่ม ละ ๒๖ ใบ, ตีเดือน ละสอง ใบ นั้น, ต้อง ขาย เปน เล่ม
ละ ห้า บาท, คือ ปี หนึ่ง ห้าบาท. ถ้า แม้น ได้ เรี่ย ราย ชื่อ คน ที่ จะ
ซื้อ เพียง พัน คน, เปน พัน เล่ม เมื่อไร, เจ้า ของ บางกอก รีคอ
เดอ, จะ ลด ราคา ลง ถึง เล่ม ละ สอง บาท เมื่อ นั้น. ถ้า ได้ ราย
สอง พัน คน ที่ จะ ซื้อ, จะ ลด ราคา ลง ถึง เล่ม ละ หก สลึง. เหตุ
การ ที่ ตี พิมพ์ นอ้ย เล่ม นั้น, ก็ ป่วย การ ลง ทุน เสีย เงิน ค่า จ้าง,
มาก, แทบ จะ เหมือน กับ ตีพิมพ์ มาก เล่ม เหมือน กัน.
๏ อนึ่ง ถ้า ผู้ ใด จะ ช่วย เสาะหา คน ที่ จะซื้อ บางกอก รีคอเดอ
จด หมาย เหตุนี้, ได้ ห้า คน มา ลง ชื่อ เข้า เมื่อไร, ผู้ เจ้า ของ
หนังสือ จด หมาย เหตุนี้, จะ ให้ เปน รางวัน แก่ ผู้ ที่ ได้ หา ชื่อ คน
นั้น เล่ม หนึ่ง คือ ๒๖ ใบ.
๏ อนึ่ง ถ้า ผู้ ซื้อ เปน คน อยู่ ใน กรุงเทพ ฯ, ข้าพเจ้า จะ
ฝาก จด หมาย เหตุ ให้ เขา เดือน ละ สอง หน. ถ้า เปน คน อยู่ นอก
กรุงเทพ ฯ, บาง ที จะ ฝาก ไป ถึง เขา ก็ ได้, บาง ที ไม่ ได้, ต้อง
ให้ เขา ใช้ บ่าว มา เอา เอง ที่ โรงพิมพ์ ฯ ของ ข้าพเจ้า อยู่ ริม ป้อม
ปาก คลอง บาง กอก ใหญ่ หลัง วัง กรมหลวง วง ษา.
๏ จดหมาย เหตุ ออก เมื่อไร ๚ะ
๏ ตั้ง แต่ นี้ ไป จดหมาย เหตุ เหล่า นี้, จะ ออก ใน วัน
กลาง เดือน, แล วัน สิ้น เดือน เสมอ ไป เปน นิจ. ผู้ ใด ๆ
ปราถนา จะ ได้ จดหมาย เหตุ ใบ อัน ใด อัน หนึ่ง โดย เรว, ก็ จง
มา เอา ค่ำ วัน กลาง เดือน, แล ค่ำ วัน สิ้น เดือน เถิด.