BANGKOK RECORDER


BANGKOK RECORDER

Vol. 1 เล่ม ๑ บางกอก เดือน สิบสอง แรม สิบห้า ค่ำ จุลศักราช ๑๒๒๗ Nov. 18th 1865 กฤษศักราช ๑๘๖๕,ใบที่ ๑๘ No. 18

๏ เรื่อง นิยาย ของ หลวง

๏ จะ เล่า นิยาย ให้ ท่าน ฟัง, ภอ เปน คติ ได้ รู้ การ ที่ ชอบ
ที่ ผิด, ว่า ธรรมเนียม ใน ประเทศ สยาม มี แต่ โบราณ สืบ มา.
เมื่อ เทศกาล ออก พรรษา แล้ว, ใน แรม เดือน สิบเอ็ด แล เดือน
สิบ สอง. ที่ ศาลา โรงธรรม ใน พระ นคร นอก พระ นคร, แล ใน
พระ อาราม หลวง ฤา วัด ฃอง ราษฎร ทุก ๆ แห่ง ไป, ฤา ใน วัง
เจ้า, บ้าน ขุนนาง บาง แห่ง, ก็ มี เทศน์ มหาชาติ. ท่าน ผู้ เจ้า
ฃอง วัง เจ้า ฃอง บ้าน นั้น, ๆ แล ราษฎร ชาย หญิง ก็ แจกจ่าย
กัน, รับ เปน เจ้าภาพ, ให้ นิมนต์ พระสงฆ์ บ้าง, สามเณร บ้าง,
มา ขับร้อง มี ทำนอง เทศนา เรื่อง พระเวสสันดร ๑๓ กัณฑ์. เจ้า
ภาพ เจ้า ฃอง กัณฑ์ ชื่นชม ยิน ดี, บริจาค เงิน ทอง สิ่ง ของ
เครื่อง บูชา กัณฑ์, กัณฑ์ หนึ่ง ๆ, หลาย บาท หลาย ตำลึง. นิยม
ว่า เปน การ บุญ บูชา ใน พระ ศาสนา ทุก แห่ง ทุก ตำบล ไป.

๏ การ เรื่อง นี้ ผู้ ที่ ไม่ เหน ด้วย ไม่ เชื่อ ว่า เปน การ บุญ ก็
มี. คน จำพวก นี้ ก็ พูด ติเตียน การ มี เทศนา มหาชาติ, ว่า
ได้ บุญ ได้ กุศล อย่าง ไร จึ่ง นิยม กัน บริจาค ให้ ปั่น เปน หนัก หนา.
ถ้า จะ บูชา ท่าน ที่ มี คุณ, ทรง ธรรม ทรง วิไนย ประฏิบัติ เปน อา
ยะ พระศาสนา จริง ๆ. ฤา จะ บูชา คุณ บิดา มารดา แล ญาติ ผู้ใหญ่
ใน กระกูล ฃอง ตน, ฤา จะ อนุเคราะห์ แก่ คน ยาก จน แก่
ชรา อนาถา อื่น ๆ, ฤา จะ ทำ ถนน หน ทาง สร้าง ตพาน ศาลา ที่
อยู่ ที่ อาไศย, ฤา อะไร ๆ อื่น ก็ จะ มี ผล ประโยชน์ ได้ บุญ มาก
กว่า ลงทุน มี เทศนา มหาชาติ. เพราะ ผู้ ที่ มี ศรัทธา บริจาค เงิน
ทอง จบ ใส่ เกล้า ให้ ไป แก่ คน ที่ ไม่ ประฏิบัติ ถือ พระพุทธศาสนา
เปน แต่ คน มา แอบ อาไศย พระ ศาสนา หากิน. คน พวก นั้น เมื่อ
เทศนา ได้ เงิน ติด เทียน ไป มาก แล้ว, ก็ สึก ออก มี ภรรยา แล
เปน นักเลง เสพ สุรา เล่น เบี้ย เล่น โป แล อื่น ๆ, ไม่ เหน ว่า
เงิน ทอง ฃอง บูชา กัณฑ์ นั้น, เปน ประโยชน์ อะไร แก่ ศาสนา.

เงิน ที่ เสีย ไป ทำให้ เปน ที่ เสื่อม ศรัทธา ต้อง เสีย ใจ แก่ ผู้ ให้ มี
ใช้ ฤๅ. จำพวก ที่ นับ ถือ การ เทศนามหาชาติ ว่า ได้ บุญ ก็ ถุ้ง
เถียง เทลาะ กัน.

๏ ก็ ใน โรง ธรรม แห่ง หนึ่ง, ตก ค้าง อยู่ ยัง หา ได้ มี
เทศนา มหาชาติไม่. มี คน หนึ่ง มี ความ ร้อนใจ, จึง ออก เที่ยว
แจก ฎีกา เรี่ย ไร บอก บุญ ตาม ชาว บ้าน ว่า พ่อ เอ๋ย แม่ เอ๋ย, ที่
โรง ธรรม นี้ การ เทศนา มหาชาติ ตก ค้าง อยู่ ยัง ไม่ ได้ มี, ชวย
กัน ออก คน ละ เลก คน ละนอ้ย ตาม ได้ ตาม มี ตาม ศรัทธา, ท่าน
ผู้ นี้ รับ กัณฑ์ นี้ ท่าน ผู้ นั้น รับ กัณฑ์ โน้น, อย่า ให้ เสีย ปี เสีย
เดือน เปน การ บุญ ใหญ่. จึง มี คน ผู้ หนึ่ง เปน จำ พวก ที่ ไม่
ชอบ ใจ ไม่ เหน ด้วย, พูด ขัด ฃวาง ขึ้น แก่ ผู้ นั้น, ว่า มี เทศนา
มหาชาติ ได้ บุญ ได้ ธรรม์ อย่าง ไร, ใจ ข้าพเจ้า เหน ว่า เงิน ที่ เรี่ย
ไร ได้ มา นั้น, ถ้า จะ เอา ไป ซื้อ ฟืน เผา ซาก สบ สุนักข์ เสีย ดี
กว่า, เพราะ เสีย เงิน ไป ก็ ไม่ ต้อง เปน ที่ เสีย ใจ, เหมือน อย่าง
เสีย เงิน ไป ใน การ มี เทศนา มหาชาติ.

๏ เพราะ ฉะ นั้น การ ที่ พูด ซ้ำ ซาก ดว้ย เรื่อง จะ ให้ ทำ ทาง
รถ ไฟ ใช้ รถ ไฟ, แล จะ ให้ ตั้ง เตเลแครบ นั้น, ก็ จะ เปน เหมือน
เช่น นิยาย นี้ เหมือน กัน. ครั้น จะ ว่า ว่า ที่ จะ เสีย เงิน ทำ ทาง รถ
ไฟ แล เต แล แครบ นั้น, ถ้า จะ เสีย เงิน ให้ ซื้อ ฟืน แล ค่า จ้าง
เที่ยว เกบ ซาก สบ สุนักข์ เผา เสีย ดี กว่า, ก็ จะ ว่าว่า หยาบ ไป.

๏ แต่ การ เรื่อง อื่น ที่ จะ เปน คุณ ประโยชน์ แก่ พระ นคร
นั้น, ก็ ทรง พระ ราช ดำริห อยู่ คือ ที่ ทาง สนน เจริญ กรุง, ตรง
ไป ข้าม คลอง นอก กำ แพง พระ นคร นั้น, เจ้า พระยา ศรี สุริยวงษ
ก็ ได้ ทำ ขึ้น แล้ว. ยัง ที่ ตพานหัน เจ้า พระยา ภูธราภัย ก็ จะ ให้
ทำ อีก แห่ง หนึ่ง. ที่ ตรง สนน วัด ชนะ สงคราม ตรง ไป ข้าม ไป
วัง พระ เจ้า ลูก ยา เธอ กรม หมื่น มเหศวร ศิววิลาส, ๆ ก็ จะ ให้
ทำ อีก แห่ง หนึ่ง. แล การ จะ ขุด คลอง ไป ใน ที่ ที่ ควร จะ เปน
ไร่ เปน นา เปน สวน ได้ อีก หลาย ตำบล. จะ ให้ ทำ ต่อ ๆ ไป.


๏ คำ ตอบ ท่าน ผู้ สรรเสริญ พุทธศาสนา ๚

๏ ซึ่ง ท่าน แก้ ด้วย พุทธ ศาสนา นั้น ข้าพะเจ้า ได้ ทราบ แล้ว,
เปน คำ ที่ ประกอบ ด้วย ความ อาณาไศรย, ควร ที่ จะ เปน อย่าง
แก่ คน ทั้งปวง ที่ จะ ทุ่งเถียง กัน ด้วย ศาสนา, หา ควร จะ โกรธ
กัน ไม่. ขอ แก้ ที่ ท่าน กล่าว ว่า พุทธ ศาสนา ทวน กระแส กิเลศ
แล ตัณหา ของ มนุษ ทั้ง หลาย นั้น, ก็ ชอบ อยู่ แล้ว. คฤศ ศาสนา
ก็ ทวน เหมือน กัน, ไม่ ยอม ให้ มี ความ โลภ คือ ความ ปราถนา
ที่ จะ ชัก ขวาง พระ บัญัติ ๑๐ ข้อ นั้น. ใจ ความ พระ บัญัติ นั้น
ว่า, ให้ รัก พระเจ้า ด้วย สุด ใจ, แล ให้ รัก คน ทั้ง ปวง เหมือน รัก
ตัว ตน. ที่ บุคล เคย รัก ตัว มาก กว่า ผู้ อื่น ทั้ง ปวง จะ ประพฤกติ
ตาม บัญัติ นั้น ให้ ถี่ ถ้วน ก็ ยาก นัก. เหมือน คน ผู้ เดียว จะ
ภาย เรือ ใหญ่ ทวน กระแส น้ำ เชี่ยว, ถ้า ไม่ มี ผู้ ช่วย ก็ จะ ไป ไม่
ได้. แต่ ใน คฤศ ศาสนา ย่อม มี ผู้ ช่วย กำลัง, ให้ ทวน กระ
แส กิเลศ ตัณหา ได้. ผู้ ช่วย นั้น คือ พระ วิญาณ พระเยซู ที่ พระ
องค์ ได้ โปรด ให้ มา ดล ใจ บุคล ทุก คน ที่ มี ความ เชื่อ, แล
ความ รัก ใน พระองค์, ให้ เกิด ใจ เกลียด บาป ทุก อย่าง, แล
ให้ รัก ซึ่ง ความ ชอบ ธรรม์ ทั้ง ปวง. ใจ เปน ดัง นั้น จึง อาจ ห้าม
กิเลศ ตัณหา ได้. มี ผู้ ช่วย เช่น ว่า มา นี้, ไม่ เหมือน พุทธ
ศาสนา, ๆ ถ้า ผู้ ใด ทวน กระแส กิเลศ ต้อง อาไศรย กำลัง ของ ตัว
เอง, จึง เปน การ ยาก เตม ที่ นัก ไป ไม่ ได้. ผู้ ที่ เปน ครู นั้น
ก็ นิพาน เสีย แล้ว, จะ มา ช่วย อุปถัมภ์ ลูก สิศ ก็ มิ ได้. แล
คำ สั่ง สอน ของ ท่าน เมื่อ วิญาณ ท่าน ไม่ อยู่ ด้วย, ก็ ย่อม ถอย กำ
ลัง ลง มิ ได้ มี อำนาถ. ฝ่าย คฤศ ศาสนา ถ้า พระวิญาณ ไม่ อยู่
ด้วย แล้ว, ก็ จะ ถอย กำลัง ลง เหมือน กัน. เหตุ ดัง นี้ จึง
ว่า, คฤศ ศาสนา กับ พุทธ ศาสนา นั้น ก็ ผิด กัน นัก. ข้าง หนึ่ง
มี พระ วิญาณ เจ้า ของ โลกย์ มา ช่วย อุปถำก์ ลูก สิศ ทุก วัน ให้ มี
กำลัง ขึ้น. ข้าง หนึ่ง ปราศจาก พระ วิญาณ, ลูก สิศ ต้อง ประ
พฤกติ ด้วย กำลัง ของ ตัว เอง, เพราะ หา มี ผู้ ช่วย ไม่.

๏ ขอ ที่ ท่าน ว่า, พุทธ ศาสนา ลึก ซึ้ง สุกขุม ละเอียด นัก,
ยาก ที่ ผู้ ใด จะ รู้ จะ เข้าใจ ได้ นั้น, ข้าพเจ้า ก็ เหน ด้วย. จึง นึก
เหน ว่า ผู้ ที่ เปน เจ้า ของ พุทธ ศาสนา นั้น, จะ เปน ผู้ ประกอบ ด้วย
ความ เมตา สัตว แท้ นั้น หา มิ ได้. เพราะ ท่าน ได้ ตั้ง ศาสนา ที่
คน ทั้ง ปวง ซึ่ง ไม่ รู้ หนังสือ ลึก ซึ้ง จะ มิ อาจ เข้าใจ ได้. เหมือน
พระ ราช บิดา องค์ ใด องค์ หนึ่ง, ที่ ได้ ตั้ง ธรรมเนียม ใน พระ ราช
บุทร ทั้งปวง, เลี้ยง แต่ ผู้ ที่ จะ รู้ หนังสือ ลึก ซึ้ง, ผู้ ที่ รู้ น้อย
ยัง ไม่ เลี้ยง เลย. ถ้า ดัง นั้น ก็ จะ ได้ ชื่อ ว่า, มี ความ เมตา ลูก
รอบคอบ หา มิ ได้. คำ คฤศ ศาสนา หา เปน ดัง นั้น ไม่, เปน
คำ เข้า ใจ ง่าย. ที่ เด็ก อ่อน ๆ ก็ พึ่ง เข้า ใจ ได้ เหมือน คน ผู้
ใหญ่. ดุจ เข้า แล น้ำ ที่ สำรับ เปน ประโยชน์ แก่ มนุษ ทั่ว ไป, ผู้
ใหญ่ แล เด็ก ก็ กิน ได้ เหมือน กัน.

๏ ข้อ ที่ ท่าน ว่า, ถึง จะ ไป เที่ยว สั่งสอน ใน ประเทศ ยูรป
ทั้งปวง, ก็ จะ ไม่ มี ผู้ ใด รับ คำ สั่งสอน พุทธ ศาสนา นั้น, ข้าพเจ้า ก็
เหน ด้วย. คง จะ เปน ไป ดัง นั้น เพราะ คน ใน ประเทศ ทั้งปวง
นั้น มี สว่าง ใน ใจ ที่ จะ ห้าม คำ สั่งสอน นั้น, เขา จะ รับ ว่า จริง
มิ ได้, เพราะ เปน คำ ขัด ขวาง ปัญญา, ดุจ ความ มืด ขัด สว่าง.

๏ ข้อ ที่ ท่าน ทราบ ว่า, มี บุคล ใน ประเทศ ยุรป ที่ เขา ไม่
ถือ คฤศ ศาสนา ก็ มี มาก. ท่าน เข้า ใจ เช่น ที่ ว่า นั้น ไม่ ถูก.
บ้าน เมือง ทั้งปวง ใน ประเทศ ยุรป, ย่อม เปน คฤษเตียน ทั้ง นั้น.
คือ คน ทั้งปวง ทั้ง ผู้ ใหญ่ ผู้ น้อย, ได้ นับ ถือ พระ ผู้ สร้าง ว่า เปน
ใหญ่ ยิ่ง, คง ตั้ง มั่นคง ทั่ว ไป ใน อนาคต, ไม่ มี เบื้อง ต้น เบื้อง
ปลาย เลย. แล ได้ ถือ ว่า พระ เยซู เจ้า เปน พระ บุทร องค์ เดียว,
ได้ เสดจ มา ใน โลกย์ เพื่อ จะ ช่วย มนุษ ให้ พ้น บาป. แต่ คน ทั้ง
ปวง ใน ประเทศ ยูรป เขา ไม่ มี ใจ เลื่อม ใสย รัก ใคร่ ใน พระ เยซู
ก็ จริง. แล คน ที่ มี ใจ สัทธา รัก ใน พระองค์ นั้น ก็ น้อย, แล คน
ที่ ไม่ มี ใจ สัทธา นั้น ก็ มาก. ดุจ คน ทั้งปวง ใน ประเทศ สยาม,
ที่ มี ใจ สัทธา ใน พระพุทธ สาศนา นั้น ก็ น้อย, ที่ มิ ได้ สัทธา นั้น ก็
มาก เหมือน กัน. ถึง กระนั้น ชาว ประเทศ สยาม ทั้งปวง ที่ บิดา
มารดา เคย ถือ ใน พุทธ ศาสนา, ก็ จัด ได้ ชื่อ ว่า เปน คน เชื้อ ใน
พุทธ สาศนา ทั้ง นั้น. แล ได้ กิน ผล ต่าง ๆ ตาม พุทธ สาศนา สิ้น.

๏ ฝ่าย คน ทั้งปวง ใน ประเทศ ยูรป, ที่ มิ ได้ สัทธา ใน คฤศ
ศาสนา, ก็ จัก ได้ ชื่อ ว่า เปน คน เชื้อ ใน คฤศ สาศนา, แล ไต้
กิน ผล ตาม คฤศ สาศนา สิ้น. แต่ ผล ที่ เกิด เพราะ คฤศ สาศนา
นั้น, คือ สว่าง แล กำลัง ใน ใจ ต่าง ๆ, มาก กว่า ที่ เกิด ใน พุทธ
สาศนา เช่น ข้าพเจ้า ว่า มา แล้ว นั้น.

๏ ข้อ ที่ ท่าน ถาม ว่า, ก็ มี ความ สว่าง อะไร เล่า ไป สร่อง
ให้ เขา มี ความ จำเริญ ด้วย. ข้าพเจ้า ฃอ ตอบ ว่า, เปน สว่าง
ที่ ออก มา จาก พระ คำภีร์ ที่ เรียก ว่า ใบเบ๊ล, ที่ พระ เยซู ได้ โปรด
ประทาน ให้ นั้น. เหมือน อย่าง ความ มืด ใน แผ่นดิน ไทย เกิด
มา จาก พระ คำภีร์ พุทธ สาศนา, ได้ จับ เอา คน ทั้งปวง ใน แผ่น
ดิน ไทย. บิดา มารดา ของ คน ทั้งปวง ใน ประเทศ ยูรบ, ได้ สว่าง
ใน ใจ เพราะ พระ คำภีร์ คฤศ สาศนา. สำนักนี้ อาจารย์ เด็ก, แล
ผู้ใหญ่ ทั้งปวง ทั่ว ไป ใน ประเทศ ยูรบ เปน คฤษเตียน ทั้ง สิ้น. ใน
พวก ครู เหล่า นั้น, หา มี ผู้ ใด ที่ จะ ยอม ให้ คน อื่น ๆ เข้า ใจ ว่า,
ตัว อยู่ นอก สาศนา พระเยซู ไม่. ถ้า ใน ๑๐๐๐ คน จะ มี สัก คน
หนึ่ง ที่ ไม่ ถือ ใน คฤศ สาศนา, แม้น เขา มี วิชา การ ความ รู้
รุ่ง เรือง เหมือน กัน กับ พวก ที่ ถือ คฤศ สาศนา, ก็ ควร ที่ จะ
เข้า ใจ ว่า, เปน เพราะ สว่าง ที่ ส่อง ออก มา จาก สำนักนี้ อาจารย์
ที่ เปน คฤษเตียน นั้น. ดุจ คน หนุ่ม ที่ เปน ชาว ประเทศ สยาม, ได้
ออก ไป เรียน หนังสือ ใน สำนักนี้ อาจารย์ ใหญ่ ที่ เมือง ลอนดอน,
อุตส่าห์ มี ความ เพียร เรียน ใน สว่าง คฤษเตียน นั้น สิบ ปี, ได้
วิชา การ ความ รู้ รุ่ง เรือง มาก, แต่ หา สัทธา ใน คฤศ สาศนา ไม่.
แล้ว ก็ กลับ มา ยัง กรุงเทพ ฯ, สำแดง วิชา การ ต่าง ๆ มาก กว่า
คน ที่ ได้ สึกษา ใน สำนักนี้ พุทธสาศนา มาก. ความ รู้ แล รุ่ง
เรือง ใน ใจ คน นั้น, เกิด มา แต่ ไหน เล่า. มิ ควร ที่ จะ ว่า เกิด
มา แต่ คฤศ สาศนา ฤา.

๏ ครั้ง กอ่น พระ เจ้า แผ่น ดิน องค์ หนึ่ง, นอก คฤษสาศนา
ออก ไป เยียม วิกโตเรีย เจ้า เมือง อังกฤษ, เมื่อ กำลัง สั่ง สนทนา
กัน ด้วย ความ รุ่ง เรือง ใน เมือง อังกฤษ นั้น แล้ว, จึง ถาม ว่า,
เหตุ ใด จึง มี ความ รุ่ง เรือง ใหญ่ เช่น ว่า นี้. วิกโตเรีย ท่าน จึง ชี้
ลง ตรง พระ คำภีร์, ที่ เรียก ว่า ใบเบ๊ล, ว่า เมือง อังกฤษ ได้
เปน ใหญ่ ก็ เพราะ พระ คำภีร์ นั้น. นี่ แล เปน คำ จริง. คำภีร์ นั้น
เปน แบบ อย่าง ที่ เมือง ใด ๆ, เมือง นั้น ย่อม มี ความ รู้ รุ่ง เรือง
สว่าง ใหญ่ ขึ้น. แล เมือง ใด ที่ มิ ได้ เอา พระ คำภีร์ นั้น เปน แบบ
อย่าง ย่อม มี ความ มืด หา ได้ จำเริญ มาก ไม่.

๏ ข้อ ที่ ท่าน ว่า พวก ไทย พวก จีน พวก มอญ พวก ยวน, ที่
เข้า วัด คฤษเตียน อยู่ ใน เมือง ไทย นี้, ก็ ไม่ เห็น มี ความ จำเริญ
สิ่งใด. ทำไม ความ สว่าง นั้น ไม่ มา ส่อง ให้ ต้อง คน เหล่า
นี้ ให้ ดี กว่า คน ที่ เขา ไม่ นับถือ คฤษเตียน เล่า. แก้ ว่า ถ้า ความ
เปน ดัง ท่าน ว่า นั้น, ก็ คง เปน เพราะ เขา ที่ เข้า วัด นั้น เปน
คฤษเตียน แต่ ปาก เปน คน ทำ เทียม. ก็ สม กับ คำ ที่ ใน พระ
คำภีร์, ว่า สว่าง ได้ ส่อง มา ใน ที่ มืด, แต่ มืด นั้น หา ได้ รับ
สว่าง ไม่, ด้วย ว่า ผู้ ใด กระทำ การ บาป ก็ ย่อม ชัง สว่าง. ข้าพ
เจ้า มี ความ กลัว ว่าคน ไทย จีน ที่ ได้ เข้า รีด ด้วย พวก มิศชันเอรี
จะ เปน คน เช่น ว่า นั้น โดย มาก. แล คน ที่ จัด ได้ ชื่อ ว่า เปน
คณะ เตียน ใน พวก บาด หลวง นั้น, น่า กลัว ว่า ใน ๑๐๐๐ คน จะ มี
แต่ คน เดียว ที่ ได้ รับ สว่าง ใน พระคำภีร์ นั้น.

๏ ข้าพเจ้า เหน ดัง นี้, เพราะ ใจ ของ เขา ยัง มืด อยู่, หา
ได้ จำเริญ ดี กว่า พวก ใน พุทธสาคนา ไม่. ขอ ท่าน อย่า ได้ นับ
คน เหล่า นั้น ว่า เปน ครุษเตียน เลย. ถ้า ท่าน จะ พิเคราะห์ ดู
ความ จำเริญ, เพราะ พระคำภีร์ ใบเบ๊ล นั้น, เชิญ ท่าน ดู ที่ ข้าง ต้น
เมือง อังกฤษ. คราว นั้น ชาว อังกฤษ ก็ มืด มล ด้วย ถือ รูป
ต่าง ๆ. ภาย หลัง เขา ได้รับ หนังสือ พระคำภีร์ ใบเบ๊ล เปน แบบ
อย่าง, จึ่ง มี ความ รุ่งเรือง ทวี ขึ้น จน ถึง ทุก วัน นี้. เชิญ ท่าน พิ
เคราะห์ ดู เมือง ทั้งปวง ใน ประเทศ ยูรป. ครั้ง ก่อน เขา ถือ
สาศนา นอก คฤษเตียน สิ้น. ที่ หลัง เขา รับ เอา พระ คำภีร์ ใบเบ๊ล
เปน แบบ อย่าง จึ่ง ได้ วิชา การ ความ รู้ ต่าง ๆ ดี ทวี ขึ้น.

๏ เชิญท่าน ดู อย่าง ที่ บังเกิด มา ไม่ สู้ นาน ประมาณ ได้ ๕๐ ปี,
คือ ชาว เกาะ ซันดะวิศ. เมื่อ ก่อน นั้น เขา ถือ รูป คำรพย์ ต่างๆ, ใจ
เขา ก็ มืดมล ต่ำช้า มาก กว่า ชาว ป่า ที่ ใน ประเทศ ไทย นี้. พวก
มิศชันเอรี อเมริกา ไป สำแดง คฤษสาศนา, ชาว เกาะ นั้น ก็ เซื่อ ถือ
โดย มาก, จึ่ง รับ เอา คำภีร์ ไบเบ๊ล ไว้ เช่น แบบ อย่าง เมือง. ขุน
นาง ผู้ใหญ่ ก็ เข้า รีด เปน คฤษเตียน, เมือง เกาะ ซันดะวิศ ก็ จำ
เริญ ขึ้น เรว นัก. ทุกวัน นี้ นับ เข้า ด้วย เมือง ที่ เปน คฤษเตียน,
มี วิชา การ ความ รู้ รุ่ง เรือง ขึ้น มาก กว่า สยาม ประเทศ อีก. อย่า
ให้ ท่าน ซัก ว่า ชาว เมือง ซันดะวิศ เปน คน โง่ นัก จึ่ง เกลี้ย กล่อม
ให้ เข้า เปน คฤษเตียน ง่าย, ถ้า เปน คน ฉลาด จะ ไม่ เชื่อ ง่าย
ดัง นั้น ดอก. ถ้า จะ ขัด ว่า ดัง นั้น ก็ จะ เปน การ ดู หมิ่น ชาว อัง
กฤษ ใน เดิม นั้น เหมือน กัน, แล เช่น การ ดู หมิ่น แก่ คน ชาว
ประเทศ ยูโรป ทั้งปวง, ที่ มี ใจ สัทธา รัก ใน คฤษ ศาสนา ทุก วัน นี้
ด้วย.

๏ ขอ ท่าน ได้ พิจารณา ดู อย่าง ที่ มี ใกล้ เมือง ไทย, คือ พวก
เกี่ยง ที่ แขวง เมือง พม่า. ประมาณ มา ได้ ๔๐ ปี แล้ว, เขา ก็
เปน คน โง่ ต่ำ ช้า นัก, พวก มิศชันเอรี อเมริกา ไป เที่ยว สำแดง
คฤษ ศาสนา สั่ง สอน เขา. เดิม นั้น เขา มิ ได้ มี หนังสือ ที่ จะ เล่า
เรียน เลย. เดี๋ยว นี้ ก็ มี พร้อม เพราะ พวก มิศชันเอรี ไป สั่ง สอน.
เขา ก็ รับ เอา พระ คำภีร์ ไบเบ๊ล นั้น ถือ เปน แบบ อย่าง, ตั้ง เปน
สำนัก นี้ อาจาริย สั่งสอน เปน อย่าง คฤษเตียน หลายแห่ง, จึ่ง เกิด
วิชา ความ รู้ มาก แล้ว. มี คน สัทธา ใน คฤษ สาศนา หลาย ๑๐๐๐
คน. ฝ่าย ขุนนาง อังกฤษ ใน เมือง พม่า ได้ สรรเสิญ พวก กะเหรี่ยง
นั้น มาก เปน เนือง ๆ. ใคร เปน บ้า หอบ ฟาง ฝุ่น ฝอย เล่า, ผู้ ที่
ถือ เอา ไบเบ็ล, ฤา ผู้ ที่ ไม่ รับ ไบเบ็ล, ขอ ท่าน จง พิจารณา ดู
แต่ ผล ทั้ง สอง ฝ่าย, จึ่ง จะ ตักสิ้น ได้.

๏ เรื่อง เมือง อเมริกา บท ๕

๏ ใน เรื่อง เมือง อเมริกา, บท ๔ น่า ๓๖ นั้น, ได้ พรรณ ด้วย
ชาวเมือง อเมริ กา เดิม เปน ชาว ป่า. แล ใน บท ๓ น่า ๑๙ นั้น,
ได้ พรรณนา ด้วย เมือง เม็กซิโก, ที่ เมือง ซเปน ได้ ตี ไว้ ให้ อยู่
ใต้ ร่มธง ของ ตัว, ฅอติศ เปน แม่ ทับ นั้น. มา ภาย หลัง เจ้า
เมือง ซเปน, มี ใจ อิจษา ฅอติศ, จึ่ง จัด คน หลาย คน ให้ ข้าม ทเล
ใหญ่, ไป สืบ พยาน ชำระ ความ ฅอติศ. ผู้ ชำระ เขา ริบ เอา ทรัพย์
สิ่ง ของ ฅอติศ หมด, แล จำ จอง ฅอติศ ไว้ ด้วย. ครั้น มา ภาย
หลัง ฅอติศ ได้ พ้น โทษ, กลับ ไป ยัง เมือง ซเปน. เจ้าเมือง ซเปน
ได้ โปรฎ ฅอติศ บ้าง, แต่ ไม่ มาก เหมือน แต่ ก่อน. ครั้น อยู่ มา
ฅอติศ จัด แจง เรือ ใบ หลาย ลำ, ข้าม มหา สมุท อักสันติก ไป ยัง
ทวีป อเมริกา, เปน ครั้ง ที่ ๒. แล้ว ได้ เที่ยว ไป ถึง ประเทศ แกละ
ฟอเนีย ฝ่าย ทิศ ใต้, เปน คน ได้ ภบ ปะ ประเทศ นั้น ก่อน คน อื่น ทั้ง
ปวง ที่ เปน ชาต ยูรบ. ภาย หลัง ฅอติศ ก็ กลับ ไป ยัง เมือง ซเปน
อีก, แต่ หา ได้ ภบ ผู้ ใด ผู้ หนึ่ง ที่ ได้ นับ ถือ ตัว เหมือน อย่าง แต่
ก่อน ไม่. ครั้น อยู่ มา วัน หนึ่ง, คอ ติศ ปราฐนา จะ เข้า ไป เฝ้า เจ้า
เมือง ซเปน. แต่ ไม่ มี ผู้ ใด ที่ จะ ช่วย สงเคราะห์ นำ เฝ้า เจ้า เมือง
ซเปน นั้น, อยู่ มา วัน หนึ่ง เจ้า เมือง ซเปน ขี่ รถ มา ตาม ถนน,
ฅอติศ เห็น จึ่ง เข้า ไป จับ บันได ที่ ขึ้น รถ ไว้, ประสงค์ จะ ให้ รู้ จัก
ตัว. เจ้า เมือง ซเปน จึ่ง ถาม ว่า, เจ้า นี้ เปน ผู้ ใด. ฅอติศ ทูล ว่า,
ข้าพเจ้า เปน คน ที่ ได้ เก็บ เมือง ใหญ่, มา เข้า อยู่ ใน ร่ม ธง ของ
ท่าน, มาก กว่า บ้าน เมือง เล็ก น้อย, ที่ พระ ราช บิดา ของ ท่าน ได้
ละ ไว้ ใน มือ ของ ท่าน นั้น อีก, แต่ เจ้า เมือง ซเปน นั้น หา ได้ โปรด
ฅอติศ ต่อ ไป ไม่. แล้ว ฅอติศ ก็ กลับ เปน ไพร่ เหมือน ราษฎร ทั้ง
ปวง. ครั้น อยู่ มา อายุ ได้ ๖๒ ปี ก็ ถึง แก่ กรรม ตาย.

๏ ยัง มี ชาว เมือง ซเปน คน หนึ่ง ชื่อ ว่า, พี ซา โร เปน คน ใจ
กล้า หาญ ใน การ เที่ยว ไป, ที่ คน อื่น ไม่ ได้ เคย เที่ยว ไป. เขา ได้
ยิน ข่าว ฦา กัน ว่า, เมือง พิริว ข้าง ฝ่าย ทิศ ใต้ ทวีป เมือง อเมริกา
นั้น, เปน เมืองใหญ่ บริบูรณ์ รุ่ง เรือง ด้วย เงิน ทอง เปน อัน มาก, จึ่ง
มี ความ ปราฐนา เพื่อ จะ เที่ยว ไป ดู. ครั้น ลุ คฤิษศักราช ๑๕๒๔ ปี,
ก็ จัด แจง เรือ ไป หลาย ลำ, แล่น ออก จาก เมือง ปนามา ไป
ฝ่ายใต้. ได้ ปะ หมู่ เกาะ ตำบล หนึ่ง. แต่ หา ถึง เมือง พิริว ไม่,
จึง ต้อง กลับ มา เสีย ครั้ง หนึ่ง.

๏ ครั้น อยู่ มา ลุคฤิษ ศักราช ๑๕๒๖ ปี, ท่าน ก็ จัด แจง เรือ
ใหม่ อิก หลาย ลำ, ใช้ ใบ แล่น ไป โดย ทิษ ฝ่าย ใต้, ประสงค์ จะ
ให้ ถึง เมือง พิริว ให้ จง ได้. แต่ ทาง นั้น กันดาร ไป ยาก ลำ บาก
นัก. ครั้น ไป ผาน หลายวัน แล้ว ยัง ไม่ ถึง, พวก ของ ตัว ที่ ไป
นั้น ก็ เสีย ใจ ไป, หยาก จะ กลับ มา. ฝ่าย พิซาโร จึ่ง แวะ เข้า จอด
ที่ หาด ทราย ชาย ทเล ให้ พวก ของ ตัว ขึ้น ไป ด้วย. แล้ว จึ่ง เอา
กระบี่ ขีด ลง ที่ หาด ทราย ชาย ทเล, ตั้ง อยู่ ทิษ ตวัน ออก กับ ทิษ
ตวัน ตก ตรง กัน. ว่า ดูกร ท่าน พวก ของ เรา, ถ้า เรา ข้าม รอย
ขีด นั้น ไป ฝ่าย ใต้, คง จะ ได้ ความ ยาก ลำบาก นัก, จะ ขัด
สน ด้วย ของ กิน แล ผ้า ผ่อน นุ่ง ห่ม, แล จะ ถูก ต้อง ห่า ฝน แล
ลม พายุ ใหญ่, แล จะ ภบ ปะ ซึ่ง การ ยุทธ สงคราม, แล จะ
ถึง แก่ ความ ตาย เปน แท้. แต่ ฝ่าย ทิษ ข้าง เหนือ นี้, ถ้า เรา
กลับ ไป จะ ได้ ความ สงบ เงียบ ปราศจาก อันตราย. ก็ แต่ ว่า ข้าง
ฝ่าย ใต้ นั้น เปน เมือง พิริว อยู่ อัน บริบูรณ์ ด้วย ทรัพย์ สิน เงิน ทอง,
แล ทิษ ข้าง เหนือ นี้ มี เมือง ปนามา, ที่ มี แต่ ความ เข็ญใจ ประ
กอบ ด้วย ความ ขัดสน กัน ดาร นักหนา. ให้ พวก เรา จง เลือก
เอา ใน บัด เดี๋ยว นี้, ซึ่ง รอย ขีด นั้น ท่าน จะ ข้าม ไป ฤา ไม่. ให้
เลือก เอา ตาม ที่ สม ควร กับ ที่ บังเกิด เปน ลูก ผู้ ชาย กล้า หาญ
แห่ง เมือง ซเปน นั้น. แต่ ตัว เรา นี้ คง จะ ไป ข้าง ทิษ ใต้. พิซา
โร กล่าว แต่ เพียง นี้, พวก ของ ตัว นั้น, ก็ ยอม ไป ด้วย แต่ ๑๓
ตน, ที่ เหลือ นอก นั้น ก็ พา กัน กลับ มา. ฝ่าย พิซาโร ก็ ตั้ง หน้า
ข้าม ไป, ด้วย ใจ เข้ม แขง กล้า หาญ นัก. จะ ต้อง แล่น ไป โดย
ลำบาก, ก็ แต่ ว่า ไม่ ช้า นาน เท่า ใด, ก็ ไป ถึง เมือง ตุมบัด,
ใน แขวง เมือง พิริว. แล้ว ก็ ได้ เห็น เมือง นั้น สม บูรณ์, มั่งคง
ไป ด้วย ทรัพย์ พัสดุ เงิน ทอง, สม กับ คำ ที่ เขา เล่า ฤา ไป ได้
ยิน นั้น จริง. ครั้น ได้ เห็น พร้อม แล้ว ก็ กลับ ใบ ยัง เมือง
ปนามา. แล้ว จึ่ง เขียน เรื่อง ราว ตาม ที่ ได้ เห็น, ถวาย เจ้า เมือง
ซเปน. ๆ ก็ โปรฎ ให้ พิซาโร จัด แจง กระบวน ทัพ, แล้ว ให้ เปน
แม่ ทัพ ยก ไป ตี เอา เมือง พิริว เข้า ใน ร่ม ธง เมือง ซเปน.

๏ ครั้น ถึง ศักราช ๑๕๓๑ ปี, พิซาโร จัดแจงกระ
บวน ทหาร เดิน ทหาร ขี่ ม้า ๖๗ ท้าว ๑๑๐ คน, คน, มี
ปืนใหญ่ สอง บอก ก็ ยกไป ตี เมือง พิริว, เปน เมือง ใหญ่ ยาว
ได้ ๒๐๐๐ ไมล์. มี ราษฎร หลาย ล้าน คน, คน มั่ง มี มาก,
และ ทหาร ที่ ฝึก สอน ใน การรบ ชำนิ ชำนาญ ก็ มี มาก, เปน ทับ
ใหญ่ หลาย ทับ. ถึง กระนั้น พิซาโร ยัง มี ทหาร น้อย ไม่ ถึง ๒๐๐
คน ก็ อาจ ที่ เอา ได้, ใน ปี เดียว ก็ ได้ เมืองใหญ่ เหล่า นั้น เข้า
ใน ร่ม ธง เมือง ซเปน ได้. แต่ พิซาโร ทำ ศึก ด้วย ความ ชั่ว มาก
หลาย อย่าง นัก, จึ่ง เหน ว่า ไม่ ควร จะ สรรเสิญ, ดุจ เหมือน
ไม่ ควร ที่ จะ สรรเสิญ, ปัญา แขง แรง ของ ปี่สาจ หมือน กัน.
เจ้า เมือง ซเปน ได้ เมือง พิริว เข้า ใน ร่ม ธง แล้ว ก็ ตั้ง พิซาโร
ขึ้น เปน เจ้า เมือง พิริว, เมื่อ ขณะ พิซาโร ครอง เมือง นั้น, มี
ใจ ข่ม ขี่ ราษฎร เก่า ๆ มาก. พิซาโร จึ่ง สร้าง เมือง หลวง ขึ้น
ใหม่, เรียก ชื่อ เมือง นั้น ว่า ลิมา. แล เมือง นั้น ยัง ตั้ง อยู่
ตราบ เท่า ทุก วัน นี้. พิซาโร จัด แจง ให้ สร้าง เมือง อีก หลาย
เมือง. สั่ง ให้ ขุด แร่ เงิน แร่ ทอง ที่ มี ใน ประเทศ นั้น มาก นัก.
เมือง ซเปน จึ่ง บังเกิด มี เงิน ทอง มาก กว่า แต่ ก่อน นัก.

๏ ครั้น ถึง คฤษ ศักราช ๑๕๔๑ ปี, มี คน พวก หนึ่ง คิด
ประทุษร้าย ฆ่า พิซาโร ถึง อนิจกรรม์ ตาย.

๏ เรื่อง สิงหโต ๚ะ

๏ สิงหโต นั้น นักปราช ทั้งหลาย นับ เนื่อง เข้า ใน พวก แมว,
เปน สัตว ใหญ่ ยิ่ง ใน พวก แมว. พวก อังกฤษ นับ ว่า, เปน
พระยา แห่ง สัตว เดียรฉาน ทั้งปวง ใน ป่า. มัก เกิด ใน ทวีป เอเซีย.
ข้าง ทิศ ใต้, แล ทวีป อาฟริกา นั้น. ที่ ตัว ใหญ่ ๆ นั้น, กำหนด
โดย ยาว ได้ แปด ฟิต, โดย สูง นั้น สี่ ฟิต กริ่ง. ๚ะ


[]

๏ อนึ่ง สิงหโตผิดกัน กับ สัตวอื่น ๆ, เพราะ มี หัว
ใหญ่, แล มี ขน ที่ คอ ยาว, แล ที่ หน้าผาก ก็ ใหญ่ ด้วย.
โกรธ แล้ว, ทำ หน้า ย่น ตา พอง. ขน ที่ คิ้ว นั้น ยาว ปุก
ปุย. ตัว นั้น ใหญ่ มี กำลัง มาก นัก, วิ่ง เร็ว ด้วย. หาง นั้น ยาว,
เมื่อ โกรธ ขึ้น มา แล้ว, ฟาด หาง แรง นัก. ขา นั้น ใหญ่ โต นัก,
ที่ ท้าว มี เล็บ ยาว ตครบ แรง ด้วย. ๚ะ

๏ อนึ่ง สิงหโต ทั้งปวง เมื่อ แผด เสียง ดุจ ดัง ฟ้า ร้อง. เมื่อ
โกรธ ก็ ยิ่ง ดัง ขึ้น ไป กว่า นั้น อีก. อนึ่ง สิงหโต ที่ ทวีป เอ
เชีย, แล ทวีป อาฟริกา ข้าง ทิศ เหนือ นั้น, ขน เปน สี เหลือง
เทา ๆ, ขน ที่ คอ สี เหลือง แก่. ก็ แต่ ว่า สิงหโต ที่ ทวีป
อาฟริกา ข้าง ทิศ ใต้ นั้น, ศีศะ กลม กว่า ศีศะ สิงหโต ข้าง
เหนือ. ตัว นั้น ก็ ต่ำ เตี้ย กว่า สิงหโต ข้าง ฝ่าย เหนือ, แล ขน
เปน สี ดำ ด้วย. เหตุ เช่น นี้ จึ่ง เรียก ชื่อ ว่า สิงหโต ขน ดำ. ๚ะ

๏ อนึ่ง สิงหโต ตัวผู้ ตัวเมีย ทั้งสอง อย่าง, อาการ ก็ คล้าย
คล้าย กัน. แต่ รูป ตัวเมีย ก็ เล็ก ๆ และ งาม ด้วย. ฉลาด รู้
ความ มาก กว่า สิงหโต ตัวผู้. แต่ ขน สร้อย คอ ไม่ มี เหมือน ตัว
ผู้. สำแดง กิริยา ไม่ สู้ ดุ ร้าย เหมือน ตัว ผู้. ก็ แต่ ว่า
เมื่อ มี ลูก อ่อน, ก็ ดุ ร้าย มาก เพราะ หวง ลูก. ถึง
ตน แล สัตว จะ มา มาก เท่าใด, ก็ ไม่ กลัว, คง จะ สู้ รบ
เพราะ หวง ลูก จน ตัว ตาย. อนึ่ง เมื่อ เขา ได้ จับ เอา มา ขัง ไว้
แต่ เล็ก ๆ ก็ เชื่อง ดอก, แต่ ยัง มี ดุ ร้าย บ้าง. ๚ะ

๏ ธรรมดา สิงหโต, มี ความ ฉลาด ใน การ ที่ จะ จับ สัตว
กิน เหมือน แมว ทั้งหลาย. อนึ่ง มัก สกุ้ง ตก ใจ ง่าย. แต่
เมื่อ หิว อยาก อาหาร แล้ว, ก็ ดุ ร้าย นัก, สัตว อื่น ๆ ไม่ อาจ
จะ ต้าน ทาน สู้ รบ กำลัง ได้. [4m] ๚ะ

๏ อนึ่ง คำ บูราณ กล่าว ไว้ ว่า, เสียง คน พูด นั้น ย่อม เปน ที่
สกุ้ง กลัว แก่ สัตว ร้าย ทั้งปวง. มิศเตอ กัมมิง ที่ ได้ ไป อยู่ ใน
ทวีป อาฟริกา ห้า ปี นี้, ได้ กล่าว ไว้ ว่า, ข้าพเจ้า ได้ ยิง สิงหโต ตัว
เมีย ที่ อยู่ ใกล้ ด้วย กระสุน โดด นัด หนึ่ง, ไป ถูก สิงหโต ตัว
นั้น, แต่ หา ตาย ไม่, กลับ วิ่ง หมุน มา ไล่ ข้าพเจ้า. ทำ
สิงหนาท แผด เสียง ดัง ฟ้า ร้อง, แล้ว ฟาด หาง ตาม สีข้าง.
แต่ สิงหโต ตัว ผู้ นั้น ก็ วิ่ง หนี ไป. เมื่อ สิงหโต ตัว เมีย นั้น วิ่ง
มา จะ ถึง ข้าพเจ้า, ๆ ก็ ผุด ลุก พลึ่ง ยืน, เอามือ ถือ ปืน ชู ขึ้น
ไว้. ส่วน สิงหโต เห็น ดัง นั้น, ก็ หยุด ยืน ฉงัก อยู่. แล้ว
เหลียว ไป ดู หา เหน เพื่อน นั้น ไม่. แล้ว จึ่ง ได้ เหน เพื่อน
ของ ข้าพเจ้า เดิน ย่อง เข้า มา. สิงหโต นั้น ก็ โกรธ คำราม
ร้อง มาก ขึ้น, เดิน ตรง จะ เข้า มา หา ข้าพเจ้า. ครั้น ข้าพเจ้า
เหน ว่า, การ ที่ สิงหโต ข้า มา นั้น, เปน ความ น่า กลัว หนัก หนา.
แล้ว เหน ว่า, ต้อง แขง ใจ ยืน นิ่ง อยู่. ข้าพเจ้า จึ่ง ลืม ตา เปล่ง
เพ่ง ดู อยู่. แล้ว ได้ ร้อง ตวาด ด้วย เสียง อัน ดัง, ประสงค์
จะ ให้ สิงหโต กลัว ที่ นั้น. ฝ่าย สิงหโต ตัว เมีย ก็ หยุด ยืน ฉงัก
อยู่, ข้าพเจ้า จึ่ง คิด ว่า, ควร ที่ เรา จะ ถอย หลัง เดิน ไป.
แล้ว ก็ ทำ อาการ เช่น นั้น. แล้ว ร้อง ตวาด ไป พลาง. สิงหโต
นั้น เหน เพื่อน กัน ไม่ อยู่ แล้ว ก็ หนี ไป. ๚ะ

๏ เขา ได้ ฦๅ กัน ว่า, กิริยา ของ สิงหโต ถ้า ว่า ได้ รศ
โลหิต แล้ว, เกิด ความ อยาก โลหิต เปน กำลัง. ความ เข้า ใจ
อย่าง นี้ มี ทั่ว ไป ใน ประเทศ อินเดีย. จึ่ง คน ทั้งหลาย เมื่อ รู้ ว่า,
สิงหโต ตัว ใด ได้ รู้ รศ โลหิต แล้ว ก็ ยิง เสีย. มี เรื่อง ราว เปน
ตัว อย่าง ดัง นี้. ๚ะ

๏ อยู่ มา วัน หนึ่ง, นาย ทหาร คน หนึ่ง นอน หลับ อยู่ บน
เตียง, ได้ เอา มือ ซ้าย ห้อย ลง ไป ข้าง นอก เตียง. เมื่อ ตื่น ขึ้น
ได้ รู้ สึก ว่า, ลูก สิงหโต ที่ เปน ที่ รัก ของ ตัว นัก, เลีย มือ แรง
จน โลหิต ออก. เมื่อ เขา จะ ชัก มือ ขึ้น, สิงหโต ก็ คำราม คาบ
เอา มือ ไว้. นาย ทหาร ได้ เหน ว่า ลูก สิงหโต กลับ ดุะ ขื้น, แล้ว
ก็ ชัก ปืน แขน เสื้อ ออก จาก ใต้ หมอน หนุน หัว, แล้ว ก็ ยิง
สิงหโต นั้น ตาย. ๚ะ

๏ เรื่อง สิงหโต ที่ ทำ ร้าย แก่ คน ทั้งหลาย นั้น, มาก นัก
เหลือ ที่ จะ พรรณา. คน ทั้งปวง ย่อม รู้ ว่า, สัตว พวก แมว เมื่อ
ได้ จับ สัตว ที่ เปน อาหาร ของ ตัว นั้น, เมื่อ จับ นั้น ยัง มิ ให้
ตาย ก่อน. เมื่อ จะ กิน จึ่ง จะ ให้ ตาย. ๚ะ

๏ ล่วง มา หลาย ปี แล้ว, มี นาย ทหาร อังกฤษ คน หนึ่ง,
ที่ ได้ ออก ไป เที่ยว ยิง สัตว, ก็ สิงหโต ตัว หนึ่ง มา เขา ตบ ตัว ลง
ด้วย ตื่น. เมื่อ เขา นึก ขึ้น มา จำ ได้ ว่า, มี มีด เหน็บ ๆ ไว้ ที่ ตัว
เขา นั้น, จึ่ง ช้อย ชัก ออก มา ไม่ ให้ สิงหโต รู้ ได้. แล้ว แทง ตรง
หัว ใจ สิงหโต ตาย. ๚ะ

๏ ข่าว มา แต่ เมือง พม่า ๚ะ

๏ เจ้าแผ่นดิน พม่า มี เรือ กล ไฟ ใหม่, ชื่อ อะเนนศต, แปล
ว่า ซื่อ สัต, เปน เรือ กล ไฟ สำหรับ ใช้ ใน ลำ แม่ น้ำ เมือง พม่า.

อังกฤษ พวก หนึ่ง ชื่อ บูลลัก แอน คำ ปนี ที่ เมือง ย่างกุ้ง, แล
เมือง บัศไซน์ แล เมือง อักยับ แล เมือง ชิตกง เปน ผู้ ส้าง เรือ
นั้น. เจ้าแผ่นดิน เมือง พม่า ใช้ เงิน ราคา เรือ นั้น, เมื่อ ณวัน
เดือน ๑๑ แรม ๕ ค่ำ.

๏ อนึ่ง ใน จดหมายเหตุ เมือง พม่า, ที่ เรียก มรแมง แอด
เวอไทยเซอ นั้น, เมื่อ ณวัน เดือน ๑๑ แรม ๕ ค่ำ, มี เรื่อง ว่า ด้วย
การ ศิลประสาศ สั่ง สอน ใน เมือง พม่า, ที่ ขึ้น แก่ อังกฤษ ตาม
อย่าง ประเทศ ยุรบ. ที่ ปลาย ปี คฤษ ศักราช ๑๘๖๔ นั้น, มี ที่
สั่ง สอน กุลบุตร ตาม ภาษา มอญ, ๑๘๐ แห่ง. มี ลูก สิศ สาม
พัน เจ็ด ร้อย ห้า สิบ เจ็ด คน. สั่ง สอน ตาม ภาษา ตีแนะ สริม,
มี อยู่ ๑๕ แห่ง, ลูก สิศ ๑๒๗๒ คน. ตาม ภาษา อาระกัน มี แต่
สอง แห่ง, ลูก สิศ ๒๗๒ คน, รวม เข้า ด้วย กัน ใน สำนักน์
ที่ สั่ง สอน นั้น เปน ๒๐๗ แห่ง, ลูก สิษ ๕๒๕๑ คน.

๏ นอก บาญชี นี้ มี สำนักน์ สั่ง สอน อีก แปด แห่ง, ๆ ที่
เปน ของ บาดหลวง ห้า ได้ นับ ลูก สิษ ไม่. ใน เรื่อง นั้น เขา สรร
เสิญ ว่า มี ลูก สิศ ใน สำนักนี้ นั้น หลาย คน, ที่ มี วิชา ความ รู้
มาก กว่า พวก พราหมณ์ ที่ ได้ ชื่อ ว่า เปน ครู ใหญ่, แล มาก กว่า
พวก อาจาริย์ ใหญ่ ใน พุทธสาศนา นัก. เมื่อ มี ความ รู้ แท้ ๆ,
เขา ได้ ฝัง ไว้ ใน ใจ ลูก สิศ มาก แล้ว, แล ความ ที่ เคย เชื่อ หลาย
สิ่ง หลาย อย่าง ที่ ไม่ ควร จะ เชื่อ นั้น, จะ สูญ หาย ไป เพราะ วิชา
การ ความ รู้ ความ สว่าง นั้น.

๏ อนึ่ง ข่าว มา แต่ บำไบ ว่า, มี จำ พวก หนึ่ง ว่า, จะ ตั้ง
โคม ให้ ส่อง สว่าง เมื่อ เพลา กลาง คืน เปน อย่าง ใหม่, เรียก ว่า
อีเลกโตร แมคเนต อิกไลต์. ข่าว ว่า สว่าง นั้น มี แสง กล้า นัก
ภอ ที่ คน อยู่ ไกล หลาย สิบ เส้น จะ เห็น ตัว หนังสือ ชัด อ่าน ได้.

๏ เมือง ปีแนง ที่ เกาะ หมาก ๚

๏ อนึ่ง หนังสือ จดหมายเหตุ ที่ เกาะมาก, เรียก ว่า บีแนง
อาคัศ, เมื่อ ณวัน เดือน ๑๑ แรม ๗ ค่ำ, มี ข้อ ความ ว่า ด้วย
พวก แขก มะหะมัด, เปน เรื่อง สำแดง ใน สาศนา ของ เขา. ที่ สุด
ปลาย เรื่อง นั้น ว่า; เวลา มา ถึง เข้า แล้ว ควร ขุนนาง อังกฤษ
ที่ เปน กฤษเตียน จะ พิจารณา ดู สาศนา มะฮัมมัด, จะ มี ผล ประ
โยชน์ ฤา หา ประโยชน์ มิ ได้ เปน อย่างไร. แล สาศนา มะฮัมมัด ได้
เปน ความ แช่ง มา หลาย ร้อย ปี, ที่ ประเทศ ดี งาม กว่า ประเทศ
อื่น ทั้งปวง ใน โลกย์ นี้. เรื่อง ราว นาน มา ได้ สำแดง ความ ชัด
ด้วย สาศนา มะฮัมมัด, เปนใจ ความ ว่า, ได้ สั่ง สอน ลูก สิษ ให้
เปน คน อาสัจ อาธรรม์, ให้ มีใจ ดื้อ ดึง ให้ เปน คน มัก ข่ม ขี่ ผู้
อื่น แล ให้ เปน คน ชอบ ถิม แทง ฟัน กัน. สาศนา มะฮัมมัด ห้าม
วิชา การ ความ รู้ ดี ขึ้น, แล ห้าม บันดา การ ที่ จะ ให้ มี ความ สัจ
บริสุทธิ์ มาก ขึ้น. จะ ไป ตั้ง ที่ ไหน ๆ ก็ ให้ เมือง นั้น เสื่อม เสีย
ตาง ๆ แล เมือง ทั้งปวง ที่ ได้ รับ ตาม ก็ ต้อง มี ความ อัปยศ นัก
หนา. แล เมือง เตอกี, ที่ ได้ ถือ สาศนา มะฮะเม็ด ทุก วัน นี้, ก็ ได้
สำแดง เปน ความ ชัด ว่า, สาศนา มะฮัมมัด ไม่ รู้ จัก มี ความ ดี ขึ้น
เลย. ๚ะ

ราคา สีนค้า ที่เมือง ปีเนง

๏ เมื่อ ณ.เดือน ๑๒ ขึ้น ๕ ค่ำ.

๏ หมาก ๗ เหรียน ๒๕ เซนท์, แล ๗ เหรียน ๓๕ เซนซ์.

๏ ขี้ ผึ้ง หาบ ละ ๔๐ เหรียน แล ๔๖ เหรียน.

๏ การบูน หาบ ละ ๒๒ เหรียน แล ๒๓ เหรียน.

๏ น้ำ มัน มพราว หาบ ละ ๑๒ เหรียน แล ๑๓ เหรียน.

๏ กาแฝ่ หาบ ละ ๑๔ เหรียน แล ๑๕ เหรียน.

๏ งา ช้าง อย่าง ใหญ่ หาบ ละ ๑๗๕ เหรียน แล ๒๐๐ เหรียน.
อย่าง เล็ก หาบ ละ ๑๓๐ เหรียน แล ๑๖๐ เหรียน.

๏ กำยาน อย่าง ที่ หนึ่ง หาบ ละ ๔๘ เหรียน แล ๕๐ เหรียน.
อย่าง ที่ สอง ๒๕ เหรียน แล ๒๖ เหรียน. อย่าง ที่ สาม ๑๒
เหรียน, แล ๑๘ เหรียน.

๏ หนัง ควาย หาบ ละ ๗ เหรียน ๕๐ เซนท์. แล ๗ เหรียน
๗๕ เซนท์.

๏ หนัง วัว หาบ ละ ๑๐ เรียน, แล ๑๑ เหรียน.

๏ เขา ควาย หาบ ละ ๗ เหรียน, แล ๗ เหรียน ๕๐ เซนท์.

๏ ฝิ่น อย่าง บีนาเรศ, หีบ ละ ๕๗๐ เหรียน. แล ๕๘๐
เหรียน. อย่าง เตอกี หาบ ละ ๔๔๐ เหรียน แล ๔๖๐ เหรียน.

๏ พริก ไทย ดำ หาบ ละ ๕ เหรียน ๑๐ เซนท์, แล ๕ เหรียน
๓๕ เซนท์.

๏ เข้า ซาว ย่างกุ้ง, เกียน ละ ๑๑๐ เหรียน แล ๑๒๐ เหรียน.
เข้า อย่าง กลาง เกียน ละ ๙๖ เหรียน, แล ๑๐๐ เหรียน.

๏ เข้า กล้อง เกียน ละ ๘๕ เหรียน, แล ๙๒ เหรียน.

๏ เข้า เปลือก เกียน ละ ๔๘ เหรียน, แล ๕๒ เหรียน.

๏ เกลือ เกียน ละ ๑๖ เหรียน, แล ๑๗ เหรียน.

๏ ครั่ง บะฮา หนึ่ง ๓๒ เหรียน, แล ๓๕ เหรียน.

๏ น้ำ ตาล ทราย ที่ หนึ่ง หาบ ละ ๖ เหรียน. แล ๗ เหรียน.
ที่ สอง หาบ ละ ๔ เหรียน ๗๕ เซนต์, แล ๕ เหรียน ๕๐ เซนต์.
นำ ตาล แดง หาบ ละ ๓ เหรียน แล ๓ เหรียน ๗๕ เซนต์.

๏ ตกั้ว เกรียบ หาบ ละ ๒๐ เหรียน ๗๐ เซนต์, แล ๒๑
เหรียน ๒๕ เซนต์.

ราคา สินค้า กรุงเทพ ทุก วัน นี้

๏ เข้า นา เมือง เกียน ละ ๕๒ บาท, นา สวน ๖๒ บาท.

๏ น้ำ ตาล ขาว อย่าง ที่ หนึ่ง หาบ ๑๔ บาท ๒ สลึง เฟื้อง.
อย่าง ที่ สอง ๑๔ บาท. อย่าง ที่ สาม ๑๓ บาท สลึง. น้ำ ตาล แดง
หาบ ละ ๕ บาท ๒ สลึง, น้ำ ตาล ใน ท้อง ตลาด มี น้อย.

๏ พริกไทย หาบ ละ ๑๐ บาท.

๏ ฝาง อย่าง ที่ ๔ ดุ้น ๕ ดุ้น หนัก หาบ หนึ่ง เปน หาบ ละ ๒
บาท ๓ สลึง. อย่าง ที่ ๕ ดุ้น ๖ ดุ้น เปน หาบ, ๆ ละ ๒ บาท ๒
สลึง,

๏ ไม้ สัก ยก ละ ๑๐ บาท ๒ สลึง แต่ มี น้อย.

๏ ไม้ ชิงชัน ๑๐๐ หาบ เปน เงิน ๒๑๐ บาท, แล ๒๔๐ บาท
ตาม เล็ก ใหญ่.

๏ หนัง ควาย หาบ ละ ๑๐ บาท สลึง.

๏ หนัง วัว หาบ ละ ๑๓ บาท ๓ สลึง.

๏ เขา ควาย ดำ หาบ ละ ๑๐ บาท ๓ สลึง.

๏ กำยาน ที่ หนึ่ง หาบ ละ ๒๑๐ บาท. อย่าง ที่ สอง ๑๕๐
บาท.

๏ รง ดี้ หาบ ละ ๔๙ บาท.

๏ งา เมล็ด หาบ ละ ๗๙ บาท ๒ สลึง.

๏ ครั้ง ที่ หนึ่ง หาบ ละ ๑๓ บาท. ที่ สอง ๑๑ บาท.

๏ งา ช้าง หาบ ละ ๓๓๐ แล ๒๓๕ บ้าง ตาม เล็ก ใหญ่.

๏ กระวาน หาบ ละ ๑๖๐ บาท.

๏ เร่ว หาบ ละ ๒๑ บาท ๓ สลึง เฟื้อง.

๏ กะสอบ ๑๐๐๐ ละ ๘๓ บาท.

๏ ไหม ลาว หาบ ละ ๓๕๕ บาท.

๏ ไหม ยวน หาบ ละ ๗๐๐ บาท,

๏ ทอง คำ ใบ ที่ หนึ่ง เรียก ว่า ฮันเสง นั้น, หนัก บาท หนึ่ง
เปน ราคา เงิน ๑๙ บาท ๓ สลึง.


๏ การ แลก เงิน เหรียน ที่ สิงกโปร์, ได้ กำไร ๑๐๐ ละ ๕
เหรียน.

๏ เรื่อง ช้าง ทำ ผิด ปลาด ๚ะ

๏ ใน กาล ก่อน มี ช้าง ตัว หนึ่ง, ที่ เจ้าของ ได้ เอา ไป ขัง
ไว้ ใน ฉาง เข้า แล้ว ลืม เสีย, มิ ได้ ปล่อย ให้ ไป หา กิน. ครั้น
เวลา ดึก เที่ยงคืน ช้าง ตัว นั้น หิว มี ความ อยาก เปน กำลัง. จึ่ง
เบิด ปตู ฉาง ออก ไป ได้. แล้ว เข้า ใน สวน เก็บ ผล องุ่น, แล
ผลไม้ ต่าง ๆ กิน เปน อัน มาก. แล้ว ช้าง นั้น ยิ่ง หิว กระวน กระ
วาย มาก ขึ้น ไป กว่า แต่ ก่อน, แล ได้ เดิน เที่ยว ไป ใน สวน.
ครั้น ลม พัด ภา เอา กลิ่น ของ กิน มา จาก โรง ครัว. เมื้อ ช้าง
นั้น ได้ กลิ่น กับ เข้า จึ่ง เบิด ปตู โรงครัว เข้าไป. ใน ขณะ นั้น
คน ใน โรงครัว หา อยู่ ไม่. ใน ที่ นั้น มี ห่าน ปิ้ง อยู่ ตัว หนึ่ง,
เขา ปิ้ง ไว้ สำรับ จะ กิน ใน เวลา เช้า. ใส่ จาน ฝา บด ไว้. ช้าง
ก็ เช็ด ฝา จาน นั้น ออก, แล้ว ก็ กิน ห่าน ปิ้ง นั้น เสีย หมด.
แล้ว บันดา ของ กิน ใน โรงครัว นั้น, ช้าง ก็ ค้น กิน เสีย จน สิ้น
เชิง. ครั้น กิน หมด สิ้น แล้ว, ก็ ทุบ ถ้วย ชาม แล ภาชน ใช้
สอย ทั้ง ปวง, เสียง ดัง สนั่น จน เจ้า ของ เรือน นั้น ตกใจ ตื่น ขึ้น.
จึ่ง วิ่ง ไป ดู ได้ เหน ช้าง นั้น, ก็ ตกใจ สำคัญ ว่า ผี หลอก. แล้ว
ร้อง ด้วย เสียง อัน ดัง ว่า, ผี ปีศาจ มัน เข้า มา ใน โรง ครัว เรา
แล้ว. แล้ว ช้าง นั้น ก็ โกรธ กระทืบ ท้าว อังวาด ต่าง ๆ. ครั้น
นาย ช้าง นั้น ได้ยิน ก็ มา, เอา ไม้ ไล่ ช้าง นั้น ออก ไป เสีย. ๚ะ

อังกฤษ กิน เนื้อ วัว ปี หนึ่ง กี่ ตัว สัตว์

๏ หนังสือ จดหมาย อังกฤษ ใบ หนึ่ง, เรียก ว่า มันเชสเทอ
คาเดียน ว่า, ตัว วัว ที่ อังกฤษ กลืน ลง ทุก วัน ๆ คิด ปี หนึ่ง เปน
สอง ล้าน ตัว. ที่ เมือง ลอนดอน นั้น เอง ปี ละ สอง แสน แปด
หมื่น ตัว. ลูก วัว สาม หมื่น ตัว. ตัว แกะ ตัว หมู่ ที่ กลืน ลง
ไป, ปี หนึ่ง ได้ ล้าน หนึ่ง กับ ห้า แสน สาม หมื่น ตัว. ถ้า จะ
คิด ราคา สัตว์ ที่ อังกฤษ กลืน ลง ไป ทุก ปี คิด ราคา เปน เงิน
เหรียน ปี หนึ่ง เจ็ด ร้อย ล้าน เหรียน. สัตว์ ที่ เกิด ใน เกาะ อังกฤษ
นั้น ไม่ พอ เลย, ต้อง ซื้อ มา แต่ เมือง นอด มาด. อังกฤษ มัก คิด
ว่า ถ้า ไม่ ได้ กิน เนื้อ สัตว์ แล้ว จะ ไม่ อยู่ ได้, เหมือน ไทย อด
เข้า เหมือน กัน. จึ่ง เกิด ความ น่า กลัว เพราะ โรค โค กระบือ
นั้น, เกลือก กลัว ว่า เนื้อ สัตว์ จะ แพง นัก.


๏ ชาว อังกฤษ มี กี่คน ๚

๏ อนึ่ง จดหมายเหตุ เมือง อังกฤษ เรียกว่า อีวีนิ่ง เมล์ นั้น ว่า,
ชาว เมือง อังกฤษ ที่ อยู่ เกาะ อิ่งลันด์ และ ไอระลันด์ และ ชคอต
ลันด์ นั้น, กลาง ปี คฤษศักราช ๑๘๖๕ นั้น, นับเปน ยี่สิบเก้า ล้าน
เจ็ด แสน เจ็ด หมื่น สอง พัน สอง ร้อย เก้า สิบ สี่ คน. ถึง มี ชาว
อังกฤษ ออก จาก บ้าน ไป อยู่ ที่ เมือง อื่น มาก ทุก ปี ๆ, คน ที่ ใน
เมือง นั้น กำลัง ทวี ขึ้น ทุก ปี ๆ. ถ้า จะ นับ อังกฤษ ที่ อยู่ นอก
เมือง ใน เมือง รวม กัน จะ กว่า หกสิบ ล้าน คน.

๏ เมือง ย่างกุ้ง ๚ะ

๏ อนึ่ง จดหมายเหตุ, ที่ เมือง ย่างกุ้ง เรียก ว่า ย่างกุ้ง ไตม์
ว่า, คน ฝา แฝต ที่ ออก ไป จาก เมือง สยาม, ไป อยู่ เมือง อเมริ
กัน นั้น, ข้อ ที่ สงไสย ว่า, จะตาย ด้วย กัน ฤาจะ ตาย คน ละที นั้น
ไม่ ควร จะ สงไสย อีก เลย. เพราะ หมอ ทั้งปวง ได้ ดู เทพจร ที่ หัว
ใจ ทั้ง สอง คน เหน เต้น พร้อม กัน, แล ที่ มือ ก็ พร้อม กัน ด้วย
ไม่ ผิด กัน เลย. อาการ หาย ใจ เข้า ออก ทั้ง สอง คน ก็ เหมือน
กัน. เมื่อ หมอ เอา เชือก รัด ที่ สดือ เบา ๆ, คน ทั้งสอง แทบ
จะ สลบ ไป. ถ้า จะ รัด ให้ หนัก ก็ คง จะ ตาย ทั้งสอง คน. เพราะ
เหตุ นี้ จึง เหน ว่า คน ทั้งสอง จะ ตาย พร้อม กัน. ถึง ทุก วัน นี้
คน หนึ่ง เหนื่อย คน อื่น ก็ เหนื่อย เหมือน กัน. คน หนึ่ง แสบ ท้อง
คน อื่น ก็ แสบ ท้อง เหมือน กัน. คน หนึ่ง หาว นอน คน อื่น
ก็ หาว นอน เหมือน กัน. คน หนึ่ง อยาก เดิน เที่ยว เล่น, จิตร
คน อื่น ก็ ปราถนา เหมือน กัน. คน ทั้ง สอง คน นั้น ก็ เปน ใจ
เดียว กัน, หา ได้ ขัด เคือง กัน ไม่ เลย. คน สอง คน ติด กัน เช่น
นั้น ไม่ มี ทั่ว ไป ใน โลกย์.

๏ ถ้า เมือง ไทย ไม่ ได้ เกิด ความ อัศจรรย์ อย่าง อื่น แล้ว, ก็
นี่ แล เปน อัศจรรย์ อย่าง ใหญ่, ไม่ มี เมือง อื่น ที่ จะ สู้ ได้ เลย.

๏ มี ข่าว มา ใน หนังสือ ย่างกุ้ง ไตม์ นั้น อีก ว่า, ที่ เมือง
เอเด็ล แขวง เมือง อารอบ นั้น เข้า ก็ แพง นัก, คน ตาย เพราะ อด
เข้า เปน หลาย พัน. แล ขุนนาง อังกฤษ ที่ เมือง เอเด็ล นั้น,
มี หนังสือ มา ถึง เมือง บำไบ, แล เมือง กาละกัตตา, ขอ ให้ ช่วย
อุปถำภ์ โดย เร็ว, คน ตาย มาก เพราะ อด อาหาร นัก. เขา มี
แต่ เงิน, เข้า นั้น หา มิ ที่ จะ ซื้อ ไม่.

๏ โรค โค กระบือ ที่ เมือง อังกฤษ ๚

๏ โรค นั้น ยัง กำลัง มาก ขึ้น, สัตว ตาย วัน ละ หลาย พัน
ตัว. อาการ ตัว สัตว แต่ แรก เศร้า หมอง ใจ, ยืน คอ ตก ไป, ใบ
หู ลู่ ไป ข้าง หลัง, ตา แดง, บางที ตัว สั่น หา ได้ กิน สิ่ง ใด ไม่. น้ำ
ไหล จาก ตา แล จะ มูก, ตัว ร้อน ปลาย เท้า เย็น หายใจ สั้น ๆ
เหนื่อย. มี เสียง คราง เครือ ไป, ไอ ด้วย แต่ ไม่ มาก, ริม
ฝีปาก ข้าง บน แดง เป็น เม็ด เบี้ย, ที่ ท้องผูก ก็ มี บ้าง, ที่
สง ก็ มี มาก. เมื่อ จะ เดิน ก็ โซเซ ไป. หมอ สำรับ รักษา
ก็ รักษา มิ ได้. ถ้า เห็น โรค จับ สัตว ตัว ใด เข้า แล้ว, หมอ เห็น
ควร จะ แยก ออก เสีย จาก กัน, เพราะ เป็น โรค ติด กัน.

๏ ข่าว ที่ มา ใหม่ ว่า, โรค นั้น ติด กับ ฝูง แกะ ด้วย, แล้ว
ก็ ตาย มาก.

๏ ในหลวง ที่ เมือง สิงคโปร ๚

๏ ณ เดือน ๑๑ แรม ๑๓ ค่ำ กงสุน สยาม ที่ เมือง สิงคโปร,
ยก ธง ต่าง ๆ มาก, คำนับ มา ใน พระบาท สมเด็จ พระ จอม เกล้า
เจ้า ยูหัว ฝ่าย ประเทศ สยาม, เพราะ เป็น วัน กำเนิด ท่าน.

๏ การ วัด น้ำ ใน มหา สมุท ใหม่ ๚ะ

๏ น้ำ ใน บอละติกซี่, ใน ระหว่าง เมือง เยอมินิ่, แล เมือง ซวี
เกน นั้น, ลึก ร้อย ๒๐ ฟิต, น้ำ ทเล ที่ รว่าง เมือง อังกฤษ แล
ฝรั่งเสศ ลึก ๓๐๐ ฟิต, ทเล ฝ่าย ใต้ ไอริลันด์ เฉียง ตะวัน ตก
ฦก ๒๐๐๐ ฟิต. น้ำ ที่ สเตรศชิบรอล์เตอ นั้น ฦก ๑๐๐๐ ฟิต. ไป
จาก นั้น ฝ่าย ตวัน ออก หน่อย หนึ่ง เป็น ลึก ๓๐๐๐ ฟิต. ชาย ทเล
เมือง ซเปน ฦก ๖๐๐๐ ฟิต. ชาย ทเล เมือง อเมริกา ฝ่าย เหนือ
ลึก ๗๘๐๐ ฟิต. ทเล ฝ่าย ตะวันออก จาก อัฟริกา ลึก ๒๗๐๐๐
ฟิต. ทเล ฝ่าย ใต้ อัฟริกา ลึก ๑๖๐๐๐ ฟิต. มหาสมุท อัฐลันติก
ลึก ประมาณ ปานกลาง ๒๖๐๐๐ ฟิต. มหาสมุท เปซี่ฟิก ลึก
ประมาณ ปานกลาง ๒๙๐๐๐ ฟิต.

คำ เปรียบ ด้วย ตัว ฬา

๏ มี คน ช่าง ทำ แป้ง เข้า สาลี คน หนึ่ง กับ บุตร ชาย คน
หนึ่ง, ได้ ไล่ ลา ตัว หนึ่ง ไป ขาย ที่ ตลาด. ครั้น เมื่อ ไป ได้
หน่อย หนึ่ง, จึง ได้ ภบ พวก หญิง สาว หลาย คน, แล้ว พวก
หญิง นั้น ครั้น เหน ชาย เจ้า ของ ลา สอง คน พ่อ ลูก นั้น, เดิน
ตาม ลา ไป, จึ่ง หัวเราะ เยาะ, แล้ว พูด กัน ว่า, เรา ยัง ไม่ เคย
เหน คน โง่ เซลา เหมือน เช่น นี้ เลย. ครั้น พ่อ ได้ ยิน ดัง นั้น,
จึ่ง ให้ ลูก ขื้น ขี่ ลา ไป, แต่ ตัว พ่อ นั้น เดิน ตาม ลา ไป. ครั้น
ไป อีก หน่อย หนึ่ง, จึ่ง ภบ คน แก่ เถียง กัน อยู่. ครั้น คน แก่
นั้น ได้ เหน ลูก ชาย นั่ง ไป บล หลัง ลา, แต่ พ่อ นั้น เดิน ไป, จึ่ง
พูด กัน ว่า, ท่าน ได้ เหน คน โฉด นั้น นั่ง ไป บน หลัง ลา ฤา ไม่.
การ นี้ เปน ความ ดู หมิ่น คน แก่ นัก หนา, อ้าย เด็ก ซุก ซน เอ๋ย
จง ลง เสีย จาก หลัง ลา เถิด.

๏ ครั้น เด็ก นั้น ได้ ยิน แล้ว จึ่ง โจน ลง เสีย จาก หลัง ลา.
แล้ว จึ่ง ให้ บิดา ขึ้น นั่ง ไป บน หลัง ลา. ครั้น ไป ได้ ประมาน
ครู่ หนึ่ง, ตาม หาด ทราย, จึ่ง ไป ภบ หญิง ทำ การ อยู่ หลาย คน.
เขา ร้อง ว่า ชาย คน นี้ ไม่ มี ใจ เอน ดู ลูก บ้าง เลย, ให้ ลูก ลง
เดิน ไป ตาม หาด ทราย ที่ ลุ่ม ฦก นัก. ส่วน ตัว นั้น ขึ้น นั่ง ไป
บน หลัง ลา สบาย แต่ ตัว ผู้ เดียว. ครั้น เมื่อ คน ช่าง ทำ แป้ง เข้า
สาลี่ นั้น ได้ ยิน, จึ่ง เรียก ให้ ลูก ขึ้น นั่ง ไป บน หลัง ลา ด้วย กัน
ทั้ง สอง คน. มา ตาม ทาง โดย ลำดับ จวน ใกล้ ถึง ตลาด, จึ่ง
ปะ คน เลี้ยง แกะ, เขา จึ่ง ถาม ว่า, นี่ เปน ลา ของ ท่าน ดอก ฤา,
เฃา ตอบ ว่า เปน ของ เรา เอง. ฝ่าย คน ข้าง อื่น นั้น ตอบ ว่า, เรา
คิด ว่า ลา นี้ มิ ใช่ เปน ของ ท่าน, เพราะ การ ที่ ท่าน ได้ บันทุก
ตัว หนัก นัก, ที่ ท่าน กับ ลูก ได้ ขึ้น นั่ง ไป บน หลัง ลา นั้น. ควร ที่
ท่าน ทั้ง สอง จะ ยก สัตว นั้น ไป. ฝ่าย คน ทั้ง สอง ครั้น ได้ ยิน ดัง
นั้น, ก็ ลง เสีย จาก หลัง ลา, แล้ว เอา เชือก มา ผูก ท้าว ลา เข้า,
แล้ว ก็ หาม ไป ตาม ทาง, ถึง ที่ แห่ง หนึ่ง ก็ มี คน แตก ตื่น กัน
มา ดู, เพราะ เปน การ ชอบ กล. ครั้น พ่อ ลูก หาม ลา ไป ถึง
ตพาน ลา ก็ ตื่น เชือก ลุด ตก น้ำ ตาย.

๏ ฝ่าย เจ้า ของ ลา ก็ ภา กัน กลับ ไป บ้าน ของ ตน, จึ่ง
คิด เสีย ใจ ด้วย เสีย ดาย ลา เปน กำลัง. แล้ว ว่า ที่ หลัง เรา
จะ ไม่ คิด กระทำ ตาม ถ้อย คำ ท่าน ทุก ๆ คน อีก เลย.

๏ ดุจ ดัง นั้น เจ้า ของ หนังสือ นี้, เหน ว่า จะ ทำ จดหมาย
เหตุ ให้ คน ทั้งปวง ชอบ ทุก คน ก็ จะ ลำบาก เต็ม ที่. เหมือน
ผู้ ช่าง ทำ เข้า สาลี่ นั้น. ถ้า จะ ตั้ง ใจ แขง แรง ให้ ชอบ ทุก คน,
แล ไม่ อาจ ทำ การ ที่ จะ ขัด ขวาง ใจ ผู้ ใด, การ ของ เรา ก็ คง จะ
เสีย ไป เหมือน ลา ของ ผู้ นั้น. คน ทั้ง ปวง ที่ อ่าน จดหมาย เหตุ นี้,
ใจ ไม่ เหมือน กัน. บาง คน เปน ขุนาง แล จ้าว นาย, มี.

ความ รู้ มาก อยู่ แล้ว, ไม่ ปราถนา จะ ดู ความ ตื้น ๆ จืด ๆ, ไม่
สู้ ยาก ดู เรื่อง ราว นายห้าง. บาง คน เปน นายห้าง ยาก จะ มี เรื่อง
นายห้าง มาก. บาง คน เปน คน เด็ก รู้ น้อย, อยาก จะ รู้ การ
เลอียด มาก ขึ้น. ข้าพเจ้า จึง เหน ควร จะ มี เรื่อง ใน จดหมาย
เหตุใบ นี้ ต่าง ๆ ฦก ๆ บ้าง ตืน ๆ บ้าง, เปี้รยว หวาน จืด เค็ม,
เพื่อ จะ ให้ ทั้งปวง เลือก เอา ตาม ชอบ ใจ เทอญ.


บางกอก ดอกกำปนี คือ เจ้า ของ อู่ใหม่

๏ อู่ แห้ง นี้ พึ่ง ทำ แล้ว, พร้อมใจ จะ รับ เรือใหญ่ น้อย ทุก
อย่าง. เชิญให้ท่านเจ้า ของ เรือ, แล นาย เรือ ทั้งหลาย, จง ดิ
จารณ ดู อู่ ใหม่ นี้. คง จะ เหน ว่า เปน อู่ ดี กว่า อู่ ทั้งปวง ใน บุระ
ประเทศ นี้. จะ ได้ แก้เรือ ซ่อม แปลง เสียใหม่ โดย สดวก ดี. ที่
อู่ นั้น ยาว ได้ ๓๐๐ ฟุต, แล คง จะให้ ยาว กว่า นั้น อีก. โดย กว้าง
ได้ ๑๐๐ ฟุต, ฤก ๑๕ ฟุต. ที่ ปาก อู่ มี ปะตู เรียก ว่า ไกซัน, ถ้า
จะ ปิด มิด ได้ โดย เรว. ที่ นอก ปาก อู่ ใน ออก ไป นั้น, จด ถึพ
ลำ แม่น้ำ โดย ยาว ๑๒๐ ฟุต. มี เขื่อน สอง ฟาก กว้าง ขวาง แขง
แรง นัก, กำปั่น เล็กกำ ปั่น ใหญ่ จะ จอด อาไศรย อยู่ ปาก อู่ ได้ ใน
ทุก เวลา ไม่ เปน อันตราย เลย. แล มี เครื่อง จัก สำรับ ยก เสา
กะโดง, แล บ่อ น้ำ สำรับ กลไฟ แขง แรง นัก. อู่ นั้น พร้อม
ด้วย เครื่อง สูบ ไป ด้วย กำลัง กลไฟ. มี แรง มาก เพื่อ จะ ได้ สูบ
น้ำ ให้ ออก ได้ โดย เร็ว ได้, ไม่ ว่า น้ำ ขึ้น น้ำ ลง. พร้อม ด้วย
เครื่อง ใช้ ใน การ ทำ เรือ ใบ แล เรือ กล. แล การ นั้น มี นาย ที่
เปน ชาติ ยูรบ, ได้ เคย ทำ การ เช่น นั้น หลาย ปี, จึง ชำ นาณ
ใน การ เหล่า นี้ ทุก อย่าง.

๏ แล ลูก จ้าง สำรับ อู่ นั้น เปน คน เลือก มา แต่ ฮ่องกง แล
วัมภู ทั้ง นั้น, เปน คน ชำนาญ ใน การ นั้น. ๏ พวก กำปะนี แห่งอู่
นั้น, ปราถนา ที่ จะให้ คน ทั้งหลาย พิเคราะห์ ดู ว่า, อู่ นี้ ตั้ง อยู่ ที่ มี
ไม้ สัก บริบูรณ แล ถูก ด้วย. ๏ อนึ่ง อู่ นี้ มี จักร เลื่อยไม้, เพื่อจะ
ได้ การ เร็ว. หมอน ที่ รอง เรือ สูง สี่ ฟุต, แล จะ ชัก ออก เมื่อใด
ก็ ชัก ได้ โดย สดวก, ไม่ ต้อง เสีย อะไร ใน การ เปลี่ยน หมอน นั้น.

๏ อนึ่ง พวก กำปะนี แห่ง อู่ นั้น, จะ รับ ธุระ คิด ใน การ ที่
จะ ต้อง ลง ทุน ซ่อม แปลง เรือ, แล จะ รับ เหมา เอา การ นั้น,
เรือไม้ ก็ ดี เรือเ หล็ก ก็ ดี, แล จะ รับ ต่อ เรือ ใบ เรือ กลไฟ ฤๅ
การ ใด ๆ ที่ ใน การ ช่าง ต่อ เรือ ซ่อม แปลง เรือ. ๏ ไม้ แล
เหล็ก แล ของอื่น ๆ ที่ จะ ต้อง ซื้อ นั้น, เรา จะ ขาย ให้ ตาม ราคา
ตลาด กรุงเทพ นี้. ๏ อนึ่ง เรือ ทั้งหลาย ที่ จะ เข้า อู่ นั้น, จะ มา
จอด ที่ ทุ่น แห่ง กำปะนี ฤๅ ที่ เขื่อน นอก อู่ นั้น, ไม่ ต้อง เสีย เงิน
กว่า ผู้ ที่ เปน นาย การ จะ ส่ง ให้ เลื่อน ออก จาก ที่ นั้น เมื่อใด.

๏ อนึ่ง กปิตัน แห่ง เรือ ทั้งหลาย, เมื่อ จะ ออก จาก อู่ นั้น,
ต้อง เขียน ชื่อ ตัว ลง ที่ บาญชี แห่ง นาย อู่ นั้น เสีย ก่อน จึ่ง ออก
ได้. ๏ อนึ่ง แต่ บันดา หนังสือ, ที่ จะ ฝาก มา ถึง อู่ นั้น, ต้อง
ฝาก ไป ถึง มิศเตอ เฮาวาด กว่า จะ ได้ เปลี่ยน อย่าง นั้น, บัดนี้
มิศเตอ เฮาวาด เปน นาย กอง นั้น, เปน เจ้า กระทรวง ใน การ ที่ จะ
ใช้ เงิน เก็บ เงิน แต่ ผู้ เดียว.

นาย ช่าง ต่าง ๆ

๏ ผู้ ที่ จด ชื่อ ที่ สุด ท้าย หนังสือ นี้, เคย ทำ การ ช่าง ใน
ประเทษ ยูรบ มา หลาย ปี, คือ เปน ช่าง จักร, ช่าง เอนชินเนีย, แล
เคย ชำนาญ ใน การ ทำ แผนที่, แล การ คิด ราคา เครื่อง จักร
ต่าง ๆ, แล ได้ รับ การ ตั้ง แล ซ่อม แปลง หม้อ น้ำ กล ไฟ, แล
จักร หีบ อ้อย, แล เครื่อง ไฮโดร เอกซ์แตรกตอ สำรับ ให้ น้ำตาล
แห้ง เร็ว. แล เครื่อง จักร สี เข้า, แล เครื่อง จักร เลื่อย ไม้, แล
เครื่อง หีบ น้ำมัน มพร้าว. แล เครื่อง จักร สำรับ กวาด ตกั่ว, แล
เงิน แล ทอง แดง, แล เครื่อง อัฏ ชื่อ ไฮดรอลิกเปรสซ์, แล ตะ
ภานเหล็ก, เครื่อง เหล็ก สำรับ ยก ของ ที่ ตะภาน กำปั้น, แล จักร
น้ำ, แล เครื่อง สำรับ จักร ต่าง ๆ, แล การ ใส่ ฟัน จักร ใหญ่, แล
จักร สำรับ สูบ น้ำ ขึ้น บน ฟัน นา, แล การ ช่าง อื่น ต่าง ๆ.

๏ ข้าพเจ้า ขอ แจ้ง มา ถึง เจ้าของ เรือ กลไฟ, แล จักร สี
เข้า, แล จักร หีบ อ้อย, แล ผู้ อื่น ๆ ทั้งปวง ว่า, ข้าพเจ้า พร้อม
ใจ จะ รับ เอา การ ที่ ว่า มา แล้ว ใน หนังสือ นี้. ถ้า ผู้ ใด ๆ ปราถนา
มา หา ข้าพเจ้า โดย การ นี้, ขอ เชิญ ท่าน มา หา ข้าพเจ้า ที่ อู่ ใหม่
ตำบล บ้าน คอก ควาย ใน แขวง กรุง เทพ นี้, ให้ มา ใน รหว่าง
เวลา สี่ โมง เช้า, แล สี่ โมง บ่าย.

๏ คืน กลับ มา กรุงเทพ ฯ ๚ะ

๏ ณวัน พฤหัสบดี เดือน สิบ สอง แรม หก ค่ำ, มิศเตอเฮนรี่
อาละบัศเตอ เปน ผู้ ช่วย กงสุล อังกฤษ กลับ มา แต่ เมือง อังกฤษ,
ได้ ภรรยา ภา มา ด้วย.

๏ อนึ่ง เมื่อ ณวัน อาทิตย์ เดือน ๑๒ แรม เก้า ค่ำ, มิศเตอ
ทัมมัศมิลเลอส์ เอนชินเนี่ย, กลับ มา แต่ เมือง ยูในติศเทศ, โดย
สาร พา แต่ เมือง นิวยอก ๑๒๑ วัน ครึ่ง ก็ ถึง กรุงเทพฯ ได้ ภา
ชาย ข่าว อ.เมริกา มา ด้วย ๒ คน. คน หนึ่ง ชื่อ ทัมมัศซิเฮาล์
เปน เอม ซิเนีย คน หนึ่ง ชื่อ ชอตชิ กลาก, เปน เสมียน
บัญชีย์. มิศเตอ มิลเลอ ได้ เคย ทำ การ เอนซินเนีย ใน กรุง
เทพ ฯ หลาย ปี. ครั้ง เมื่อ มิศเตอ อาเลนด์ แอนกิบน์ กำลัง
จำเริญ อยู่ นั้น, มิศเตอ มิลเลอ เปน นาย การ นั้น แต่ ผู้ เดียว
แล้ว ก็ กลับ ไป.


ข่าว ยูรบ ออก จาก กรุงเทพ ฯ

๏ ณวัน พุทธ เดือน สิบ สอง แรม สิบ สอง ค่ำ, มิศเตอ
ชอดชินอกซ์ กงสุล อังกฤษ, แล มิศเตอ นิวมัน ผู้ ช่วย กงสุล
อังกฤษ, โดย สาร เรือ เจ้าพยา จะ ออก ไป เมือง สิงคโปร์ แล้ว,
มิศเตอชินอก จะ ออก ไป เมือง มรเม่ง, แล มิศเตอนิวมัน จะ
ออก ไป เมือง อังกฤษ.

๏ เนึ่ง เรือ ชื่อ ฟากี่, ที่ จม น้ำ อยุ่ อ่าว ทเล ไทย หลาย เดือน
มา แล้ว, มิศเตอ เวอซิมแอนกำปนี เอา ขึ้น ได้ แล้ว, แล โยง มา
ถึง กรุง เทพฯ , ได้ การ ดี แล้ว ควร ที่ จะ สรรเสริญ ผู้ ทำ. ๚ะ


การ ค้า ขาย ที่ เมือง นิวยอก

๏ ณ เดือน ๙ ใน ระหว่าง เจด วัน เปน เงิน ขา เข้า, หนึ่ง ๕
ล้าน ๔ แสน ๘๔๓๕๘ เหรียน. ขา ออก เปน เงิน ถึง ล้าน เจ็ด
แสน แปด หมื่น พัน ๙๗๑ เหรียน. ค่า ธรรมเนียม ที่ ได้ เกบ
ใน เจ็ด วัน นั้น, ถึง ๒ ล้าน ๙ แสน ๕๑๔๓๗ เหรียน.

๏ อนึ่ง คน เข้า มา แต่ ประเทศ ยูรป, มา ถึง นิวยอก ใน
เจ็ด วัน นั้น, เปน ๖๑๔๗.

๏ อนึ่ง คน ชาว ประเทศ ยูรป, กำลัง โดยสาร ข้าม ทเล
ไป อยุ่ เมือง ยูไนติดเตส มาก. คฤษ ศักราช ๑๘๖๕ นี้, ตั้ง แต่ ต้น
ปี จน ถึง กลาง ปี, คน ที่ ไป จาก เมือง ปรึน เบน แขวง ประเทศ
ยูรป แห่ง เดียว นับ ได้ ๑๘๗๖๐ คน.


 ประนินทิน บอก โมง แล ทุ่ม ใน ข้าง ขึ้น เดือน อ้าย นี้ ๚ะ

คำ อังกฤษ

คำ ไทย

คำ จีน

อาทิตย์ ขึ้น กี่โมง

อาทิตย์ ตก กี่โมง

อาทิตย์ เที่ยง กี่โมง

จันทร์ ขึ้น กี่ ทุ่ม

เดือน โนเวมเบอ

เดือน อ้าย

เดือน สิบ







วัน อาทิตย์ 

๑๙ ค่ำ

ขึ้น

ค่ำ

ขึ้น

ค่ำ

ย่ำรุ่ง แล้ว

นาที

โมง ๒๖ นาที

บ่าย ๑๔นาที

ทุ่ม

นาที

วัน จันทร 

๒๐ ค่ำ

"

  ค่ำ


ค่ำ

"

นาที

โมง ๒๖ นาที

บ่าย ๑๔นาที


๕๔ นาที

วัน อังคาร 

๒๑ ค่ำ

"

  ค่ำ


ค่ำ

"

นาที

โมง ๒๕ นาที

บ่าย ๑๔นาที

ทุ่ม กับ

๔๕ นาที

วัน พุทธ

๒๒ ค่ำ

"

  ค่ำ


ค่ำ

"

นาที

โมง ๒๕ นาที

บ่าย ๑๔นาที

กับ

๓๗ นาที

วัน พฤหัสบดี 

๒๓ ค่ำ

"

  ค่ำ


ค่ำ

"

นาที

โมง ๒๕ นาที

บ่าย ๑๓นาที

กับ

๒๙ นาที

วัน ศุกร 

๒๔ ค่ำ

"

  ค่ำ


ค่ำ

"

นาที

โมง ๒๕ นาที

บ่าย ๑๓นาที

กับ

๒๓ นาที

วัน เสาร์ 

๒๕ ค่ำ

"

  ค่ำ


ค่ำ

"

นาที

โมง ๒๕ นาที

บ่าย ๑๓นาที

กับ

๑๗ นาที

วัน อาทิตย์ 

๒๖ ค่ำ

"

  ค่ำ


ค่ำ

"

๑๐ นาที

โมง ๒๕ นาที

บ่าย ๑๒นาที

กับ

นาที

วัน จันทร 

๒๗ ค่ำ

"

  ค่ำ


๑๐ ค่ำ

"

๑๐ นาที

โมง ๒๖ นาที

บ่าย ๑๒นาที

กับ

๑๑ นาที

วัน อังคาร

๒๘ ค่ำ

"

๑๐  ค่ำ


๑๒ ค่ำ

"

๑๑ นาที

โมง ๒๖ นาที

บ่าย ๑๒นาที

กับ

นาที

วัน พุทธ 

๒๙ ค่ำ

"

๑๑ ค่ำ


๑๓ ค่ำ

"

๑๑ นาที

โมง ๒๖ นาที

บ่าย ๑๑นาที

กับ

นาที

วัน พฤหัสบดี 

๓๐ ค่ำ

"

๑๒ ค่ำ


๑๔ ค่ำ

"

๑๒ นาที

โมง ๒๖ นาที

บ่าย ๑๑นาที

กับ

นาที

วัน ศุกร 

ค่ำ

"

๑๓ ค่ำ


๑๕ ค่ำ

"

๑๒ นาที

โมง ๒๖ นาที

บ่าย ๑๑นาที

๑๐กับ

นาที

วัน เสาร์ 

ค่ำ

"

๑๔ ค่ำ


๑๖ ค่ำ

"

๑๓ นาที

โมง ๒๗ นาที

บ่าย ๑๐นาที

๑๑กับ

นาที

วัน อาทิตย์ 

ค่ำ

"

๑๕ ค่ำ


๑๗ ค่ำ

"

๑๓ นาที

โมง ๒๗ นาที

บ่าย ๑๐นาที

ขื้ ๑๒ทุ่ม



๏ อนึ่ง ที่ เมือง นิวบอก, เกิด การ ฉ้อ ใหญ่ นัก เปน เงีน
สี่ ล้าน สอง แสน ห้า หมื่น เหรียน,คน ฉ้อ นั้น ชื่อ เอตวาด. บี.เกต์
ชำ. เปน คน หนุ่ม อายุ ได้ ๓๐ ปี, จับ ไว้ แล้ว.

๏ อนึ่ง ข่าว มา แต่ เมือง เม็กซิโก ที่ ขึ้น แก่ ฝรั่งเสศ นั้น ว่า,
เอมปีรอ แมกซิมิลิยัน เจ้า เมือง, นั้น ต้อง การ ทหาร อีก แสน
คน, เพื่อ การ ศึก ใน เมือง เม๊กซิโก จะ ได้ ราบ คาบ.


เรือ สยาม ที่ ค้าง อยู่ เมือง จีน

๏ ค้าง อยู่ ที่ เมือง ชีฟู, ณ เดือน ๑๐ แรม ๑๕ ค่ำ. คือ มอร์
ซิมัน ๑ ไต วัด ๑ เอมิกกุลัศซ์ ๑ เซนเอตอ ๑ มาเรีย ๑ กองกิรอ ๑
ควีน ออฟ อิงก์แลนด์ ๑ .

๏ ค้าง อยู่ ที่ เมือง ซะวะเตา, ณ เดือน ๑๑ แรม ๖ ค่ำ คือ
แคนตอน ๑ ไตงฮน ๑ .

๏ ค้าง อยู่ ที่ เมือง เอมุ่ย, ณ เดือน ๑๑ แรม ๕ ค่ำ คือ เอ
มอย ๑ อีไลซาเชน ๑ .

๏ ค้าง อยู่ ที่ เมือง ฮอ่งกง ณ เดือน ๑๑ แรม ๑๐ ค่ำ, คือ ออ
กัสต์ ๑ แกศ เกล์ ๑ กอนเตศ ๑ เดนมาก ๑ โคไลอา ๑ ชิงฮอย ๑
มีริเดียน ๑ มูลไลต์ ๑ ปรีเซศน แรบพี้ ๑ ซุตติงศตา ๑ อีวีนา ๑
ออลเตอ ๑ ยุน พัดฮิน ๑ .

๏ ค้าง อยู่ เมือง เชี่ยงไฮ. ณ เดือน ๑๑ แรม ค่ำ หนึ่ง, คือ
ฮับซิง ๑ ปาเรคอน ๑ เซตออศ ๑ ไตลง ๐ .


กำปั่น เข้า กรุงเทพ

เข้ามา เมื่อไร

กำปั่น ชื่อไร

กับ กัปตัน ชื่อไร

กี่ ตัน

เรือ อะไร

มา แต่ ไหน

เดือน ๑๒ ขึ้น ๑๔ ค่ำ

เฟตฟุลส์

ฟิลป

๒๗๙

ปาก อังกฤษ

สิงคโปร์

๑๕ ค่ำ

เฟรศเฮนดริก

แมคเคนอ

๕๗๒

ปาก ดัชช์

ปัตตาเวีย

แรม ค่ำ

โยฮันนา

โอนแฮนด์

๒๖๐

บริก ดัชช์

ปัตตาเวีย

ค่ำ

ยูนไชยฮง

ริเศเลน

๓๖๐

ปาก สยาม

ฮ่องกง

ค่ำ

วัดเทอลิลลี่

เทศ

๑๔๐

สกูนเนอ อังกฤษ

ฮ่องกง

ค่ำ

ไคยโอ

คาลิลส์

๑๓๖

สกูนเนอ อังกฤษ

ฮ่องกง

ค่ำ

เจ้าพะยา

ออร์ตัน

๓๕๓

กล ไฟ สยาม

สิงคโปร์

ค่ำ

เอศมรันส์ดา

เดวิด์

๔๐๐

ปาก แฮมเบิก

แมคาว

ค่ำ

ไฮดิกโก

ไรน์เดอ

๗๓๓

ปาก ฮอลันดา

ชาวา

๑๒ ค่ำ

โอเรศตี

วุลฟ์

๓๘๐

ปาก สยาม

ฮ่องกง

ออก เมื่อไร

กำปั่น ออก จาก กรุงเทพ

จะ ไป ไหน

เดือน ๑๒ ขึ้น ๑๕ ค่ำ

กิมไทตง

จีน

๒๑๘

สกูนเนอ สยาม

ละคอน

แรม ค่ำ

โปรซิมาเตีย

ชาวิด

๓๕๘

ปาก อังกฤษ

สิงคโปร์

ค่ำ

กอนคอเดีย

อิ่มข์


กล ไฟ สยาม

อ่าว ทะเล ไทย

ค่ำ

ฮงไทยคอรอ

จีน

๒๐๐

ปาก สยาม

ชาวา

๑๒ ค่ำ

เจ้าพยา

ออร์ตัน

๓๕๓

กล ไฟ สยาม

สิงคโปร์

๑๒ ค่ำ

ไฮดิกโก

ไรน์เดอ

๗๓๓

ปาก ดัชช์

แม่ กลอง

๑๓ ค่ำ

กิม ซง ชุน

ชาว ชวา

๔๘

เพรา ดัชช์

ปตาเวีย